เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 71 คุณชอบเด็กชายหรือว่าเด็กหญิง
บทที่ 71 คุณชอบเด็กชายหรือว่าเด็กหญิง
สวี่ชิงผลักโจวจินหนานนั่งลงหน้าโต๊ะกินข้าวตัวเล็ก “พอแล้วค่ะ ฉันหิวแล้ว ฉันขอไปอุ่นข้าวกินก่อน พอกินเสร็จเราค่อยพูดกันต่อนะคะ”
ในห้องครัวไม่เพียงแต่จะมีเกี๊ยว ยังมีกับข้าวเหลืออยู่อีกสองอย่าง
สวี่ชิงหยิบฟืนมาจำนวนหนึ่งเพื่อจุดไฟอุ่นเกี๊ยวก่อน จากนั้นก็อุ่นกับข้าวที่เหลือ กับข้าวไม่กี่อย่างถูกวางรวมกัน กลายเป็นเครื่องเคียงชนิดต่าง ๆ
ถ้าวางต่อไปเกรงว่าคงถูกนำไปทิ้งเป็นแน่
แต่สวี่ชิงเคยลำบากมาก่อน ทั้งยังเคยมีประสบการณ์กินข้าวไม่อิ่มท้องมาก่อน ดังนั้นต่อให้ตอนนี้เธอมีชีวิตที่ดีแล้วก็ตาม เธอก็ยังคงประหยัดไม่กินทิ้งขว้าง
อีกทั้งเธอยังติดโรคประหลาดอย่างหนึ่ง คือถ้าได้กินอาหารร้อน ๆ ก็จะรู้สึกอร่อยมากยิ่งขึ้น
หลังวางเกี๊ยวกับกับข้าวบนโต๊ะ สวี่ชิงก็หยิบเก้าอี้มานั่งตรงข้ามกับโจวจินหนาน คีบเกี๊ยวมาเป่าให้เย็น ก่อนจะป้อนใส่ปากของโจวจินหนาน
โจวจินหนานนั่งรอให้สวี่ชิงหยิบตะเกียบให้ตัวเอง กลับคิดไม่ถึงว่าจะมีของอุ่นร้อนเข้ามาในปากตัวเองอย่างกะทันหันเช่นกัน จนในปากได้กลิ่นหอมของเนื้อและแป้ง
โจวจินหนานอ้าปากกินอย่างเก้ๆ กังๆ
สวี่ชิงมองท่าทางเคอะเขินไม่เป็นตัวเองของโจวจินหนาน กระทั่งตอนเคี้ยวยังเป็นไปอย่างเชื่องช้า มุมปากก็แอบยกยิ้มหัวเราะเขาไม่ได้ “อร่อยไหมคะ”
โจวจินหนานพยักหน้า น้ำเสียงตื่นเต้นนิด ๆ “อร่อย”
สวี่ชิงคีบเกี๊ยวให้ตัวเองกินอีกหนึ่งชิ้น เป็นเนื้อวัวผสมกับเห็ดหอมสับ คาดว่าจะเป็นฝีมือของฉินเสวี่ยเหมย เมื่อกัดลงไปก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมจากเนื้อที่ใส่ไว้เต็มตัวเกี๊ยว
เธอมองโจวจินหนานกินเกี๊ยวที่ตนคีบให้ ดวงตาหยีโค้งอย่างมีความสุข แล้วคีบเกี๊ยวให้เขาอีกหนึ่งตัว
โดยป้อนใส่ปากของเขาอีกครั้ง
กลายเป็นภาพคุณกินคำหนึ่งฉันกินคำหนึ่งไป เป็นการกินอาหารมื้อเย็นที่ดูสนิทสนมอย่างยิ่ง
เมื่อกินข้าวเสร็จ สวี่ชิงก็ให้โจวจินหนานไปรอที่ห้อง ส่วนเธอต้มน้ำร้อนหนึ่งหม้อแล้วนำน้ำร้อนผสมกับน้ำอุ่นก่อนจะยกเข้าไปในห้อง คิดแล้วก็รู้สึกผิด โจวจินหนานเคยอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ในเมืองที่มีห้องน้ำในตัว ไม่ต้องมาลำบากที่นี่เลย
“บ้านของพวกเราเล็กเกินไป ทั้งยังไม่มีห้องน้ำ คุณก็อดทนไปก่อนนะคะ”
โจวจินหนานไม่สนใจ “ไม่เป็นไร คุณวางน้ำลงเถอะ เดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเอง”
สวี่ชิงกังวลใจจึงไม่ได้ตอบตกลง “คุณถอดเสื้อสิคะ ฉันจะช่วยคุณเช็ดตัว”
