เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 88 สวี่ชิงวางแผนใส่ฟางหลานซิน
บทที่ 88 สวี่ชิงวางแผนใส่ฟางหลานซิน
ครั้นสวี่ชิงเห็นเกาจ้านยังมีหม้อใบใหญ่หนึ่งใบวางอยู่ข้างรถ ถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าให้เกาจ้านช่วยซื้อหม้อมาให้ตัวเอง จึงรีบขี่มาจอดรถตรงหน้าเขา “พี่ใหญ่เกา ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ ฉันยุ่งจนลืมไปเลย”
โจวจินหนานยังคงนั่งเบาะหลังรถ ขาข้างหนึ่งยันพื้นเอาไว้ประคองให้รถมั่นคง ท่าทางไม่คิดจะลงจากรถเลยสักนิดเดียว
เกาจ้านยิ้มแล้วเดินไปรับแตงโมในมือของโจวจินหนาน “ไม่เป็นไร ฉันเองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน พวกเธอออกไปซื้อของกันเหรอ”
สวี่ชิงส่ายหน้า “เปล่าค่ะ พวกเราไปคุยธุระนิดหน่อยที่สถานีรถไฟ พี่ใหญ่เกายังไม่ได้กินข้าวเลยใช่ไหมคะ พอดีเลยฉันซื้อเนื้อแกะมาด้วย ไว้กลับไปจะทำบะหมี่เส้าจื่อเนื้อแกะให้กินนะคะ”
เกาจ้านเองก็ไม่เกรงใจเช่นกัน “ดี ฉันกำลังหิวเลย”
สวี่ชิงเปิดประตูใหญ่ ลากรถเข้าบ้าน ถือโอกาสตอนที่เกาจ้านย้ายหม้อไปล้างมือและผูกผ้ากันเปื้อนเริ่มทำเส้น
เกาจ้านมองโจวจินหนานหลังจากเข้าบ้าน ก็เดินไปที่สระน้ำในบ้านอย่างแม่นยำ หัวเราะเบา ๆ “ดูเหมือนตอนนี้นายจะเริ่มชินกับการใช้ชีวิตแล้วสินะ เมื่อกี้ถึงได้ยิ้มอย่างกับเจ้าทึ่ม”
โจวจินหนานขี้คร้านจะสนใจเขา “นายเอาแตงโมแช่ไว้ในน้ำ อีกสักพักถึงจะอร่อย”
แตงโมตากแดดมาจากข้างนอก เมื่อผ่าเนื้อข้างในจึงยังอุ่น ๆ รสสัมผัสไม่ดีอย่างมาก ภายในบ้านหลังเล็กไม่มีบ่อน้ำ จึงทำได้เพียงใช้ความเย็นจากน้ำประปาแช่เอาไว้ลดอุณหภูมิ
เกาจ้านไม่แสดงความคิดเห็น ตักน้ำไปด้วยคุยกับโจวจินหนานไปด้วย “เหล่าเหอจะมาในอีกสองวัน นั่งคุยกันดีไหม แล้วก็เรื่องที่นายบาดเจ็บในครั้งนี้ซูโม่เองก็รู้แล้วด้วย หล่อนรู้สึกผิดมาก”
โจวจินหนานประหลาดใจเล็กน้อย “เกี่ยวอะไรกับหล่อนด้วย”
เกาจ้านถอนหายใจ “หล่อนน่าจะคิดว่านายช่วยหล่อนไว้ถึงได้บาดเจ็บ ถึงตอนนั้นหล่อนก็คงจะมาพร้อมกับเหล่าเหอนั่นแหละ นายบอกกับน้องสะใภ้หน่อยแล้วกัน”
โจวจินหนานไม่ส่งเสียง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เกาจ้านตบไหล่ของเขา “พวกเรารบด้วยกันมาตั้งหลายปีขนาดนั้น เรื่องของสหายก็คือเรื่องของครอบครัว พูด ๆ ไปก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
ได้ยินเสียงสวี่ชิงหั่นผักมาจากในห้องครัว ก็ยกยิ้มขึ้นมา “ถ้าพวกเขาได้มาเห็นชีวิตของนายตอนนี้ คาดจะต้องวางใจได้แน่ การแต่งงานครั้งนี้ของนายเป็นการตัดสินใจที่ถูกแล้วจริง ๆ ”
สวี่ชิงทำกับข้าวเร็วมาก ทั้งนวดแป้งทั้งจัดการผัดให้เรียบร้อย ใช้น้ำแช่เห็ดหูหนูสองสามอัน แล้วหั่นแครอทกับมันฝรั่งให้เป็นลูกเต่า เมื่อคิดขึ้นได้ว่าลืมซื้อเต้าหู้ ก็ถือโอกาสตอกไข่ไก่สองฟอง ผัดเป็นไข่คนเส้าจื่อออกมา
