เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 760 คนแปลกหน้า
บทที่ 760 คนแปลกหน้า
เหยียนจี้ชวนต้องการแบบเดียวกัน ทว่าตั้งแต่กลับมาเขายังไม่มีเวลาพูดถึงเรื่องนั้นกับเหยียนเฉิงซาน “บ้านนั่นน่ะแต่เดิมเป็นของสวี่ชิง แต่ว่าตอนนั้นทุกคนอยู่ในตัวเมืองเอกมณฑลกัน บ้านถึงได้ถูกส่งให้พ่อมาดูแลแทน”
ฉินเฟยไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ฉันแค่คิดว่ามันเป็นบ้านของสวี่ชิง เพราะงั้นควรจะมอบให้สวี่ชิงตั้งแต่เนิ่น ๆ น่ะค่ะ”
เมื่อบ้านถูกส่งมอบให้สวี่ชิงแล้ว สวี่ชิงจะใช้มันทำอะไรก็ได้ แม้ว่าจะทำเป็นโกดังเก็บของก็ตาม
เหยียนจี้ชวนหลบลูกบอลกระดาษที่เสี่ยวเป่าปามา และหันไปยิ้มให้กับฉินเฟย “เธอนี่นะ เป็นห่วงซะเหลือเกิน กลัวว่าพ่อจะไม่ยกบ้านให้สวี่ชิงหรือไง? ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ยอมให้มันเป็นแบบนั้นแน่ ๆ”
ฉินเฟยอยากจะพูดต่อ แต่เจียวเจียวกับวิ่งเข้ามาหา “แม่ นั่นคนเลว ยิงเลย”
เหยียนจี้ชวนเอื้อมมือออกไปหาลูกสาว “มา เดี๋ยวพ่อเล่นกับพวกหนูเอง”
กว่าเหยียนเฉิงซานจะกลับบ้านมา บ้านทั้งหลังก็ยุ่งเหยิงไปหมด เครื่องใช้ภายในบ้านเปลี่ยนไปอยู่คนละทิศคนละทาง
เหยียนเฉิงซานปวดหัวและคิดว่านี่เพิ่งจะวันที่สอง ก่อนจะเอามือไพล่หลัง ขมวดคิ้วขณะมองดูเหยียนจี้ชวนที่กำลังใส่หมวกนิรภัยและถือปืนไม้ไว้ในมือ “ดูแกทำตัวเข้าสิ อายุปูนไหนแล้ว ยังมาเห็นเป็นเด็กอยู่ได้ ไม่กลัวว่าจะถูกล้อเอาหรือไง แล้วก็ลุงเฉินแกบอกว่าถ้าช่วงเย็นว่าง ทั้งบ้านเราจะไปกินอาหารด้วยกัน”
เหยียนจี้ชวนมุ่งเป้าไปที่เสี่ยวเป่า “สวี่ชิงกลับไปแล้ว ให้ไปเชิญพวกสวี่ชิงด้วยไหม?”
เหยียนเฉิงซานขมวดคิ้ว “สวี่ชิงเป็นลูกหลาน จะเชิญไปได้ยังไง”
เหยียนจี้ชวนวางปืนไม้ลง ถอดหมวกนิรภัย และมองไปที่เหยียนเฉิงซาน “แต่หล่อนเป็นลูกสาวของพี่ชายใหญ่ ตอนนี้พ่อยอมรับตัวตนของหล่อนแล้ว แต่ไม่คิดจะแนะนำให้สหายเก่ารู้จักด้วยซ้ำ ทำไมล่ะ? หรือว่ากลัวโจวจินหนานจะได้หน้า? ถ้างั้นพ่อก็คิดมากไปแล้วนะ โจวคังอันไม่ได้เลวร้ายไปกว่าพ่อหรอก และการที่โจวจินหนานมาถึงจุดนี้เขาก็ไม่ได้พึ่งพาเส้นสายอะไรด้วย”
เหยียนเฉิงซานทำสีหน้าจริงจัง “พ่อไม่ได้คิดแบบนั้น แต่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม อีกอย่างสวี่ชิงกับจินหนานยังไม่ได้ลงหลักปักฐานในปักกิ่งเลย”
เหยียนจี้ชวนหยักไหล่ “ก็เห็น ๆ อยู่ว่ามันง่ายจะตาย แต่พ่อทำให้มันยากเองต่างหาก ส่วนบ้านที่พี่ชายใหญ่ทิ้งไว้ก็ควรยกให้สวี่ชิงได้แล้ว”
เหยียนเฉิงซานจ้องมอง “ตอนนี้หล่อนก็อยู่ในบ้านแกไม่ใช่หรือไง? ทำไม จะไม่ให้อยู่แล้วเหรอ? อย่างนั้นก็ปล่อยให้ครอบครัวทั้งห้าคนย้ายมาอยู่นี่ซะ”
เหยียนจี้ชวนถอนหายใจ “ผมเป็นคนใจไม้ไส้ระกำขนาดนั้นเลยหรือไง?”
