เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 97 วาดภาพคุณออกมาผ่านปลายนิ้ว
บทที่ 97 วาดภาพคุณออกมาผ่านปลายนิ้ว
หวังไก๋ฮวาได้ยินคำพูดของสวี่ชิงเมื่อวาน ยิ่งคิดเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง หล่อนจึงรอให้งานแต่งเสร็จสิ้นแล้วค่อยไปหาเรื่องก็ยังไม่สาย ดังนั้นทันทีที่ตื่นเช้าในวันนี้หล่อนจึงพุ่งตรงมาคิดบัญชีกับฟางหลานซินทันที
และหล่อนก็ไม่ได้สังเกตเลยว่าเมื่อครู่นี้เกิดเรื่องอะไรขึ้น หล่อนนำผักเน่าที่เอามาจากในบ้านเทใส่หัวของฟางหลานซิน จิกผมของหล่อนแล้วด่า “นังแก่หน้าไม่อาย แอบคบชู้กับคนอื่น เข็มขัดของหล่อนอะไรจะหลวมปานนี้ ไม่ว่าผู้ชายหน้าไหนก็ปลดออกได้ทุกเมื่อใช่ไหม!”
คำด่าหยาบคายทั้งหลายแหล่ถูกพ่นออกมา พร้อมกับที่หล่อนลงไม้ลงมือไม่ยั้ง อัดใส่ศีรษะใส่หน้าของฟางหลานซินที่คอยปิดป้องใบหน้ายกใหญ่
ฟางคุนตกตะลึง ก่อนจะรีบเข้าไปช่วย “ยัยผู้หญิงบ้าพูดจาเลอะเทอะที่ไหนกันเนี่ย”
แม้จะมีมือเดียวแต่ก็ผลักหวังไก๋ฮวาจนซวนเซแทบจะล้ม ทว่ามือของหล่อนกลับจิกเรือนผมของฟางหลานซินไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ใครว่าฉันพูดจาเลอะเทอะ แกลองถามนังแก่หน้าไม่อายนี่ดูสิว่ามันทำอะไรไว้ นอนกับผู้ชายของฉันจนคลอดลูกออกมาแล้ว ชะๆ ดูสิว่าวันนี้ฉันจะกระชากหนังหน้าแกออกมาได้ไหม”
หวังไก๋ฮวาโมโหจนศีรษะร้อนผ่าว ๆ แรงที่ส่งมายังมือก็ยิ่งมากขึ้นตามกัน ปัดมือของฟางคุนออกแล้วพุ่งไปตบฟางหลานซิน
สวี่จื้อกั๋วได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวนั้น ในที่สุดก็ลงมาจากตึก แยกทั้งสองออกด้วยใบหน้าดำทะมึน
ไม่ว่าผู้หญิงคนนี้จะพูดจริงหรือเท็จ เขาก็ยังถามตอนนี้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะยิ่งขายหน้าคนคนนี้
ฟางคุนเห็นสวี่จื้อกั๋วไม่รีบแยกทั้งสองก็ร้อนใจ “สวี่จื้อกั๋ว แกมันแม่งไม่ใช่ผู้ชาย เมียโดนคนอื่นตบแกยังไม่รีบช่วยอีก!”
พอหวังไก๋ฮวาได้ยินว่าสามีฟางหลานซินมาแล้ว ก็ใช้มือหนึ่งจิกผมของฟางหลานซินเอาไว้ จ้องถลึงมายังสวี่จื้อกั๋ว “คุณคือสามีของหล่อนเหรอ งั้นหลายปีมานี้คุณรู้หรือเปล่า? ว่าลูกสาวคนนั้นของคุณเป็นลูกของนังนี่กับสามีของฉัน”
ฟางหลานซินพยายามดิ้นรนตะโกนลั่น “ไม่ใช่นะ สวี่จื้อกั๋ว! อย่าฟังคำพูดเลอะเทอะของหล่อนนะ คุณรีบดึงหล่อนออกไปที”
หวังไก๋ฮวาแสยะยิ้ม “ฉันพูดจาเลอะเทอะเหรอ แกกล้าพูดไหมล่ะว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสามีของฉัน แกกล้าพูดไหมว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเขา แกพูดสิว่าพวกแกเป็นอะไรกัน เขายังสนใจเรื่องลูกของแกเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เลย”
สวี่จื้อกั๋วพลันมือไม้อ่อน รู้สึกเหมือนถูกกระชากศักดิ์ศรีลูกผู้ชายมาเหยียบย่ำบนพื้น
นัยน์ตาหม่าเสวี่ยหลานเปล่งประกายอย่างตื่นเต้น รู้สึกว่าเรื่องสนุกนี้จะเป็นเรื่องใหญ่เสียแล้ว “คุณพูดสิว่านี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า อย่าใส่ความคนอื่นเชียว”
