เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 81 ฆ่าไป๋หลางคือการทำผิดกฎหมาย
บทที่ 81 ฆ่าไป๋หลางคือการทำผิดกฎหมาย
สวี่ชิงหันกลับไปมองโจวจินซวนที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตอนไหน การที่เขายืนจ้องมองเธอมาจากมุมมืดนั้นทำให้เธอถึงกับสะดุ้งตกใจ
เธอถลึงตาจ้องโจวจินซวน “คุณบ้าหรือเปล่า! เข้าห้องคนอื่นไม่รู้จักเคาะประตูหรือ”
โจวจินซวนมองสวี่ชิงที่หน้าแดงเพราะความโกรธก็ไม่พอใจเล็กน้อย “สวี่ชิง ตอนนี้สาแก่ใจเธอแล้วใช่ไหม? เธอแก้แค้นฉันแบบนี้ ที่ทำอยู่มันมีความหมายหรือไง?”
สวี่ชิงมองเขาเหมือนคนบ้าคนหนึ่ง “โจวจินซวน ฉันขอเตือนคุณ คุณเจอฉันก็ควรเรียกฉันว่าพี่สะใภ้จะดีที่สุด อีกอย่างฉันพอใจหรือไม่พอใจมันเกี่ยวอะไรกับคุณ!”
โจวจินซวนมองสวี่ชิงด้วยความขุ่นเคืองนิดๆ “หรือเป็นเพราะฉันหมั้นกับสวี่หรูเยว่ เธอเลยหมั้นหมายกับพี่ใหญ่ฉันเป็นการแก้แค้น? ตอนนี้ฉันกับสวี่หรูเยว่ไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว การที่เธอทำในตอนนี้มันมีความหมายอะไร?”
สวี่ชิงหัวเราะอย่างเย็นชา “ฉันพูดกี่รอบแล้ว คุณวางตัวเองเอาไว้สูงเกินไปแล้วค่ะ ในสายตาฉัน คุณกับสวี่หรูเยว่เป็นผีเน่ากับโลงผุเกิดมาเพื่อเป็นคู่กันโดยแท้! เมื่อก่อนฉันตาบอดเองถึงคิดว่าคุณมีพรสวรรค์ ตอนนี้ตาฉันสว่างแล้วถึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วพี่ใหญ่ของคุณต่างหากที่เป็นลูกผู้ชายตัวจริง”
โจวจินซวนโกรธจนหน้าดำ สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือการเอาเขากับโจวจินหนานมาเปรียบเทียบกัน
ไม่ว่าเขาจะทำอะไร คนอื่นก็จะพูดแค่ว่าเขาเป็นน้องชายโจวจินหนาน โจวจินหนานเก่งขนาดนั้น น้องชายของเขาก็น่าจะไม่ต่าง
เขาขยันอ่านหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยคะแนนสูงที่สุดในมณฑล
คิดกับตัวเองว่าเก่งกว่าโจวจินหนานที่สอบเข้าโรงเรียนทหารได้ร้อยเท่า
อีกทั้งเขายังเรียนคณะนิติศาสตร์ ต่อมาจะเป็นผู้พิพากษาที่ยอมเยี่ยมได้ จะต้องดีกว่าโจวจินหนานที่ดีแต่ใช้กำลังอย่างแน่นอน
สุดท้ายแล้วอยู่ ๆ โจวจินหนานก็ได้รับบาดเจ็บกลายเป็นวีรบุรุษ ได้เหรียญวีรบุรุษขั้นที่หนึ่ง!
เหรียญวีรบุรุษขั้นหนึ่ง! หลายคนต้องแลกกับชีวิตตัวเองกว่าจะได้รับเกียรตินั้น คนที่มีรอดชีวิตจนได้รับเหรียญวีรุบุรุษขั้นหนึ่งนั้นล้ำค่าและหายากมาก
ภายใต้รังสีอันเจิดจ้าของโจวจินหนาน เขาไม่มีอะไรที่สามารถเป็นได้เลย!