ระหว่างนั้นก็หั่นเนื้อแกะติดมัน ผัดให้น้ำมันออก นำแครอทกับมันฝรั่งใส่ลงไปในหม้อ เติมน้ำแล้วตุ๋น สักพักค่อยใส่ไข่คนเส้าจื่อตามไป สุดท้ายก็เอาออกจากหม้อและซอยกุยช่ายใส่ลงไปกำหนึ่ง
สีแดงกับสีเขียวตัดกัน ดูแล้วชวนรับประทานอย่างมาก
เส้นบะหมี่สดมีชนาดเล็กและเบา เป็นเส้นใสน่ากิน เนื่องจากใส่ไข่ลงไปด้วย มันก็ยิ่งทำให้น้ำซุปข้นเข้าไปใหญ่
สวี่ชิงรู้ว่าเกาจ้านกับโจวจินหนานกินกันค่อนข้างจุ จึงใช้ชามบะหมี่ใบใหญ่แล้วเพิ่มเนื้อมาวางไว้ข้างบนจนเต็มชาม
พวกเขานั่งกินข้าวเที่ยงกันที่ลานหน้าบ้าน มีต้นเจดีย์ใหญ่เป็นร่มเงาธรรมชาติคอยบังแดดให้ อีกทั้งยังมีลมโกรกเป็นพัก ๆ ทำให้ไม่รู้สึกร้อนอบอ้าว
เกาจ้านสูดบะหมี่ชามใหญ่แล้วถอนหายใจ “เส้นหมี่สดทำออกมาได้ดี แค่มองบะหมี่เส้าจื่อเฉย ๆ ก็หอมแล้ว ทำได้ดีกว่าร้านอาหารตั้งเยอะ”
สวี่ชิงยิ้มแล้วนำพริกที่เจียวดีแล้วออกมา หยิบกระเทียมหัวหนึ่งมาส่ง ๆ
“ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ ทั้งหมดเป็นอาหารพื้น ๆ มาลองลิ้มพริกที่ฉันเจียวเองดูค่ะ ข้างในยังใส่เนื้อแกะ ขิงและกระเทียม ผสมกับเส้นแล้วจะหอมมาก”
สวี่ชิงพูดอยู่ก็ใส่น้ำพริกในชามของโจวจินหนานเล็กน้อย แล้วช่วยเขาคนให้เข้ากัน ถึงค่อยส่งช้อนคืนถึงมือของเขา “บะหมี่ทำมาพักหนึ่งแล้ว เดี๋ยวก็เริ่มเย็นแล้วค่ะ กินแล้วไม่ลวกปากและยังเหนียวนุ่มอีกด้วย”
เกาจ้านมองเพื่อนรักถูกดูแลอย่างดี ในใจก็พลันรู้สึกผิดขึ้นมา
พวกเขาต่างรู้สึกผิดต่อสวี่ชิง จากนี้ไปถ้าเกิดเธอรู้ความจริงของเรื่องนี้ จะเป็นอย่างไรกันนะ?
คิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกหนาวเยือกขึ้นมาเสียดื้อ ๆ รีบก้มหน้าก้มตาสูดเส้นบะหมี่ในชามอย่างรวดเร็ว
หลังกินข้าวเสร็จ สวี่ชิงก็เก็บกวาดชามตะเกียบ แล้วต้มชาให้โจวจินหนานกับเกาจ้าน ถึงค่อยหาโอกาสดูหม้อใบใหม่ของเธอ
เกาจ้านนั่งโยกไปมาบนเก้าอี้เอน มองสวี่ชิงยกหม้ออยู่อีกด้าน ก็เกิดความคิด “น้องสะใภ้ ต่อไปฉันมากินข้าวกับพวกเธอที่นี่ได้ไหม ค่าอาหารฉันออกให้ เรื่องวิ่งไปซื้อกับข้าวฉันก็ไปให้ได้เหมือนกัน”
“ได้สิคะ”
“ไม่ได้!”
สวี่ชิงกับโจวจินหนานพูดพร้อมกัน เกาจ้านทำเสียงจิ๊จ๊ะมองโจวจินหนาน “ไม่จริงน่า เดี๋ยวนี้นายขี้เหนียวขนาดนี้แล้วเหรอ แม้กระทั่งกินข้าวด้วยกันก็ไม่ได้แล้วเหรอ”
โจวจินหนานเอ่ยอย่างเด็ดขาด “หล่อนยุ่งมาก นายอยากกินก็ไปซื้อกินข้างนอก”
เกาจ้านแค่นหัวเราะเย็นชา “นายนี้ใช้ไม่ได้จริง ๆ ต่อไปคงไม่ต้องการฉันแล้วสินะ”
สวี่ชิงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี มองเกาจ้านกับโจวจินหนานเถียงกันแล้วเหมือนมองเด็กอนุบาลตัวน้อยสองคน ดูสนุกไม่เบาเลย
ตอนบ่ายหลังจากเกาจ้านจากไปแล้ว ฉินเสวี่ยเหมยเลิกงานเสร็จก็มาหาเธอเลย ทั้งยังนำข่าวหนึ่งมาให้กับสวี่ชิงด้วย ว่าวันที่สิบเดือนนี้สวี่หรูเยว่กับหลี่ต้าหย่งจะแต่งงานกัน
นับดูแล้วก็เหลืออีกไม่กี่วัน
สวี่ชิงคิดไม่ถึงว่าสวี่หรูเยว่กับหลี่ต้าหย่งจะแต่งงานกันเร็วขนาดนี้!