คนรอบ ๆ เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ สถานการณ์วุ่นวายเป็นอย่างมาก
จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ดูแลของโรงงานเข้ามา พร้อมทั้งพายามรักษาความปลอดภัยมาด้วย จึงทำให้ทุกอย่างสงบลงได้
สวี่ชิงคิดไม่ถึงว่าหวังไก๋ฮวาจะมาก่อเรื่องในวันนี้ ได้แต่ยืนมองความวุ่นวายอยู่ไกล ๆ แม้จะไม่ได้ยินว่าหล่อนด่าอะไรบ้าง แต่ก็สามารถเดาได้
ด้วยฝีปากของหวังไก๋ฮวา ก็เชื่อได้ว่าคำด่าที่พ่นออกมาจากปากของหล่อนนั้นต้องหยาบคายจนคนฟังเจ็บแสบไปอีกนานแน่
เห็นดังนั้นแล้วเธอก็ขี่จักรยานกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี
ระหว่างทางยังซื้อแตงโม แอปเปิ้ลสองสามลูก พร้อมกับฮัมเพลงกลับไป
เมื่อมาถึงบ้าน โจวจินหนานกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เอนหลังในลานบ้าน ในมือถือมีดพกคมกริบเล็ก ๆ กับไม้สีดำขนาดเท่าไข่ไก่ท่อนหนึ่ง
“ฉันกลับมาแล้วค่ะ” สวี่ชิงกดกระดิ่งจักรยานก่อน จากนั้นเรียกด้วยเสียงสดใส จอดรถดีแล้วถึงเดินไปนั่งยอง ๆ หน้าโจวจินหนาน “คุณกำลังแกะสลักอยู่เหรอคะ”
โจวจินหนานสัมผัสได้จากเสียงของสวี่ชิงว่าเธอกำลังเบิกบานใจมาก เขาลูบแล้วนำของไปวาง แล้วยื่นมือไปลูบกลางศีรษะของสวี่ชิง “ทำไมถึงอารมณ์ดีขนาดนี้ครับ หืม?”
สวี่ชิงยิ้มแล้วยื่นมือไปจับมือใหญ่ของเขา คลอเคลียใบหน้ากับมือข้างนั้น “วันนี้ฉันดีใจมากเป็นพิเศษค่ะ เพราะคนที่รังแกฉันต่างก็ได้รับกรรมแล้ว”
แม้จะไม่ถึงขั้นเอาชีวิตของฟางหลานซินกับสวี่หรูเยว่ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้พวกหล่อนเงยหน้าขึ้นมาไม่ได้อีกนาน
โจวจินหนานถามเธออีกประโยคหนึ่งอย่างให้ความร่วมมือ “พวกเขาได้รับกรรมอย่างไรบ้างครับ?”
สวี่ชิงเองก็ไม่ปิดบัง เล่าว่าฉินกุ้ยจือตลบหลังฟางหลานซินอย่างไร หวังไก๋ฮวาก่อเรื่องอย่างไร ให้เขาฟังรอบหนึ่ง แล้วก็พูดปิดท้าย “ถ้าพวกหล่อนไม่วางยาฉันก่อน ฉันก็คงไม่ทำแบบนี้หรอกค่ะ”
แม้คำพูดนี้จะแสดงออกถึงเจตนา แต่เธอกลับแสดงจุดยืนของตนเองอย่างมั่นคง เธอเองก็ไม่ใช่คนชอบก่อเรื่องเช่นกัน
โจวจินหนานยิ้ม “อืม คนที่รังแกคุณสมควรตายจริง ๆ ”
สวี่ชิงกอบกุมมือของเขาคลอเคลียประหนึ่งลูกแมวลูกเล็ก ๆ “โจวจินหนาน คุณช่างดีจริง ๆ ถ้าคนอื่นรู้ว่าฉันแอบทำอะไรลับหลังแบบนี้ลงไปบ้าง จะต้องพูดว่าฉันเป็นหญิงชั่วไปแล้ว”
โจวจินหนานพลันรู้สึกขมขื่นในลำคอ ยกมือลูบใบหน้าของเธอเบา ๆ “คุณไม่ใช่คนแบบนั้น คุณเป็นผู้หญิงที่ดีมาก ๆ คนหนึ่ง”
เพียงแค่โลกนี้ไม่ยุติธรรมกับเธอก็เท่านั้น
สวี่ชิงยิ้มตาหยี “โจวจินหนาน นี่คุณรู้จักพูดจาหวานเลี่ยนแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย แต่ฉันก็รู้สึกว่าคุณพูดความจริงนะคะ”
เธอรู้สึกขอบคุณที่ได้กลับมาเริ่มชีวิตใหม่ โดยที่จิตวิญญาณน่ารักไร้เดียงสาของเด็กสาวอายุสิบเก้าปียังคงอยู่
ทำให้เธอออดอ้อนโจวจินหนานได้โดยไม่รู้สึกไม่ตะขิดตะขวง
