เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 820 ก่อนคืนวันไหว้พระจันทร์
บทที่ 820 ก่อนคืนวันไหว้พระจันทร์
สวี่ชิงเห็นว่าเหยียนป๋อชวนฟื้นฟูได้ไม่เลว ก็เริ่มปรึกษากับคุณหมอเรื่องการผ่าตัด
“ฉันคิดว่าถ้าผ่าตัด พวกเราสามารถกลับไปทำที่ปักกิ่งได้ ดูจากสถานการณ์ของพ่อฉันแล้ว การกลับไปทำการผ่าตัดที่ปักกิ่งและอยู่ในความดูแลของฉันกับแม่ฉันจะทำให้ฟื้นฟูได้เร็วกว่านะคะ”
คุณหมอคิดว่าวิธีนี้ใช้ได้ แม้ว่าระดับการรักษาของเมืองเหิงจะไม่เลวเช่นกัน แต่ก็เปรียบกับปักกิ่งไม่ได้
“ได้ สองสามวันมานี้สภาพร่างกายของพ่อเธอไม่เลว และก็กำลังออกกำลังกายช้า ๆ ด้วยนิดหน่อย ช่วงก่อนวันไหว้พระจันทร์ก็น่าจะสามารถลุกขึ้นมาออกเดินทางได้แล้ว
สวี่ชิงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ไปปรึกษากับเหยียนป๋อชวนเรื่องจะกลับไปทำการผ่าตัดที่เมืองปักกิ่ง กลัวว่าเขาจะปฏิเสธ ยิ่งร้องไห้ขึ้นมาก่อน “พ่อคะ ฉันรู้ว่าพ่อมีความตั้งใจว่าจะกลับไปเจอแม่ของฉันในสภาพดี ๆ แต่ตอนนี้พ่อก็ฟื้นฟูร่างกายดีขึ้นมากแล้ว ขาดแค่ผ่าตัดครั้งหนึ่ง หลังจากผ่าตัดพ่อก็สามารถเป็นเหมือนคนปกติได้แล้วนะคะ”
“ตอนนี้ฉันจะขายสินค้าทำโรงงานผลิตยา แรงกดดันหนักมาก แม้ว่าองค์กรส่วนท้องถิ่นจะให้การสนับสนุนก่อน แต่ถ้าติดหนี้ ฉันก็ต้องชดใช้เป็นเงินกว่าหนึ่งแสนหยวน”
เหยียนป๋อชวนมองลูกสาวอย่างตกตะลึง ผ่านไปสักพักใหญ่ถึงค่อยหาเสียงของตัวเองกลับมาได้ “หนึ่งแสนหยวน?”
สวี่ชิงพยักหน้า “ดังนั้นตอนนี้ฉันเองก็กดดันมากเหมือนกัน ถ้าพ่อเป็นห่วงฉันก็กลับปักกิ่งกับฉันเถอะค่ะ ตอนนี้พ่อดูดีกว่าแต่ก่อนขึ้นเยอะแล้วด้วย”
เหยียนป๋อชวนแทบจะไม่คิด “ไม่ต้องรีบร้อน พ่อจะกลับไปกลับลูก ลูกอธิบายให้พ่อฟังอีกทีสิว่าหนึ่งแสนหยวนนี้มันคืออะไร?”
เขาไม่เข้าใจเรื่องธุรกิจ เพียงแต่รู้ว่าเงินหนึ่งแสนหยวนนี้เป็นจำนวนมหาศาลอย่างยิ่ง
สวี่ชิงกลัวว่าตัวเองจะทำให้เหยียนป๋อชวนตกใจ อธิบายองค์ประกอบและการพัฒนาของธุรกิจตัวเองในตอนนี้ ถึงอย่างไรพ่อเธอก็อนุญาตแล้ว จึงค่อยเริ่มปลอบโยนเขา “พ่อไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ในเมื่อฉันกล้าที่จะทำ ก็ต้องไม่มีปัญหาแน่นอนค่ะ”
เหยียนป๋อชวนครุ่นคิดเงียบ ๆ สักพัก “ต่อไปลูกไม่ต้องมาแล้ว พ่อจะกลับไปวันไหว้พระจันทร์”
ยังมีช่วงเวลาสักพักกว่าจะถึงวันไหว้พระจันทร์ เขาจะกลับไปเอง เขาอยากยืนตรงหน้าเย่หนาน โดยไม่นั่งอยู่บนรถเข็น
ครั้งนี้สวี่ชิงไม่ปฏิเสธ “ได้ค่ะ ฉันกับแม่จะรอพ่ออยู่ที่ปักกิ่งนะคะ”
ครั้งนสวี่ชิงกลับไปอีกรอบก็ทุ่มใจไปไว้ที่ธุรกิจหมด เวลาส่วนมากก็ขลุกอยู่ในห้องทดลองด้วยกันกับฉินเฟย หลังจากได้เม็ดยาจีนออกมา ยังต้องผ่านการทดลองและสังเกตการณ์ไปอีกช่วงเวลาหนึ่ง หลังจากแน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ยามั่นคงอยู่ตัวแล้ว ยังต้องส่งไปให้กรมควบคุมอาหารและยาตรวจสอบ
หลังจากได้รับหมายเลขแล้ว จึงสามารถไปฆ่าเวลาที่ห้างสรรพสินค้าได้
เพื่อความมั่นคง การวิจัยเริ่มต้นจึงเป็นโรคเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างจำพวกไข้หวัดหรือไอ
เย่หนานประหลาดใจมากที่ครึ่งเดือนนี้สวี่ชิงไม่ออกไปทำงานนอกสถานที่เลย จึงยังรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยไม่ได้ “ชิงชิง เมื่อก่อนลูกบอกว่าต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ทุกสัปดาห์ไม่ใช่เหรอ ช่วงนี้ทำไมไม่เห็นลูกออกไปเลย ไม่เป็นไรเหรอ?”
