เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 96 สวี่ชิงยิ้มมองฉากสนุก
บทที่ 96 สวี่ชิงยิ้มมองฉากสนุก
โจวจินหนานประหลาดใจเล็กน้อย “ไม่ใช่พรุ่งนี้หรือ?”
สวี่ชิงเช็ดหน้าแล้วก็ตอบเขาไปด้วย “พรุ่งนี้เป็นวันเข้าพิธีจริง แต่วันนี้บ้านฝ่ายหญิงจะทำพิธียกน้ำชาก่อน เพราะว่าพรุ่งนี้เช้าเจ้าสาวจะถูกรับตัวไปแล้ว”
ถ้าสินสอดของบ้านหลี่ต้าหย่งเป็นทีวี เครื่องซักผ้าหรือจักรเย็บผ้า งั้นก็น่าจะวางโชว์ไว้ที่บ้านในวันนี้ พรุ่งนี้ถึงค่อยลากอวดรอบหมู่บ้าน แบบนี้ถึงจะสามารถบรรลุเป้าหมาย
โจวจินหนานได้ยินเสียงหายใจของสวี่ชิงดูอารมณ์ดีมาก ก็ครุ่นคิด “ให้ผมไปกับคุณด้วยไหม?”
สวี่ชิงส่ายหน้า “ไม่ต้องค่ะ ๆ ฉันไปคนเดียวก็พอแล้ว”
คิด ๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะออกจากบ้านนานแค่ไหนเหมือนกัน “คุณอยู่บ้านคนเดียวได้ไหมคะ หรือให้ฉันเรียกเกาจ้านมาอยู่เป็นเพื่อนคุณดี”
โจวจินหนานปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก ผมอยู่ที่บ้านคนเดียวได้”
สวี่ชิงตากผ้าขนหนูเรียบร้อยแล้วก็วิ่งไปกอดโจวจินหนาน “ได้ ฉันจะรีบไปให้เร็วที่สุดนะคะ จะได้กลับมาทำข้าวเช้าให้คุณกิน”
โจวิจหนานยิ้มลูบหลังศีรษะของเธอไปมา “ไม่เป็นไร ไม่ต้องสนใจผม ผมอยู่บ้านไม่ได้หิวอะไรขนาดนั้นหรอก”
สวี่ชิงยังไม่วางใจ ออกไปซื้อปาท่องโก๋กลับมาสองอัน แล้วต้มชาวางไว้บนโต๊ะตัวเล็กอย่างดี
จากนั้นจึงค่อยขี่จักรยานออกไปยังเขตพื้นที่โรงงาน
เมื่อมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้านก็มองเห็นตัวอักษร ‘ซี’ คำโต ๆ แปะอยู่ด้านหน้าประตู
เลี้ยวมาที่ตึกตระกูลสวี่ พื้นที่ว่างหน้าตึกมีโต๊ะตั้งเอาไว้แล้ว ตรงมุมมีเตาที่ทำมาจากอิฐก่อสูงเท่าครึ่งตัวคน ด้านข้างมีเตาถ่านเล็ก ๆ ไว้ต้มน้ำ
รอบ ๆ มีคนอยู่ไม่น้อย ดูแล้วคึกครืนทีเดียว
ตรงพื้นที่ว่างหน้าประตูทางเข้ามีกล่องเครื่องซักผ้า ทีวี แล้วก็กล่องจักรเย็บผ้าวางอยู่ ด้านบนติดอักษร ‘ซี’ ตัวโตติดอยู่ ทั้งยังวางเครื่องนอนใหม่สีแดงเข้ากัน
ของเหล่านี้กองสูงเป็นตั้ง ดูงดงามตระการตานัก
สวี่ชิงหรี่ตามองสิ่งของกองนั้น ฟังสองสามคนด้านนอกพูดวิจารณ์
“คิดไม่ถึงว่าลูกสาวบ้านสวี่ที่ดูมีอนาคตที่สุด สุดท้ายจะแต่งงานกับหลี่ต้าหย่ง นั้นน่ะก็แค่อันธพาลคนหนึ่ง”
“มีอนาคตกับผีน่ะสิ ได้ยินว่าเข้ามหาวิทยาลัยได้เพราะไปแทนที่คนอื่น”
“ฟางหลานซินก็ยังล้มป่วย เมื่อวานฉันเห็นหล่อนอยู่ที่ร้านค้าสหกรณ์ ใบหน้าหม่นหมอง ดูไม่ได้เชียวล่ะ”
เมื่อสวี่ชิงได้ยินว่าฟางหลานซินล้มป่วย เธอก็ตกใจไม่น้อย วันนั้นยังดี ๆ อยู่เลยหล่อนป่วยได้อย่างไรกัน
หรือถูกเธอแย่งของไปเลยโมโหจนป่วย?
โมโหตายไปเลยยิ่งดีใหญ่!