สวี่ชิงมองใบหน้าบิดเบี้ยวของโจวจินซวน ถึงค่อยเปิดปากพูด “คุณรีบออกไปซะ ไม่งั้นฉันจะตะโกนให้คนอื่นมาดูว่าในบ้านของพี่ชายใหญ่ น้องชายของเขากลับวิ่งโร่เข้ามาในห้องที่พี่สะใภ้อยู่”
โจวจินซวนมองสวี่ชิงด้วยใบหน้าดำคล้ำ “คุณพูดจาไม่น่าฟังแบบนี้ออกมาได้ยังไง!”
สวี่ชิงแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา “ไม่น่าฟังหรือ? ถ้าคุณยังไม่ออกไปฉันจะลงไม้ลงมือกับคุณแล้วนะ!”
พูดแล้วก็ยกไม้ปัดขนไก่เดินเข้าปหา โจวจินซวนมองท่าทางโมโหร้ายของสวี่ชิง ก็ไม่แน่ใจว่าหล่อนจะไม่กล้าตีเขาด้วยไม้ปัดขนไก่นั่น
ผู้หญิงที่พูดจานุ่มนวลอ่อนหวานคนนั้น ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นภรรยานิสัยดุร้ายเช่นนี้ไปได้!
โจวจินซวนถอยสองก้าว “สวี่ชิง ไม่ช้าหรือเร็วคุณจะต้องเสียใจภายหลังแน่!”
พูดแล้วก็รีบหมุนกายวิ่งออกไป ด้วยกลัวว่าเกิดช้ากว่านี้อีกนิดเขาจะถูกสวี่ชิงทุบตีจนต้องออกไปแทน
สวี่ชิงมองโจวจินซวนออกไปด้วยสายตาเย็นชาแล้วเดินไปปิดประตู เธอเงยหน้าขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ และเห็นว่าใต้ซุ้มดอกไม้ฝั่งตรงข้ามมีซูฮุ่ยหรูยืนมองมาทางนี้
พอเห็นสวี่ชิงมองตน หล่อนก็เดินมาด้วยสีหน้าเย็นชา
สวี่ชิงด่าในใจว่าสองแม่ลูกคู่นี้ช่างน่ารำคาญจริง ๆ คนหนึ่งเพิ่งไปคนหนึ่งก็มาอีกแล้ว
เธอมองซูฮุ่ยหรูค่อย ๆ เดินมา
ซูฮุ่ยหรูยืนตรงหน้าประตูไม่มีท่าทางว่าจะเข้ามาข้างใน มองสวี่ชิงอย่างเย็นชา “เมื่อกี้จินซวนเข้าไปหาเธอในห้องทำไม?”