วันนี้ก็วันที่หกแล้ว วันที่สิบก็ใกล้เข้ามาแล้วน่ะสิ
ฉินเสวี่ยเหมยไม่เห็นโจวจินหนานอยู่ที่ลานหน้าบ้าน จึงดึงสวี่ชิงมาพูดเสียงดังขึ้นอีกนิด “คุณป้าฉันได้ยินหม่าเสวี่ยหลานพูดว่า ครั้งนี้หลี่ต้าหย่งทุ่มหนักมาก ไม่เพียงซื้อทีวียังซื้อเครื่องซักผ้าแล้วนะ ถึงเวลาก็จะลากรถไปทั่วเขตโรงงาน ยังบอกอีกว่าเตรียมเครื่องนอนผ้าไหมแท้มาจากซูโจวทั้งหมดด้วย”
สวี่ชิงรู้สึกไม่เชื่อเล็กน้อย “ฉินกุ้ยจือใจป้ำขนาดนี้เชียวหรือ”
ไก่ตัวผู้คนนั้น(2)เป็นไก่ตัวผู้ที่ไม่ยอมถอนขนสักเส้นเดียว หล่อนไม่เพียงแค่ไม่ยอมถอนขนสักเส้นเดียวเท่านั้น ยังคิดจะเอาขนจากคนอื่นกลับมาด้วย
ฉินเสวี่ยเหมยเองก็ยังไม่ทราบแน่ชัด “อย่างไรก็ตามด้านนอกคนเขาลือกันแบบนี้ ยังได้ยินมาว่าที่มหาวิทยาลัยของสวี่หรูเยว่นั้นยังเกิดเรื่องอะไรขึ้นด้วย จากนี้หล่อนคงไม่ได้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแล้วล่ะ”
สวี่ชิงคาดเดาว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากจดหมายรายงานที่ถูกส่งไปนั้นได้มีการตรวจสอบแล้ว เพียงแค่มันเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อนพอดี จึงยังไม่ทันมีประกาศออกมา
ฉินเสวี่ยเหมยเล่าเรื่องซุบซิบให้สวี่ชิงฟังอย่างลื่นไหล “ยังมีอีกนะ ได้ยินว่าฟางหลานซินให้สินเดิมกับสวี่หรูเยว่ไม่น้อยเลยด้วย ดูเหมือนว่าจะเป็นพวกเครื่องประดับ สร้อยทองอะไรพวกนั้นน่ะ”
สวี่ชิงใจเต้นผิดไปจังหวะหนึ่ง เป็นไปได้อย่างไรที่ฟางหลานซินจะมีสร้อยทองเหล่านั้น หรือว่าจะเป็นของที่มารดาของเธอทิ้งเอาไว้?
เธอจะต้องคิดหาวิธีให้ฟางหลานซินคายออกมาให้ได้เร็วที่สุด เพียงแค่มันไม่ง่ายขนาดนั้น ควรทำอย่างไรดีล่ะ?
ทันใดนั้นสมองของเธอพลันมีแสงสว่างวาบ “เสวี่ยเหมย ที่บ้านเธอมีแว่นขยายไหม”
ฉินเสวี่ยเหมยส่ายหน้า “ไม่มีนะ ในบ้านจะมีของแบบนั้นไว้ทำอะไร แต่ฉันเห็นร้านค้าสหกรณ์มีขายนะ หนึ่งอันห้าเหมา”
ฉินเสวี่ยเหมยสงสัยแล้ว ไม่ใช่พวกหล่อนกำลังคุยเรื่องซุบซิบของสวี่หรูเยว่อยู่หรอกหรือ ทำไมจู่ ๆ พูดถึงเรื่องซื้อแว่นขยายได้?
“เธอซื้อแว่นขยายไปทำไมกัน”
สวี่ชิงยิ้มอย่างมีเลศนัย “มีประโยชน์น่ะ และยังมีประโยชน์มากด้วย!”
ฟางหลานซินกับสวี่จื้อกั๋วคิดจะอมของที่มารดาแท้ๆ ของเธอทิ้งเอาไว้ งั้นขอดูหน่อยว่าพวกเขาจะสามารถทำแบบนั้นได้หรือไม่!
แค่คิดว่าต้องไปต่อสู้และได้ไปฉีกฝันหวานของฟางหลานซิน สวี่ชิงก็รู้สึกเหมือนทุกอณูร่างกายของเธอกำลังกู่ร้องอย่างตื่นเต้นแล้ว!
…………………………………………………………………………………………………………………………
(2)หมายถึง คนขี้เหนียว
สารจากผู้แปล
พี่หนานไม่ยอมเลยค่ะ กับเพื่อนก็ไม่ยอม
ได้แว่นขยายแล้วจะเอาไปฉีกหน้าแม่เลี้ยงยังไงนะ
ไหหม่า(海馬)