สวี่ชิงรีบส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ ๆ ฉันติดต่อเสร็จหมดแล้ว ตอนนี้รอตอนโรงงานของพวกเราทางนี้ทำการผลิต พวกเขาก็จะจัดวัตถุดิบมาให้เองค่ะ”
เย่หนานตอบอ้อคำหนึ่ง “แม่นึกว่ามีเรื่องอะไรซะอีก ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แต่ถึงเวลาถ้าต้องนำเข้าวัตถุดิบเข้ามา ลูกต้องดูให้ดีด้วยล่ะ ไม่ใช่ของอะไรก็เอาเข้ามามั่ว”
สวี่ชิงพยักหน้ายิ้ม สองวันนี้แม่เธอเปลี่ยนไปมาก เมื่อก่อนไหนเลยจะเป็นห่วงว่าคนอื่นจะเป็นจะตาย
เธอยังต้องปรึกษากับเหยียนจี้ชวนกับโจวจินหนานเรื่องที่เหยียนป๋อชวนกลับมา เรื่องนี้นอกจากปิดเย่หนานแล้ว ทุกคนต่างก็รู้กันหมด
ความหมายของสวี่ชิงคือ พ่ออยากกลับมาวันไหว้พระจันทร์ คิดว่าน่าจะอยากกลับมาในวันที่ค่อนข้างน่าจดจำทำให้เย่หนานแปลกใจเป็นแน่
อีกทั้งการบำรุงและฟื้นฟูร่างกายในช่วงระหว่างหนึ่งเดือนนี้ เมื่อถึงวันไหว้พระจันทร์ก็น่าจะสามารถยืนได้แล้ว
เหยียนจี้ชวนคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ “พี่ใหญ่ผมเรียนหนังสือมาตั้งกี่ปี ทำไมทำตัวเหมือนบัณฑิตยากจนคร่ำครึ*ไปได้ เสแสร้งแกล้งทำไปได้”
ฉินเฟยทุบเขาทีหนึ่ง “ในใจของพี่ใหญ่น่าจะรู้สึกละอายใจ ไม่อยากกลับมาสภาพนี้ให้เป็นภาระพี่สะใภ้น่ะสิคะ”
เหยียนจี้ชวนกลุ้มใจเล็กน้อย “งั้นผมถ้าเป็นเหมือนพี่ใหญ่ กลับมาแล้วคุณจะดูแลผมไหม”
ถ้าเป็นเขา ไม่ว่าต้องปีนกลับมาอย่างไรก็จะกลับบ้าน ไม่อาจปล่อยให้ครอบครัวกังวลใจ
ฉินเฟยไม่สนใจเขา จะไปมีเรื่องสมมุติพวกนี้เสียที่ไหน
สวี่ชิงเห็นหัวข้อออกทะเลไปไกลแล้วก็รีบดึงกลับมา “อาเล็กคะ พวกเรามาพูดถึงวันไหว้พระจันทร์กันเถอะค่ะ ฉันควรทำหน้ายังไงให้เป็นธรรมชาติดี?”
