เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 8 มอบสมุดเงินฝากให้ว่าที่ภรรยา
บทที่ 8 มอบสมุดเงินฝากให้ว่าที่ภรรยา
โจวจินเซวี่ยนไม่ได้สังเกตเห็นโจวจินหนานเลย เป็นเพราะกำลังขุ่นเคืองกับท่าทางไม่แยแสของสวี่ชิง “ชิงชิง ใจเย็น ๆ ก่อนนะ ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่ใหญ่ของผมถึงจะแต่งงานกับคุณ แต่นั่นไม่ใช่เพราะเขาชอบคุณหรอก! เขามีแฟนอยู่ในคณะศิลปกรรมของมหาวิทยาลัยประจำมณฑลอยู่แล้ว”
“แล้วเขาก็เย็นชาไร้อารมณ์ ไม่ทำดีกับใคร ในใจมีเพียงอย่างเดียวที่จะไม่ให้ผิดหวังคืออาชีพการงาน! ตอนนี้เขามองไม่เห็น คุณจะต้องเผชิญกับชีวิตแบบไหนกันล่ะเมื่อแต่งงานกับเขา เคยคิดเกี่ยวกับมันไหม?”
สวี่ชิงเยาะเย้ย “คุยกันมาตั้งนาน ไม่เห็นคุณบอกเลยว่าพี่ใหญ่ของคุณเป็นคนแบบไหน ถ้าเขาเคยมีแฟนมาก่อนแล้วอย่างไร? ตราบใดที่ตอนนี้คนที่เขาแต่งงานด้วยคือฉัน ต่อให้จะมองไม่เห็นแต่ก็ยังดีกว่าคนตาดีบางคนซะอีก!”
ใบหน้าของโจวจินเซวี่ยนแดงก่ำกับสิ่งที่สวี่ชิงต้องการจะสื่อ “คุณ…”
สวี่ชิงยิ้มหวานให้คนที่อยู่ข้างหลังและตะโกนเสียงชัดเจน “พี่ใหญ่โจว”
จากนั้นเธอก็เดินไปหาโจวจินหนาน
โจวจินเซวี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนหันกลับมาด้วยใบหน้ากระอักกระอ่วนขั้นสุด
เมื่อเห็นโจวจินหนานยืนอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางเฉยเมย พร้อมกับมีสุนัขพันธ์ุหลางโก่ว(1) ท่าทางสง่างามนั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ ขาของเขา โจวจินเซวี่ยนก็พลันอุทานตะกุกตะกัก “พี่… พี่ใหญ่”
โจวจินหนานขมวดคิ้วเล็กน้อย “นายยังคิดว่าฉันตาบอดและไร้ประโยชน์ด้วยใช่ไหม?”
โจวจินเซวี่ยนส่ายศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ไม่ ๆ ๆ พี่ใหญ่ พี่เข้าใจผิดแล้ว ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น… ก็แค่…”
เขาไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเป็นเวลานาน และหน้าผากยังเต็มไปด้วยเหงื่อ
น้ำเสียงของโจวจินหนานเย็นลง “ไปให้พ้น!”
โจวจินเซวี่ยนไม่กล้าที่จะอยู่ต่อ เขาหันหลังกลับและวิ่งหนีอย่างเชื่อฟัง ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเขาก็กลัวพี่ใหญ่ที่อายุมากกว่าเจ็ดปีคนนี้มาก
พี่ใหญ่มักจะจริงจังอยู่เสมอ เมื่อเขาทำอะไรผิด พี่ใหญ่ไม่เคยแสดงความปรานีเลยสักนิดเวลาประเคนหมัดให้เขา!
หลังจากที่สวี่ชิงรอให้โจวจินเซวี่ยนออกไป เธอก็สงบลง “พี่ใหญ่โจวคะ ฉันไม่คิดเลยค่ะว่าจะได้เจอกับเขา”
โจวจินหนานหันไปด้านข้างเล็กน้อยแล้วลูบศีรษะสุนัข “ไปที่อาคารพาณิชย์หงฉีกัน ไปกันเถอะ”
สวี่ชิงรู้สึกลังเล เธอสงสัยว่าควรยื่นมือออกมาพยุงแขนของโจวจินหนานหรือไม่ นั่นจะดูสนิทสนมเกินไปหรือเปล่า?
ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาสองคนก็เป็นคนรักในยุคนี้ และมันก็ดูน่าอายมากเกินไปหากจะเดินใกล้กัน เพราะเป็นเรื่องง่ายมากที่จะเป็นเป้าให้คนติฉินนินทา
ในขณะที่เธอยังคงลังเลอยู่ สุนัขหลางโก่วก็ลุกขึ้นเดินช้า ๆ ข้างโจวจินหนาน และนำทางเขาไปที่ประตูของมหาวิทยาลัย
สวี่ชิงรู้สึกประหลาดใจที่พบว่าสุนัขหลางโก่วตัวนี้ทำหน้าที่สุนัขนำทางด้วยก้าวที่มั่นคงและช้า เมื่อเจอเส้นทางที่ไม่สม่ำเสมอ มันก็จะถูร่างกายตัวเองเข้ากับขาของโจวจินหนานเพื่อเตือนให้ระวัง
ในชีวิตที่แล้ว เป็นเพราะเธอไม่ได้สนใจโจวจินหนาน เธอจึงไม่สนใจสุนัขตัวนี้ด้วย
เมื่อมองดูตอนนี้แล้ว เธอก็คิดว่ามันน่ารักแปลก ๆ
หญิงสาวจึงรีบเดินไปอีกฝั่งของโจวจินหนาน “พี่ใหญ่โจวคะ หมาตัวนี้ชื่ออะไรเหรอคะ? มันฉลาดมากเลยค่ะ”
“ไป๋หลาง มันเป็นสุนัขทหารน่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น สวี่ชิงก็ยกย่องเจ้าไป๋หลางอย่างจริงใจ “มันฉลาดเกินไปแล้ว ภายนอกมันดูดุร้ายมาก แต่ไม่คิดว่ามันจะใส่ใจขนาดนี้”
เมื่อบทสนทนาเริ่มต้นขึ้น การพูดคุยในประโยคต่อ ๆ ไปก็ดูราบรื่นขึ้นมาก…
มันใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการเดินจากประตูด้านเหนือของมหาวิทยาลัยประจำมณฑลไปยังอาคารพาณิชย์หงฉี
ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมง สวี่ชิงก็รู้ว่าโจวจินหนานอยู่ในกองทัพมาสิบปีแล้ว และดวงตาของเขาได้รับบาดเจ็บเมื่อสองเดือนก่อน เขาตาบอดเพราะลิ่มเลือดที่ศีรษะไปกดทับเส้นประสาทตา
สวี่ชิงจำไม่ได้ว่าโจวจินหนานกลับมามองเห็นอีกครั้งเมื่อไรในชีวิตที่แล้ว หลังจากที่ทั้งสองหย่าร้างกัน พวกเขาก็ขาดการติดต่อ ต่อมาสวี่หรูเยว่บอกเธอว่าโจวจินหนานหายจากอาการบาดเจ็บที่ตาของเขาแล้วและไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สวี่ชิงก็นึกถึงคำถามหนึ่ง หากไม่ใช่เพราะโจวจินหนานยืนกราน เกรงว่าตระกูลโจวคงจะไม่พอใจเธอ
หากคำนึงถึงภูมิหลังทางการศึกษาหรือครอบครัวของเธอแล้ว เธอจะไม่สามารถเข้าไปอยู่ในสายตาของตระกูลโจวได้เลย
ถ้าโจวจินหนานยืนยันจะแต่งงานกับเธอ แล้วใครกันที่เป็นคนให้ยาในคืนวันแต่งงานของชาติที่แล้ว?
สวี่ชิงหยุดเดินและอดขมวดคิ้วไม่ได้ เธอคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นสวี่หรูเยว่ เพราะในเวลานั้นสวี่หรูเยว่ยังไม่ได้แต่งงานเข้าตระกูลโจว ดังนั้นเธอจึงไม่มีโอกาส
แล้วจะเป็นใครไปได้?
โจวจินหนานรู้สึกว่าสวี่ชิงหยุดเดิน เขาจึงหยุดฝีเท้าเช่นกัน และเงียบไปครู่หนึ่ง “ถ้าคุณไม่เต็มใจ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการแต่งงานหรอกนะ”
สวี่ชิงกลับมารู้สึกตัวและโบกมือปฏิเสธอย่างรวดเร็ว แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าโจวจินหนานมองไม่เห็น และพูดว่า “ฉันไม่เสียใจหรอกค่ะ… แค่คิดอะไรบางอย่าง และมีเรื่องที่ฉันต้องบอกพี่ก่อน”
โจวจินหนานพยักหน้า “พูดมาเถอะ”
สวี่ชิงไม่สนใจที่จะยืนอยู่ข้างถนน และบอกกับโจวจินหนานเกี่ยวกับแผนการของเธอ “วันนี้ฉันลาออกจากงานในตำแหน่งผู้ควบคุมแล้ว และวางแผนที่จะย้ายออกจากบ้านและเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ ในอนาคตค่ะ เลยสงสัยว่าพี่จะรังเกียจไหม?”
เธอลาออกจากงาน ซึ่งหมายความว่าจะสูญเสียรายได้ทุกเดือน ไม่เพียงเท่านั้นแต่จะสูญเสียแป้งขาวยี่สิบห้าชั่ง และน้ำมันถั่วเหลืองสามชั่งอีกด้วย
ซึ่งมันเป็นเรื่องที่คนธรรมดาไม่อยากได้ยิน
โจวจินหนานพูดอย่างไม่ต้องคิด “เรื่องนี้เป็นการตัดสินใจของคุณ ผมจะให้สมุดเงินฝากทีหลังนะ”
สวี่ชิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองฝ่ายต่างเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน และมีเพียงแผนจะแต่งงานเท่านั้น แต่ชายตรงหน้ากลับตัดสินใจแต่งงานกับเธอเพื่อมอบอำนาจทางการเงินให้เหรอ?