สวี่ชิงตอบด้วยเสียงไม่พอใจ “คุณควรไปถามเขาเองนะคะ รู้อยู่แก่ใจว่าพี่ชายใหญ่ไม่อยู่ แต่มาทำอะไรที่ห้องของพี่สะใภ้ แล้วก็ ถ้าไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายจนดูไม่ดี คุณก็ดูแลเขาก็ดี ๆ หน่อยนะคะ”
ซูฮุ่ยหรูไม่คิดว่าสวี่ชิงจะพูดประโยคนี้ออกมา ในเมื่อเธอพูดได้ งั้นก็คอยดูหล่อนเถอะ
หล่อนมองสวี่ชิงอย่างโมโห “เธอนั้นแหละที่ต้องดูแลตัวเอง อย่าให้เหมือนกับนังจิ้งจอกที่จ้องจับคนอื่นไปทั่ว”
สวี่ชิงไม่แปลกใจที่ซูฮุ่ยหรูพูดเช่นนี้ “ฉันไม่ใช่นังจิ้งจอกหรอกนะคะ ถ้าโจวจินหนานพูดก็แล้วไป คุณมีเวลาพูดเรื่องพวกนี้ ไม่สู้เอาเวลาไปสอนลูกชายสุดที่รักของตัวเองจะดีกว่า”
พูดจบเธอก็ปิดประตูดังปัง ไม่สนใจเลยว่าซูฮุ่ยหรูจะโกรธจนหน้าเปลี่ยนสีอย่างไร
เป็นแม่สามีแล้วอย่างไรไม่ทราบ
เธอดูออกว่าในบรรดาลูกชายสองคนนี้ ซูฮุ่ยหรูลำเอียงไปทางโจวจินซวนมากกว่า
ตลอดครึ่งบ่าย โจวจินหนานกับเกาจ้านถึงจะกลับมา
ทว่าไม่ได้พาไป๋หลางกลับมาด้วย
สวี่ชิงได้ยินการเคลื่อนไหวก็ออกไปทันที เห็นเกาจ้านประคองแขนโจวจินหนานเข้าประตูใหญ่ แต่ไม่เห็นไป๋หลาง เธอก็พลันใจหาย “ไป๋หลางล่ะคะ”
เกาจ้านมองใบหน้าซีดขาวร้อนรนของสวี่ชิงก็ยกยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ไป๋หลางไม่เป็นไรแล้ว ให้พักฟื้นบาดแผลที่โรงพยาบาลนั่นแหละ ตอนนี้อากาศร้อน พากลับมาพวกเราก็ดูแลไม่เป็นอยู่ดี”
พอสวี่ชิงได้ยินว่าไป๋หลางไม่เป็นไรก็ถอนหายใจออกมาทันที เดินไปคล้องแขนโจวจินหนาน “พวกเราเองก็รีบเข้าบ้านพักผ่อนกันเถอะค่ะ ฉันจะไปอุ่นอาหารให้พวกคุณ”
เพราะเฉิงหยิงกับโจวคังอันนึกถึงเรื่องนี้ ทำให้พวกเขานอนกลางวันไม่หลับ ทั้งสองจึงออกไปสูดอากาศข้างนอก เพิ่งเข้าประตูมาก็ได้ยินเกาจ้านพูดว่าไป๋หลางไม่เป็นไร
“อามิตาพุทธ ไม่เป็นไรแล้วก็นับว่าดีจริง ๆ ”
เฉิงหยิงเองก็ถอนหายใจออกมาเช่นกัน เรียกแม่บ้านให้รีบไปอุ่นกับข้าวให้โจวจินหนานกับเกาจ้าน
สวี่ชิงขัดขึ้น “ฉันไปเองค่ะ พวกคุณรีบไปพักผ่อนกันเถอะ”
ข้าวเที่ยงมีเหลือไม่น้อย เมื่อสวี่ชิงอุ่นอาหารแล้วก็ตักบะหมี่ไก่ยกเข้าไปในห้องอาหาร
เฉิงหยิงถามโจวจินหนานอย่างเป็นห่วง “หลานตรวจสอบหรือยังว่าใครเป็นคนทำ”
โจวจินหนานไม่ส่งเสียง เกาจ้านยิ้มพลางตอบกลับ “คุณย่าไม่ต้องห่วงครับ คนร้ายหนีไม่พ้นแน่นอน ผมไปหาคนที่บ้านนั้นดูแล้ว เหมือนจะไม่ใช่ฝีมือของโจร เพราะจักรยานยังวางอยู่ในบ้านอยู่เลย”