สวี่ชิงเพียงยืนมองเรื่องสนุกร่วมกับคนอื่น ๆ ในตอนที่ไม่มีใครเห็น เธอก็ค่อย ๆ หาเด็กที่รู้จัก แล้วดึงตัวเด็กหลบไปยังมุมหนึ่งที่ไม่มีคน “ตงตง อยากดูทีวีไหมจ๊ะ”
ตงตงรู้จักสวี่ชิง จึงร้องเรียก “พี่ชิงชิง”
สวี่ชิงยิ้มแล้วลูบศีรษะตงตง “พี่จะให้ลูกอมนะ แล้วเอาไปแบ่งกับเพื่อน ๆ แต่ต้องช่วยพี่เรื่องเรื่องหนึ่งก่อน”
ตงตงเพิ่งอายุเก้าขวบ แต่เป็นเด็กหัวโจกของเขตโรงงานนี้ เด็กในกลุ่มไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ก็ต้องโคจรรอบตัวเขา
ยิ่งกว่านั้นตงตงยังเป็นลูกชายของหม่าเสวี่ยหลาน ให้เขาเป็นคนจัดการต้องไม่มีพลาดแน่
พอตงตงได้ยินว่ามีลูกอม ดวงตาก็เป็นประกายทันที ตบหน้าอกรับรองกับสวี่ชิง “พี่ชิงชิง ผมรับรองว่าจะทำหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วงแน่นอน”
สวี่ชิงยิ้มแล้วหยิบถุงลูกอมมาจากในกระเป๋าใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกงของตงตง กระซิบข้างหูตงตงเบา ๆ สองสามประโยคพร้อมทั้งตบไหล่ของเขาไปด้วย “เอาล่ะ ไปเถอะ”
ตงตงถือถุงลูกอมวิ่งไปอย่างร่าเริง เมื่อกี้เขาเห็นหมดแล้ว ภายในยังมีลูกอมต้าไป๋หู*ด้วย
*ลูกอมรสนมหรือที่รู้จักกันว่าลูกอมกระต่าย
สวี่ชิงไม่ได้เดินตามไปอีก แต่หาที่ที่คนหาเธอไม่เจอโดยง่ายจากที่ไกล ๆ หน่อย แล้วเธอก็เจอมุมหนึ่งเข้าพอดี จึงเข้าไปสังเกตการณ์อยู่ในนั้น
ไม่นานนักก็เห็นตงตงพาเด็กผู้ชายสองสามคน พุ่งตรงที่ยังทีวีด้านหน้า ชี้ทีวีพูดว่า “พวกเราอยากดูทีวี ๆๆ”
ผู้ปกครองที่เห็นลูกของตัวเองก่อความวุ่นวายก็กลับเรียกกลับมา “เจ้าลูกหมา เกิดอะไรขึ้น โวยวายอะไรเนี่ย กลับมาหาแม่เดี๋ยวนี้”
และก็มีคนใคร่รู้เช่นกัน “เปิดทีวีหน่อยสิ พวกเราจะดูเสียหน่อย”
ตงตงที่ได้สินบนมาจากสวี่ชิงใช้มืออ้วน ๆ ตบกล่อง “ผมอยากดูทีวี ๆๆ”
ภายในบ้านมีคนนั่งอยู่ไม่น้อย บ้านแม่ของฟางหลานซินก็มากันทั้งครอบครัว และยังมีญาติบางส่วนของสวี่จื้อกั๋วด้วย
ฟางหลานซินรวบรวมสติกลับมาแล้วเชิญคนเหล่านี้มา และหลังจากสวี่หรูเยว่รู้ว่าข้าวของเครื่องประดับชุดแต่งงานของหล่อนถูกสวี่ชิงแย่งไป ก็โวยวายว่าจะไม่แต่งงานแล้ว
ไม่นานก็ปิดห้องระบายความโกรธอยู่ในนั้น
ตอนนี้มาได้ยินเสียงเด็กตะโกนอยากดูทีวี ฟางหลานซินก็หัวแทบจะระเบิด ช่วงนี้หล่อนถูกสวี่ชิงเล่นงานจนไม่มีอะไรได้ดั่งใจสักอย่างเดียว
แขนของฟางคุนยังคงพันแผลไว้ เมื่อได้ยินเสียงตะโกนแล้วมองภายในห้อง เขาก็รู้สึกโมโหที่คนมากมายขนาดนี้กลับไม่มีใครพูดอะไรสักอย่าง แทบจะไม่มีกลิ่นอายงานมงคลสักเสี้ยวหนึ่งเหลืออยู่เลย
เขาคาบก้นบุหรี่พูดกับฟางหลานซิน “งั้นก็เปิดทีวีให้ทุกคนได้เห็นไปเลยสิ วุ่นวายกันใหญ่แล้ว แกดูพวกแกสิทั้ง ๆ ที่เป็นงานมงคลแท้ ๆ กลับไม่ยิ้มกันเลย ใครไม่รู้จะคิดว่าเป็นงานศพไปแล้ว”