โจวจินหนานกล่าวเสริมว่า “ผมจะให้ตราประทับกับคุณ และคุณจะได้รับค่าเบี้ยเลี้ยงรายเดือนในอนาคต”
ใบหน้าของสวี่ชิงแดงก่ำอย่างอธิบายไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอยู่นาน จึงพูดเสียงแห้งแล้ง “เราไปกันเถอะค่ะ ตรงนี้แดดมันร้อนมาก”
เนื่องจากเจ้าไป๋หลางไม่สามารถเข้าไปในห้างสรรพสินค้าได้ สวี่ชิงจึงพาโจวจินหนานไปรอบ ๆ ตลาดการค้าเสรีด้านหลัง
มันไม่ใช่วันหยุด และเป็นฤดูทำนาที่วุ่นวาย จึงไม่มีผู้คนในตลาดมากนัก
ดวงตาของโจวจินหนานถูกพันด้วยผ้าก๊อซ และเขากำลังจูงสุนัขตัวหนึ่งอยู่ข้าง ๆ ทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจของคนรอบด้าน
สวี่ชิงไม่สนใจสายตาอยากรู้อยากเห็นของทุกคน และไปที่ร้านขายผ้าขนสัตว์อย่างใจเย็น เพื่อเลือกไหมพรมขนสัตว์สีน้ำเงินกรมท่าบริสุทธิ์จำนวนสามชั่ง และบอกว่าเธอจะถักเสื้อกันหนาวให้โจวจินหนาน ซึ่งนั่นก็มาจากใจของเธอเช่นกัน
เธอไม่ลืมที่จะถามความคิดเห็นของโจวจินหนาน “พี่ชอบสีน้ำเงินไหมคะ? ฉันไม่คิดว่าสีเขียวทหารจะสวยเท่าไหร่”
มือของโจวจินหนานจับสายจูงสุนัขแน่น เขาไม่คาดคิดว่าสวี่ชิงจะถักเสื้อไหมพรมให้ และตอบด้วยใบหน้านิ่งสงบ “น้ำเงินก็ดี”
สวี่ชิงจ่ายเงินและหันหลังกลับด้วยรอยยิ้ม แต่แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็หดลงทันที
ที่แผงเกี๊ยวซึ่งอยู่ไม่ไกลจากฝั่งตรงข้าม หลี่ต้าหย่งกำลังกินเกี๊ยวกับพวกอันธพาลทั่วไปสองคน พวกเขาสวมเสื้อผ้าฤดูใบไม้ร่วงสีแดงไวน์มีแถบสีขาวสองแถบที่แขนเสื้อ ใบหน้าบูดบึ้งและมีลักษณะของคนคดโกง
โจวจินหนานรู้สึกไวมากเมื่อพบว่าสวี่ชิงมีอารมณ์ไม่ดี “เกิดอะไรขึ้น?”
สวี่ชิงระงับความอยากที่จะรีบไปถามหลี่ต้าหย่ง และรีบปรับอารมณ์ทันที “พี่ใหญ่โจวคะ พอเห็นแผงเกี๊ยว ฉันก็นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อเช้ารีบออกมาจนไม่ได้กินอะไรเลย… เพราะฉะนั้นเราไปกินเกี๊ยวด้วยกันไหมคะ?”
โจวจินหนานไม่มีข้อโต้แย้ง “เอาสิ”
สวี่ชิงยื่นมือมากำแขนเสื้อของโจวจินหนานเบา ๆ และพาเขาไปที่แผงเกี๊ยว
หลี่ต้าหย่งกำลังคุยโวกับพวกอันธพาลทั้งสอง เมื่อเห็นสวี่ชิงพาโจวจินหนานมา เขาก็ตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเช็ดปากและยืนขึ้นอย่างร่าเริง “โอ้ นี่มันน้องสาวชิงชิงไม่ใช่เหรอ? มากินเกี๊ยวเหรอจ๊ะ?”
ดวงตาของเขาฉายแววกะลิ้มกะเหลี่ย และมองสวี่ชิงอย่างไร้ยางอาย…
………………………………………………………………………………….
(1) สุนัขพันธ์ุหลางโก่ว หรืออีกชื่อคือ วูลฟ์ด็อก เป็นสุนัขพื้นเมืองของจีนที่เกิดจากการนำสุนัขบ้านผสมพันธุ์กับสุนัขป่า
สารจากผู้แปล
ยังไม่ทันแต่งงานเลย พี่ก็มอบสมุดบัญชีให้เสียแล้ว โฮ่ ถือว่าจริงใจนะเนี่ย
ต้าหย่งนี่รับสินบนมาจากนังแม่เลี้ยงใช่ไหม?
ไหหม่า(海馬)