เฉิงหยิงพูดว่าบาปกรรมติด ๆ กัน จากนั้นก็ถามโจวจินหนาน “ไป๋หลางไม่อยู่แล้ว หลานกับชิงชิงก็กลับมาอยู่ที่นี่เถอะ ย่ากลัวว่าชิงชิงจะดูแลหลานไม่ดี”
สวี่ชิงยกกับข้าวเข้ามาได้ยินประโยคนี้พอดี เธอปฏิเสธโดยไม่ต้องคิดว่า “ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า ฉันดูแลเขาได้เป็นอย่างดี พวกเราสองคนอยู่กันก็สะดวกสบายดีค่ะ”
เธอไม่อยากกลับมาเจอซูฮุ่ยหรูกับโจวจินซวน ไม่ง่ายเลยกว่าที่เธอจะออกจากรังได้ แล้วจะให้กลับมาตกหลุมพรางอีกหรือ ทำแบบนี้ก็ถือว่าสมองมีปัญหาแล้ว
เฉิงหยิงยังคงไม่วางใจ “ไม่ใช่ว่าเธอกำลังจะทำธุรกิจหรือ ถึงตอนนั้นเธอก็คงไม่อยู่บ้าน จินหนานอยู่คนเดียวแล้วจะทำยังไง”
สวี่ชิงคิดเอาไว้อยู่แล้ว “ฉันก็พาเขาไปด้วยค่ะ ถึงตอนนั้นเขาก็ช่วยฉันยกรถยกอะไรได้”
เฉิงหยิงไม่สบายใจเล็กน้อย นางไม่ยอมรับกับการที่สวี่ชิงต้องออกไปทำกิจการเล็ก ๆ นั่น แต่ก็คิดว่าการที่สวี่ชิงทำงานหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัวก็ทำให้หลานชายนางสบายได้หน่อยหนึ่ง
สวี่ชิงแกล้งทำเป็นโง่งม “ไม่มีอะไรไม่ดีเลยค่ะ ฉันสามารถดูแลเขาได้”
เกาจ้านฟังอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ นึกถึงสีหน้าประหลาด ๆ ของโจวจินหนานเวลาไปขายของกับสวี่ชิง นั่งทำหน้าเย็นชาอยู่ตรงนั้น แล้วแบบนี้ใครมันจะกล้าซื้อของกัน
แค่นึกภาพเขาก็กลั้นหัวเราะแทบตายแล้ว
เฉิงหยิงเห็นสวี่ชิงยืนกรานว่าถึงอย่างไรก็จะไม่ย้ายกลับมา ก็เลือกตักเตือนโจวจินหนานแทน “จินหนาน เธอลองคิดดูนะ ถึงตอนนั้นสวี่ชิงพาหลานไปด้วยก็ไม่สะดวกเหมือนกัน”
โจวจินหนานขมวดคิ้วคล้ายครุ่นคิด พูดสั้น ๆ ว่า “ผมเห็นด้วยกับเธอ”
เกาจ้านมองโจวจินหนานเหมือนเห็นผี เจ้านี่เดี๋ยวนี้แม้แต่คำพูดก็ทำร้ายจิตใจคนได้ไม่น้อยแล้ว
ในที่สุดเฉิงหยิงก็หมดอารมณ์ ในใจยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ “ดี พวกเธอโตแล้วมีความคิดของตัวเองแล้ว ย่าแก่ ๆ คนนี้พูดก็คงไม่ฟังกันแล้วสินะ”
ซูฮุ่ยหรูเดินเข้ามาประคองแขนของเฉิงหยิง “คุณแม่ อย่าโกรธไปเลยค่ะ”
จากนั้นก็มองโจวจินหนาน “จินหนาน ลูกเห็นคุณย่ากลายเป็นอะไรไปแล้ว”
โจวจินหนาน “มอง” ไปทางซูฮุ่ยหรู “คุณรู้ไหมว่าการฆ่าไป๋หลางก็เท่ากับฆ่าคนคนหนึ่ง เป็นความผิดทางอาญาไม่ใช่เหรอครับ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แม่พี่หนานนี่แปลกๆ นะ เหมือนมีแผนสูงไม่น้อย เป็นไปได้ว่ามีส่วนทำร้ายไป๋หลางด้วย
ไหหม่า(海馬)