เขาคิดและส่ายหัว “ไม่เลย ผมรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ถ้าตอนนี้ยังมอบบ้านให้สวี่ชิงไม่ได้ พ่อก็ควรไปบอกซะ เพราะยังไงสุดท้ายแล้วพี่ชายใหญ่ก็ทิ้งไว้ให้เธอ พอพ่อยึดเอาไว้แล้วไม่ส่งต่อให้ ผมก็เอาแต่คิดว่าพ่อไปแอบมีลูกชู้อยู่ข้างนอกแล้วฝากบ้านไว้กับเขาน่ะสิ”
“ไอ้สารเลว ไสหัวออกไปซะ”
เหยียนเฉิงซานพยายามเตะเหยียนจี้ชวนด้วยความโกรธจัด แต่เหยียนจี้ชวนกลับหลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว
……
สวี่ชิงไม่เคยคิดเกี่ยวกับบ้านหลังนี้ ที่เหยียนเฉิงซานไม่มอบให้เธอแสดงว่าเขาน่าจะความคิดอะไรบางอย่าง ถึงไม่คืนลานบ้านหลังที่พ่อเหลือทิ้งไว้ให้เธอ
และตอนนี้เธอกำลังหาเงินซื้อบ้านหลังที่ดีกว่า
เธอไปเปิดร้านในช่วงเช้า และไปรับลูกทั้งสองที่บ้านของเหยียนเฉิงซานในตอนเย็น ทว่าเช้าวันต่อมา ฉินเฟยกลับมารับต้าเป่ากับเสี่ยวเป่าที่ร้านด้วยตนเอง
ต้าเป่าไม่ต้องการไปที่นั่นอีกแล้ว เขาจึงรีบคว้าเสื้อของสวี่ชิงเอาไว้แน่นเมื่อฉินเฟยเดินเข้ามารับ “แม่ ผมไม่อยากไป ผมอยู่บ้านได้ไหมครับ?”
เขาไม่ได้เจอหน้าแม่กับคุณยายมาตลอดทั้งวัน มันทำให้เขารู้สึกคิดถึงมาก นอกจากนี้เขาไม่เจอสิ่งของอะไรในบ้านของคุณตาทวดเลย การไปที่นั่นจึงเปล่าประโยชน์
สวี่ชิงคิดว่าต้าเป่ามีความคิดค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ แต่ต้องไปเล่นเกมต่อสู้แบบเด็ก ๆ กับเสี่ยวเป่าทุกวัน ทั้งที่มีเฉินเฉินกับเจียวเจียวคอยช่วยอย่างสมัครใจ
เธอจึงพยักหน้าเห็นด้วย “ได้ งั้นต้าเป่าอยู่บ้านเฝ้าร้านกับแม่และยายนะ”
เสี่ยวเป่าเดินตามฉินเฟยออกไปอย่างมีความสุข ไม่ว่าเขาจะทำอะไรที่บ้านของคุณตาทวด คุณยายเล็กกลับไม่เคยทุบตีและดุด่าว่าเขาเลย นอกจากนี้เขายังมีผู้ติดตามตัวน้อยอีกสองคน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกพิเศษ
หลังจากที่ฉินเฟยพาเสี่ยวเป่าออกไปแล้ว สวี่ชิงก็ขอให้ต้าเป่านั่งลงข้างเตา “ต้าเป่านั่งอุ่นตัวอยู่ตรงนี้ก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่กับคุณยายไปคัดแยกวัสดุยาก่อน ถ้ามีใครเข้ามา ตะโกนเรียกแม่ได้เลยเข้าใจไหม?”
ต้าเป่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ครับ”
สวี่ชิงกับเย่หนานเดินไปจัดเรียงวัสดุยาและเติมสินค้าในลิ้นชักเคาน์เตอร์ที่ห้องขนาดเล็กด้านหลัง
ต้าเป่านั่งนิ่งอยู่บนม้านั่งตัวเล็ก มือทั้งสองกำลังผิงไฟให้อุ่น คอยมองไปที่ประตูร้านขายตาตามคำสั่งของแม่
จู่ ๆ ม่านผ้าฝ้ายก็ถูกเปิดออก เผยให้เห็นหญิงรูปร่างผอมบางในวันสี่สิบเศษที่เดินเข้ามา หล่อนค่อย ๆ เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัว ราวกับมีมวลชั้นของอากาศดำทมิฬปกคลุมอยู่
อาการป่วยทำให้ดูน่ากลัวเล็กน้อย
ต้าเป่าเงยหน้ามองหญิงที่เดินเชิดหน้าเข้ามา เขาเม้มปากแน่นและลืมตะโกนเรียกหาคุณยายกับแม่
หญิงคนดังกล่าวเดินเข้ามาในห้อง ขมวดคิ้วเมื่อมองดูรอบ ๆ และเห็นเพียงเด็กคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างกองไฟ “หมอไม่อยู่เหรอ?”
