เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 194 ลูกของฉันโตขึ้นและเริ่มเรียนรู้วิธีเอาใจผู้หญิง
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 194 ลูกของฉันโตขึ้นและเริ่มเรียนรู้วิธีเอาใจผู้หญิง
บทที่ 194 ลูกของฉันโตขึ้นและเริ่มเรียนรู้วิธีเอาใจผู้หญิง
เสิ่นหรูเหมยมองที่คาดผม ก่อนจะพูดออกมา “ถ้ามันพัง เราก็แค่ซื้อใหม่”
“แต่นี่คือของที่พ่อทิ้งไว้ให้หนูนะคะ” เถียนเถียนกล่าวเสียงแหบแห้ง
เสิ่นหรูเหมยลูบศีรษะเด็กหญิงอย่างแผ่วเบา “ก็ในเมื่อมันคือของที่พ่อให้ไว้ ไม่ว่ามันจะพังหรือไม่พัง มันก็ยังเป็นของที่ระลึกของพ่อ”
“ถึงมันจะพัง มันก็ยังเป็นของ ๆ เขาไม่ใช่เหรอจ๊ะ? สำหรับลูกแล้วสิ่งนี้มีความสำคัญและมีความหมายใช่ไหม แล้วอย่างนั้นจะพังหรือไม่พังความหมายของมันจะต่างไปรึเปล่า?”
เถียนเถียนหยุดร้องไห้ เวลานี้ดวงตากลมโตมองแม่ แล้วพึมพำอย่างเชื่อฟัง
หลังเงียบไปสักครู่ เสิ่นหรูเหมยก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง “อย่างนั้นบอกแม่ซิว่ามันพังได้ยังไง”
เถียนเถียนกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะหันมองผิงอันกับเถี่ยหนิว แล้วเงยหน้ามองแม่ของตนเอง
“หนูไม่รู้ว่ามันพังยังไง พอกลับมาจากเข้าห้องน้ำ มันก็พังแล้ว”
ผิงอันได้ยินแล้วอดไม่ได้ที่จะหดหู่
จากนั้นเถียนเถียนก็กล่าวขึ้นว่า “แล้วตอนนั้นผิงอันก็เดินเข้ามายัดไข่ใส่มือของหนู พอพวกเขาถาม หนูก็ไม่กล้าตอบออกไป เพราะหนูกำลังเสียใจอยู่…”
หลังตระหนักถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เถียนเถียนก็เอาแต่พูดว่ามันพัง เพราะมันคือของต่างหน้าพ่อเธอ เธอไม่ได้กล่าวหาผิงอันสักคำ
เธอเพียงไม่ได้ยอมรับ หรือปฏิเสธใด ๆ!
ผิงอันถอนหายใจ
เถี่ยหนิวขมวดคิ้ว ก่อนจะหันมองผิงอันด้วยความโกรธ
“ถ้าไม่เห็นว่าใครเป็นคนทำ บางทีเขาอาจจะทำมันพังก็ได้ แล้วเอาไข่มาให้เพื่อปลอบใจ!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ ทำไมถึงต้องเอาไข่ไปให้เธอด้วยล่ะ!”
คำพูดของเถี่ยหนิวทำผิงอันพูดไม่ออก เขาไม่สามารถบอกใครได้ว่าเขาชอบเธอ
แต่เจียงหว่านคล้ายเข้าใจบางอย่าง จึงกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “ทำไมจะไม่ได้?”
ทุกคนหันมองเธอทันที
เจียงหว่านพูดว่า “เถียนเถียนเสียพ่อของเธอไป และผิงอันก็สูญเสียแม่ของเขาด้วยเช่นกัน พวกเขาต่างก็ประสบปัญหาเดียวกัน และการที่เขาอยากจะดูแลเถียนเถียนมันผิดตรงไหน?”
เถี่ยหนิวกัดฟันแน่น หันมองแม่อย่างขอความช่วยเหลือ
จ้าวเจวียนถลึงตาใส่เขา “ไม่ต้องมามองแม่ แม่ทำอะไรหล่อนไม่ได้หรอกนะ!”
เถี่ยหนิวได้ยินอย่างนั้นก็กระทืบเท้าอย่างหงุดหงิด!
ผิงอันก็พูดขึ้นว่า “ก่อนหน้านี้ผมจะเข้าไปหาเธอแล้ว แต่เพราะมีคนอื่น ๆ ล้อมเธอมากเกินไป ผมเลยยังไม่เข้าไป”
“หลังจากหมดคาบเรียน ผมเห็นว่าไม่มีใคร ผมก็เลยเข้าไปหา”
“แต่ผมไม่ได้ทำมันพังนะ!”