พูดแล้วก็หรี่ตามองสวี่จื้อกั๋วที่นั่งสูบบุหรี่ตรงมุมหนึ่งของบ้าน
ตั้งแต่เข้าบ้านก็ทำหน้าซังกะตาย ไม่รู้ว่าเขาทำหน้าเศร้าแบบนั้นให้ใครดูกัน
ฟางหลานซินฉายสีหน้าครุ่นคิด “ดูอะไร เกิดทำพังขึ้นมาจะทำยังไง”
ฟางคุนไม่พอใจเล็กน้อย “แกดูสิว่านี้มันสถานการณ์แบบไหน แกควรเปิดให้ทุกคนดู ทำให้ทุกคนอิจฉา แกต้องไปตอนนี้เลย เดี๋ยวอีกสักพักก็ต้องเริ่มพิธีแล้ว พวกแกทำไมยังไม่ไปอีก”
ฟางหลานซินลองคิดแล้วก็ตกลง เปลี่ยนเสื้อผ้าหวีผมลงไปข้างล่างกับฟางคุน
พอตงตงเห็นฟางหลานซิน ปากเล็ก ๆ ก็เรียกเสียงหวาน “คุณป้า ผมอยากดูทีวีฮะ”
หม่าเสวี่ยหลานเองก็ร่วมวงด้วย “ใช่ค่ะ ให้ทุกคนเขตโรงงานของพวกเราได้ดู จะมีบ้านที่มีทีวีแล้ว พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อนเลยค่ะ”
ฟางหลานซินฝืนยิ้ม “ทีวีเครื่องหนึ่งมีอะไรดูกัน ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาวางทีวี เปิดแล้วจะได้อะไร”
หม่าเสวี่ยหลานโน้มน้าว “แค่ได้ดูรายการอะไรก็ได้ พวกเราก็มีความสุขแล้วค่ะ”
ฟางคุนเดินไปใช้มือเดียวเปิดกล่อง ทั้งยังตะโกนเรียกให้คนช่วย
ทีวีถูกย้ายมาวางไว้บนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ฟางหลานซินกวาดสายตามองคนที่มุงอยู่ ต่างก็จ้องมองทีวีเครื่องนั้นอย่างอิจฉา ในใจก็พลันรู้สึกพึงพอใจ
เขาหยิบกรรไกรมากรีดเทปด้านบน ทันทีที่เปิดกล่องออก รอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งค้าง จ้องของในกล่องตาเขม็ง
คนข้าง ๆ อุทานอย่างตกตะลึง “ทำไมเป็นก้อนอิฐล่ะ?”
ฟางหลานซินถึงกับคลุ้มคลั่ง เดินไปเปิดกล่องเครื่องซักผ้ากับกล่องจักรเย็บผ้าทันที และพบว่าในนั้นมีแต่ก้อนอิฐบรรจุอยู่เช่นกัน
เสียงวิพากษ์วิจารณ์รอบข้างก็ทวีดังเซ็งแซ่มากขึ้น “ฉินกุ้ยจือนี่ขี้โกงจริงๆ ใส่ก้อนอิฐมาหลอกกันได้!”
“น่าหัวเราะชิบเป๋งเลย กลายเป็นก้อนอิฐซะงั้น”
ในใจของฟางหลานซินตอนนี้มีแต่ความคิดอยากฆ่าฉินกุ้ยจือ รังแกกันเกินไปแล้ว รังแกกันเกินไปแล้วจริงๆ!
กล้าเล่นตลกเอาก้อนอิฐมาใส่กล่องเปล่าเพื่อหลอกลวงหล่อน
หล่อนกัดกรามกรอดแล้วใช้กรรไกรตัดเปิดกล่องเครื่องนอนชุดใหม่อีกกล่อง ข้างในกลับกลายเป็นชุดเครื่องนอนเก่าๆ กระดำกระด่างชุดหนึ่ง
หม่าเสวี่ยหลานถึงกับอุทาน “ฉินกุ้ยจือขี้เหนียวเสียจริง แม้แต่ที่นอนก็ยังไม่ออกเงินซื้อ กลับเอาที่นอนใช้แล้วมาให้ ไม่ลงทุนเลยสักแดงเดียว!”
ทั่วทั้งร่างของฟางหลานซินคล้ายจะระเบิดได้ทุกเมื่อ แต่ก็ไม่อาจตอบโต้หม่าเสวี่ยหลานได้ ทำเพียงกำมือแน่นยืนตัวสั่นอยู่อย่างนั้น
“ฟางหลานซิน! อีนังแก่หน้าด้าน!”
หวังไก๋ฮวาที่ไม่รู้ว่าพุ่งตัวมาตอนไหนสาดผักเน่าใส่ตัวของฟางหลานซินทันที!
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เป็นการล่มงานแต่งที่เจ็บแสบและเหม็นมากเลยค่ะ ชิงชิงโหดจริงๆ
ไหหม่า(海馬)