น้ำเสียงที่เปล่งออกมาฟังดูไม่พอใจ และหยาบกระด้างราวกับถูขัดด้วยกระดาษทราย
ต้าเป่าลุกขึ้นยืนทันทีและถอยหลังกลับไปสองก้าว “คุณยาย คุณยายถูกวางยาพิษ”
ผู้หญิงคนดังกล่าวมองดูต้าเป่าด้วยความประหลาดใจ และมองไปรอบ ๆ “ที่บ้านไม่มีผู้ใหญ่อยู่เหรอ?”
ต้าเป่าหันกลับไปเรียกเย่หนานและสวี่ชิง แต่กว่าเย่หนานกับสวี่ชิงจะออกก็ไม่มีใครอยู่ในร้านขายยาแล้ว
นอกประตูเหลือทิ้งไว้เพียงรอยเท้าที่เหยียบย่ำบนกองหิมะที่ละลายแล้ว
ประมาณการณ์ว่าฝ่าเท้าของผู้ที่แวะเวียนเข้ามาคงจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
ต้าเป่ากระพริบตา “แม่ ต้าเป่าไม่ได้โกหก มีคนมา หล่อนโดนวางยาพิษด้วย หน้าดำมากเลย”
สวี่ชิงลูบหัวต้าเป่าและออกไปมองดูรอบ ๆ ถึงกระนั้นกลับไม่เห็นมีใคร เหลือเพียงรอยเท้าคดเคี้ยวหายไปบริเวณหัวโค้งหลังหิมะตก
เธอเดินกลับเข้ามาด้วยความสงสัย หันไปมองเย่หนานและส่ายหัว “ไม่เห็นใครเลยค่ะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
ต้าเป่าคว้ามือเย่หนาน “คุณยายหน้าตาดำมืด ดวงตาขุ่นมัว เสียงแหบ ๆ หน่อย เป็นพิษเรื้อรังจากดอกถงก้ง”
เย่หนานนั่งลงและมองดูต้าเป่าด้วยความประหลาดใจ “ต้าเป่าแน่ใจใช่ไหม?”
ต้าเป่าพยักหน้า “อาการเหมือนพิษของดอกถงก้งเลย แต่ในหนังสือบอกว่าดอกไม้จะบานในฤดูใบไม้ร่วงที่ทางตอนใต้ แต่นี่เข้าหน้าหนาวแล้ว พวกเราก็อยู่ปักกิ่งด้วย จะมีดอกถงก้งได้ยังไง?”
เย่หนานโอบกอดต้าเป่าอย่างมีความสุข “ต้าเป่าของเราเก่งที่สุดเลย! ถึงปักกิ่งจะอยู่ทางเหนือ และตอนนี้เป็นฤดูหนาว แต่ดอกถงก้งแห้งก็จะมีพิษเหมือนกัน แค่ปริมาณจะไม่มากนัก แต่ถ้าเอาไปวางไว้บนหมอนหรือนำติดตัวไว้นานจะกลายเป็นพิษเรื้อรังแบบนี้ได้”
ต้าเป่าพยักหน้าอย่างเข้าใจ “แล้วต้าเป่าจำได้ไหมว่าจะต้องดื่มยาแก้ยังไงบ้าง?”
เย่หนานพูดอธิบายถึงวิธีการล้างพิษดอกถงก้งให้ต้าเป่าฟังอย่างละเอียดถี่ถ้วน
สวี่ชิงที่ยืนอยู่ด้านข้างคอยคิดตาม ทั้งที่คนคนนี้ถูกวางยาพิษและมาพบแพทย์แท้ ๆ แต่ทำไมถึงรีบจากไป?
รอจนกระทั่งเย่หนานคุยกับเสี่ยวเป่าจบ เธอจึงถามเย่หนานด้วยความสงสัยว่า “ทำไมถึงรีบไปล่ะคะ? หรือว่ากลัวเราจะมองไม่ดีงั้นเหรอ?”
ตอนนี้เย่หนานอารมณ์ดีขึ้นมาก “หล่อนจะไปไหนก็ไม่สำคัญหรอก ถ้าจำเป็นเดี๋ยวก็กลับมาเองล่ะ แต่แปลกมาก ทำไมถึงยังมีคนเอาดอกถงก้งมาใช้วางยาพิษอยู่อีก”
ผู้ป่วยคนดังกล่าวไม่กลับมาที่นี่อีกเลยจนกระทั่งถึงบ่าย
สวี่ชิงเก็บงำเอาไว้ในใจ ทุกครั้งที่มีคนแปลกหน้าโผล่มา เธอไม่เคยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญเลยสักครั้ง และภายในใจจะตระหนักคิดเสมอ…
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ใครมาหาเรื่องถึงร้านอีกล่ะเนี่ย เจอพิษแปลกๆ มาอีกแล้ว
ไหหม่า(海馬)