เถียนเถียนเองก็ไม่ปฏิเสธที่ผิงอันพูด
แต่เด็กหญิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะโศกเศร้า ก้มมองที่คาดผมในมือ
เจียงหว่านคล้ายนึกบางอย่างขึ้นได้ เดินเข้าไปหา ก่อนจะพูดว่า “ขอฉันดูที่คาดผมนั้นหน่อยได้ไหม?”
เถียนเถียนเหลือบมองแม่ของตน แต่เมื่อเสิ่นหรูเหมยพยักหน้า เธอจึงยื่นที่คาดผมให้เจียงหว่านดู
เจียงหว่านมองดู และเห็นว่าสิ่งนี้ถูกยึดติดกันไว้ด้วยกาวร้อน
และมันน่าจะเพิ่งถูกวางขาย เพราะดูแล้วเป็นสินค้าที่ใหม่พอสมควร
เธอหันมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเอ่ยปาก “ใครมีไฟแช็กบ้าง?”
ทุกคนต่างทำหน้าสับสน แล้วอาจารย์เฉินก็ตอบว่า “ฉันมีไม้ขีด”
เจียงหว่านพยักหน้า “ใช้ได้ ฉันขอยืมหน่อย”
หลังจากได้ไม้ขีดมาแล้ว เจียงหว่านจุดไฟก่อนจะติดสตรอว์เบอร์รีที่หลุดเข้าที่เดิม
หลังทำเสร็จแล้ว เธอก็ยื่นที่คาดผมคืนให้เถียนเถียน
พอเห็นว่ามันถูกซ่อมแล้ว เถียนเถียนก็ยกยิ้มอย่างมีความสุข ใบหน้าเล็ก ๆ กลับมาสดใสอีกครั้งราวกับดอกทานตะวันที่เบ่งบานท่ามกลางแสงอาทิตย์
สาวน้อยคนนี้เปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วเสียจนน่ารำคาญ
เสิ่นหรูเหมยเดินเข้ามาขอบคุณเจียงหว่านอย่างจริงใจ
“ขอบคุณที่ซ่อมมันให้กับเธอนะคะ ถึงฉันจะปลอบใจเธอได้ แต่ก็ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการทำให้สิ่งของที่พ่อเธอไว้ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม”
เจียงหว่านส่ายศีรษะ “คุณก็เก่งมากเหมือนกันค่ะ ฉันไม่เคยเห็นใครสั่งสอนเด็ก ๆ ได้ดีแบบนี้มาก่อนเลย”
เจียงหว่านรู้สึกว่าเสิ่นหรูเหมยเป็นคนที่น่าประทับใจมาก
ตั้งแต่เธอมายังยุคนี้ ทุกคนรอบตัวดูจะไร้เหตุผลไปเสียหมด แต่เสิ่นหรูเหมยคนนี้กลับมีเหตุผลมากจนน่าประทับใจ
ความอ่อนโยนและเข้มแข็งของเธอทำให้เจียงหว่านอับอาย
เรื่องที่คาดผมก็คลี่คลายแล้ว ถึงเวลาต้องกลับมาจัดการเรื่องของเถี่ยหนิวกับผิงอันสักที
เถี่ยหนิวหันมองแม่ของตนด้วยสายตาอ้อนวอน
จ้าวเจวียนถลึงตาใส่เขาอีกครั้ง
แต่เจียงหว่านก็พูดขึ้นว่า “ลูกชายของฉันทุบตีลูกชายของเธอ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่มันก็คือความจริง เพราะงั้นฉันจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้!”
“แต่ว่าเธอล่ะ เธอจะรับผิดชอบยังไง ที่ลูกชายเธอดูหมิ่นวีรบุรุษของประเทศ!?”
จ้าวเจวียนหน้าซีด
เจียงหว่านกล่าวต่อ “แล้วจะรับผิดชอบยังไงที่มาเรียกฉันว่าหมู!”
ตอนนี้จ้าวเจวียนอยากจะร้องไห้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะตบหน้าลูกชายตัวเอง
เถี่ยหนิวที่รับรู้ถึงความเจ็บปวดก็ร้องไห้จ้าขึ้นมาทันที
จ้าวเจวียนยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก ลูกของเธอก็เป็นแค่เด็กเหมือนกัน ทว่าทำไมตอนเถียนเถียนร้องไห้ เด็กคนนั้นถึงดูน่าสงสาร และน่าปลอบโยนนัก
แต่พอลูกชายเธอร้องไห้ ขนาดอ้าปากกว้างจนเห็นลิ้นไก่ด้านใน ก็ยังดูน่าเกลียดน่าตี
เธอหงุดหงิดมากจนเอื้อมมือไปบิดหูเถี่ยหนิว แล้วเตรียมจะพาเดินออกไป
“ทั้งหมดเป็นความผิดของลูกชายฉัน ฉันจะสั่งสอนเขาทันทีที่กลับถึงบ้าน!”