โจวจินหนานไม่พูดอะไรเพียงลูบศีรษะเธอเบาๆ นิ้วมือแกร่งและหยาบลูบองค์ประกอบทั้งห้าบนใบหน้าสวี่ชิง ทุกที่ที่เคลื่อนผ่านนั้นละเอียดละอออย่างถึงที่สุด
ราวกับว่านิ้วมือที่เคลื่อนผ่านไปนั้นสามารถมองเห็นเธอได้จริง ๆ
สวี่ชิงเองก็เงยหน้าให้โจวจินหนานใช้ปลายนิ้วลูบอย่างเต็มใจ แม้ว่าจะไม่พูดอะไร ทว่าในใจกลับรู้สึกหวานล้ำ
โจวจินหนานใช้ปลายนิ้ววาดเสร็จ ก็ยิ่งรู้จักหน้าตาของสวี่ชิงยิ่งขึ้น มันยังคงเหมือนกับใบหน้างดงามที่สลักอยู่ในเบื้องลึกของจิตใจเขาไม่มีเปลี่ยน
สวี่ชิงรอให้นิ้วมือของโจวจินหนานผละไป ถึงค่อยหันมามองท่อนไม้สีดำสนิทบนโต๊ะตัวเล็กต่อ “นี่คือไม้อะไรหรือคะ คุณกำลังทำอะไรอยู่น่ะ”
เธอไม่ค่อยอยากเชื่อนัก โจวจินหนานมองไม่เห็นแล้วเขาจะยังแกะสลักสิ่งใดได้อีก
โจวจินหนานยิ้มแล้วหยิบไม้ตะโกขึ้นมา “นี่คือไม้ตะโก ผมเก็บใส่กระเป๋าเดินทางมาด้วยเพื่อแกะสลักของเล็ก ๆ น้อยๆ ตอนนี้ผมมองไม่เห็นแล้ว ไม่รู้ว่าจะแกะสลักออกมาตามที่ต้องการได้หรือเปล่า”
สวี่ชิงพลันเกิดความคิด “เมื่อกี้ที่คุณลูบหน้าฉัน คงไม่ใช่ว่าจะแกะสลักเป็นหน้าฉันหรอกใช่ไหมคะ”
โจวจินหนานพูดอืม “ผมอยากลองดูว่าจะแกะสลักได้ไหม”
สวี่ชิงพุ่งเข้าใส่ตัวโจวจินหนาน “ทำไมคุณถึงดีแบบนี้คะ ไว้ฉันจะช่วยคุณมองถ้ามีตรงไหนไม่ถูกต้อง ฉันจะบอกคุณเอง”
โจวจินหนานโอบเอวบางของสวี่ชิงอย่างรักใคร่พลางพยักหน้า “ได้”
สวี่ชิงกอดโจวจินหนานอยู่อย่างนั้นสักพักก็ลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเริ่มลงมือทำอาหาร
พอมีสองคน กับข้าวก็ทำเสร็จอย่างง่ายดาย สวี่ชิงกับโจวจินหนานต่างก็ชอบกินอาหารจำพวกเส้น
ดังนั้นพอสวี่ชิงทำเส้นสดเสร็จ ทำเนื้อตุ๋นใส่ไปก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ตอนกำลังยกบะหมี่ไปนั้น สวี่จื้อกั๋วก็วิ่งมาด้วยใบหน้าเปรอะเปื้อน หลังจากเข้ามาในลานบ้านแล้วก็นั่งลง
โจวิจนหนานมองไม่เห็น ได้ยินเพียงเสียงคนนั่งใกล้ ๆ ฟังจากเสียงฝีเท้าแล้วก็รู้สึกคล้ายกับคนที่ไม่คุ้นเคย ถามขึ้นมาคำหนึ่ง “ใคร?”
สวี่ชิงได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจึงออกมาจากห้องครัว แล้วก็มองเห็นใบหน้าอาบเลือดของสวี่จื้อกั๋ว พลันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”
สวี่จื้อกั๋วหายใจหอบมองสวี่ชิงอย่างโมโห “เรื่องวุ่นวายวันนี้ แกเป็นคนทำใช่ไหม?”
สวี่ชิงฟังแล้วทำหน้าไม่เข้าใจ “ฉันทำอะไรคะ?”
สวี่จื้อกั๋วได้ยินแล้วก็โมโหจนผุดลุกขึ้น “สวี่ชิง! ฉันเคยทำอะไรไม่ดีกับแกกันแน่ แกถึงต้องทำให้ฉันอับอายขายหน้าคนอื่นแบบนี้ ดี ตอนนี้ฉันทำงานไม่ได้แล้ว แกคงจะดีใจแล้วสินะ!”
โจวจินหนานลุกตามขึ้นมา ดึงสวี่ชิงมาหลบหลังตน “ลุงสวี่ คุณทำเกินไปแล้ว!”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
นังแม่เลี้ยงโดนจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบจากเมียหลวงไปหนึ่งชุดใหญ่ กรรมตามสนองแล้วค่ะ สม
พี่หนานก็มีงานอดิเรกมุ้งมิ้งอยู่เหมือนกันนะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)