เหยียนจี้ชวนคิดว่าเรื่องนี้ช่างง่ายดาย “วันไหว้พระจันทร์วันนั้น พวกเราทั้งครอบครัวก็ไม่ต้องเข้ามา ทำธุระของพวกเธอเองไป อยู่เป็นเพื่อนตาเฒ่าที่สวนกว้างของพวกเราก็พอแล้ว”
สำหรับที่ว่าพวกสวี่ชิงจะทำหน้าอย่างไรให้เป็นธรรมชาตินั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเสียหน่อย
สวี่ชิงร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก แต่พอถูกเหยียนจี้ชวนกวนแบบนี้ เธอก็รู้ว่ามันคงไม่ร้ายแรงอย่างที่เธอคิดอย่างนั้นหรอก
เพียงพริบตาเดียวอีกหนึ่งวันก็จะถึงวันไหว้พระจันทร์แล้ว เสี่ยวเป่ากลายเป็นเด็กชั้นประถมหนึ่งแล้ว เหมือนอย่างที่สวี่ชิงเคยคิดเอาไว้ทุกอย่าง เปิดเรียนไปได้เดือนเดียวไม่กี่วันก็ถูกเรียกผู้ปกครอง
ไม่ใช่เรื่องทำการบ้านหาย เป็นเพียงเรื่องดึงเปียนักเรียนหญิง ไม่ก็จับหนอนผีเสื้อมาทำให้นักเรียนหญิงตกใจกลัว
สวี่ชิงปวดหัวทันที ต้าเป่าเรียนไปถึงชั้นประถมปีที่ห้าแล้ว ปีหน้าก็จะกลายเป็นเด็กมัธยมต้นที่เด็กที่สุด แต่เสี่ยวเป่านั้นแม้แต่ป.หนึ่งก็เอ้อระเหยไปวัน ๆ ไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย
พอเที่ยงเธอก็ถูกคุณครูเรียกไปหา เห็นเสี่ยวเป่าสะพายกระเป๋านักเรียน ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยเลือด ราวกับถูกคนทำร้าย
ใบหน้าเล็กดูน่าสงสารอย่างยิ่ง
เดิมสวี่ชิงยังโมโหที่เสี่ยวเป่าก่อเรื่องอีกแล้ว มองเห็นในหน้าเล็กแล้วก็อดรู้สึกปวดใจไม่ได้ จึงเข้าไปถามสถานการณ์จากคุณครูก่อน
คุณครูของเสี่ยวเป่าเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่ดูอบอุ่นมากคนหนึ่ง การวางตัวก็ดีมาก กลับมองเสี่ยวเป่าอย่างทุกข์ใจ “ฉันสอนมีตั้งหลายปีขนาดนี้ ไม่เคยเห็นเด็กที่ไหนดื้อและซนขนาดเขามาก่อนเลยค่ะ เด็กผู้ชายซุกซนหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่เด็กคนนี้ซนจนขึ้นสมองแล้ว”
คุณครูพูดอย่างจนปัญญา “วันนี้เขาทะเลาะกับชุนจ่วงเด็กข้างห้อง เพียงเพราะว่าเด็กคนนั้นตอนเดินผ่านห้องของพวกเรา ตะโกนเรียกฉายาเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง จนเด็กหญิงร้องไห้ ลูกชายของคุณก็พุ่งออกไปมีเรื่องกับเขา หน้าของเขานี้ก็เป็นอุบัติเหตุที่ถูกอีกฝ่ายทำร้ายค่ะ”
สวี่ชิงไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร เสี่ยวเป่าเป็นชอบทำตัวเป็นจอมยุทธ์ผู้รักความยุติธรรมตั้งแต่เมื่อไรกัน
คุณครูครุ่นคิด ไม่รู้ว่าควรพูดกับสวี่ชิงว่าอย่างไร “พรุ่งนี้ก็วันไหว้พระจันทร์แล้ว โรงเรียนหยุดหนึ่งวัน คุณพาเด็กกลับไปก่อนเถอะค่ะ เขาพูดว่ายาทาของพวกคุณทาแล้วไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้นี่คะ? คุณดูแลเด็กแล้วช่วยทาให้แกเถอะค่ะ”
เดิมเป็นเพราะว่าพรุ่งนี้พ่อจะกลับมา สวี่ชิงจึงเหม่อลอยตลอดบ่าย แต่ตอนนี้เป็นเพราะเรื่องของเสี่ยวเป่า จึงไม่มีเวลาไปคิดถึงเช่นกัน จูงมือจอมวุ่นวายน้อยคนนี้กลับบ้าน
ระหว่างทางเสี่ยวเป่าเม้มปากไม่พูดไม่จา เพราะช่วงนี้ฟันน้ำนมซี่หน้าหลุดแล้ว พอพูดแล้วมีลมผ่าน ดังนั้นเขาจึงไม่อยากพูด
จนกระทั่งถึงหน้าประตู เสี่ยวเป่าถึงค่อยแกว่งมือสวี่ชิง “แม่ครับ แม่อย่าโกรธเลยนะ แม่บอกไม่ใช่เหรอว่าควรปกป้องเด็กผู้หญิงน่ะ?”
สวี่ชิงเบนหน้าไม่สนใจเสี่ยวเป่า รู้ดีว่ามุกนี้ไม่มีประโยชน์ พรุ่งนี้เสี่ยวเป่าก็ยังคงทำผิดเหมือนเดิม
………………………………………………………………………………………………………………………….
*หมายถึง พวกเพ้อฝัน
สารจากผู้แปล
รอลุ้นให้คุณพ่อลุกขึ้นยืนไปหาคุณแม่ที่ปักกิ่งได้นะคะ
เสี่ยวเป่าสร้างเรื่องขึ้นพอดีเลย มีอะไรมาให้เซอร์ไพรส์ตลอดเด็กคนนี้
ไหหม่า(海馬)