“ฉันจะสั่งสอนลูกทีหลังเอง ช่างเรื่องทั้งหมดนี้ไปเถอะ!”
ก่อนเจียงหว่านจะตอบกลับ จ้าวเจวียนก็คว้าเถี่ยหนิวแล้ววิ่งออกไปทันที
แม้ทั้งสองจะออกไปแล้ว แต่ทุกคนก็ยังได้ยินเสียงร้องไห้จ้าของเถี่ยหนิวอยู่
เจียงหว่านไม่คิดจะตามไป คนอย่างจ้าวเจวียนไม่มีอะไรเลย การมีเรื่องกับคนแบบนั้นคงไม่เกิดประโยชน์
เธอหันกลับมามองเฉินลั่วเหมย
ตอนนี้เฉินลั่วเหมยที่ถูกเจียงหว่านจ้อง ก็รู้สึกละอายใจขึ้นมา เธอลุกขึ้นโค้งคำนับ “ฉันขอโทษที่ตำหนิผิงอันโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงนะคะ หลังจากนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้คนอื่นมารังแกผิงอันอีกแน่นอน”
แม้เจียงหว่านจะยังไม่พอใจ ทว่าผิงอันยังต้องเรียนต่อ และเธอเองก็เข้าใจว่าครูส่วนมากมักจะมีทัศนคติแบบนี้ จึงไม่สามารถทำอะไรมากได้
เจียงหว่านจึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หวังว่าอาจารย์เฉินจะเข้าใจการเป็นแบบอย่างที่ดีนะคะ!”
เฉินลั่วเหมยก้มศีรษะไม่กล้าตอบโต้
เรื่องจบลงแล้ว เจียงหว่านจับมือผิงอัน ก่อนจะพยักหน้าให้เสิ่นหรูเหมย แล้วเดินออกมา
ด้านนอกของอาคาร เจียงหว่านเดินไปยังกระดานดำขนาดใหญ่ และชี้ไปที่นั่น
“มันคืออะไร?”
ผิงอันตอบกลับอย่างเฉยเมย “โรงเรียนให้นักเรียนบริจาคขี้วัวกับถ่านหิน ถ้าไม่มีก็บริจาคไม้แทนได้!”
“แล้วคนที่บริจาคก็จะมีชื่ออยู่บนนั้น”
เจียงหว่านสับสน “แล้วทำไมเธอไม่เห็นบอกพวกเรา?”
ผิงอันทำหน้ามุ่ย “ก็ผมไม่อยากให้!”
เจียงหว่านประหลาดใจ ก่อนจะถามด้วยความสงสัย “ทำไม?”
ผิงอันหันศีรษะมองออกไปด้านนอก และตอบว่า “ครอบครัวของเราไม่ได้เลี้ยงวัว แล้วผมจะไปหาขี้วัวจากไหน? อีกอย่างถ่านหินก็เป็นของที่ต้องใช้เงินซื้อ!”
เจียงหว่านยิ้ม “เธอขี้เหนียวเกินไปแล้ว เธอไม่อยากจ่ายเงินเพื่อสิ่งเหล่านี้ แต่ว่านักเรียนคนอื่นกลับยินดีจ่ายออกไป แบบนี้จะถูกต้องเหรอ?”
ผิงอันกล่าวออกไปอย่างไม่รู้สึกรู้สา “ทำไมจะไม่ถูก? จ่ายเงินเพื่อให้ผมเรียนก็ดีมากแล้ว ไม่เห็นมีเหตุผลอะไรต้องซื้อถ่านหินเพื่อให้ผมได้หน้าเลย!”
“อีกอย่าง ครอบครัวของเราก็ไม่เคยซื้อถ่านหินใช้ด้วยซ้ำ”
“ใครอยากจะได้หน้าก็ทำไปเถอะ แต่ผมไม่ทำหรอก!”
เจียงหว่านถึงกับพูดไม่ออก
เห็นเขาจริงจังในความคิดของตัวเองอย่างนั้น เธอก็ไม่คิดเซ้าซี้อีก
เธอหันมองผิงอัน และยกยิ้มถาม
“ผิงอัน แล้วทำไมเธอถึงเอาไข่ไปให้เถียนเถียนล่ะ?”
ผิงอันตัวชาวาบ หันหน้าหนี ไม่ตอบกลับสักคำ
เจียงหว่านสังเกตุเห็นว่าใบหูของเขาแดงขึ้นมาเล็กน้อย
อุ๊ย… ดูเหมือนว่าเด็กชายวัยห้าขวบคนนี้จะเรียนรู้วิธีเอาใจผู้หญิงซะแล้ว