พูดจบสายตาเป็นประกายระยับก็จ้องมาที่ตัวโจวจินหนาน ทั้งยังดูคล้ายกับกำลังเฝ้ารออะไรบางอย่าง ในใจนึกดูแคลนตัวเองที่หญิงสาววัยแรกแย้มอย่างตนก็แอบมีความคิดร่านร้อนอยู่ในใจด้วย
โจวจินหนานงุนงงแต่ก็ถอดเสื้อออกอย่างเชื่อฟัง ภายในชุดมีเสื้อบาง ๆ สีขาวอยู่ข้างในสองตัว นี่เป็นชุดที่ผู้ชายในยุคสมัยนี้มักสวมใส่กัน
สวี่ชิงจ้องมองไม่วางตา ผิวกายของโจวจินหนานกลายเป็นสีแทนจากการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน กล้ามเนื้อลาดไหล่ดูมีพละกำลัง
แม้จะไม่ได้ล่ำสันบึกบึน แต่บริเวณเอวและท้องของเขาก็ดูแบนราบกระชับแน่น
สวี่ชิงเดาในใจว่าภายใต้เสื้อชั้นในนั่นจะต้องมีกล้ามหน้าท้องหกลูกเป็นแน่ คิดแล้วก็พลันรู้สึกลำคอแห้งผากจนอยากกลืนน้ำลาย ในใจรู้สึกเหมือนมีไฟกำลังแผดเผา
โจวจินหนานไม่ได้ขยับไปอีกขั้นหนึ่ง เขาสัมผัสได้ถึงสายตาร้อนแรงของสวี่ชิงที่จ้องมองมา พอจะถอดเสื้ออีกชั้นก็พลันรู้สึกเขินนิดๆ
สวี่ชิงเห็นโจวจินหนานไม่ขยับ ก็กระแอมไอพูดอย่างจริงจังว่า “ตอนนี้พวกเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว คุณยังเขินอีกหรือ ให้ฉันช่วยคุณดีไหมคะ”
โจวจินหนาน “…”
เขาคิดไม่ถึงเลยว่าสวี่ชิงจะมีด้านที่ใจกล้าขนาดนี้อยู่ด้วย ใบหูรู้สึกร้อนขึ้นนิด ๆ ก่อนขยับมือถอดชุดซับในออก
แล้วรูปร่างสมบูรณ์แบบเหมือนอย่างที่สวี่ชิงจินตนาการก็ได้เผยออกมา เพียงแต่ตรงกล้ามเนื้อหน้าท้องกลับปรากฏรอยแผลเป็นยาวรอยหนึ่งพาดผ่านกล้ามหน้าท้อง รอยเย็บไม่ค่อยเรียบร้อยนั่นคาดว่าไม่เป็นเพราะแผลติดเชื้อก็คงเพราะรักษาไม่ทันการณ์ จึงปรากฎรอยแผลเป็นน่าเกลียดเหมือนตัวหนอนพาดขวางอยู่บนท้องของเขา
สวี่ชิงอดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้ เธอยื่นมือสัมผัสรอยแผลเป็นนั้น “ในตอนนั้นคุณเจ็บมากใช่ไหมคะ”
เธอเคยเห็นในละครทีวีมาก่อน จึงรู้ว่าสภาพแวดล้อมในตอนนี้ลำบากยากแค้นและโหดร้ายขนาดไหน การมีชีวิตรอดกลับมาได้ก็นับว่าโชคดีมากแล้ว
มองรอยแผลแล้ว เธอก็รู้ว่าโจวจินหนานในตอนนั้นได้รับบาดเจ็บหนักขนาดไหน
“ไม่เจ็บหรอก” โจวจินหนานตอบพึมพำ ความจริงในตอนนั้นทุกคนล้วนมีความคิดหนึ่งเดียวคือมุ่งตรงไปข้างหน้า จะไม่ยอมถอยแม้เพียงครึ่งก้าวเด็ดขาด
ดังนั้นมันจึงทำให้เขาไม่รู้สึกเจ็บปวด
ความยุ่งเหยิงในใจของสวี่ชิงพลันหายไปทันที เธอดึงโจวจินหนานให้นั่งลงเก้าอี้ตัวเตี้ย หยิบผ้าขนหนูให้เขาเช็ดตัว
เพียงพริบตาท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว สวี่ชิงทำความสะอาดร่างกายอย่างง่าย ๆ ในห้องครัวเล็ก ๆ เมื่อมองโจวจินหนานนั่งเรียบร้อยอยู่บนเตียง เธอถึงเพิ่งรู้สึกเขินอายขึ้นมาได้
ดวงไฟสีเหลืองสาดแสงสีนวลทำให้รู้สึกอบอุ่น ผ้าปูที่นอนสีแดงบนเตียงให้ความรู้สึกเป็นมงคลพิเศษอย่างหนึ่ง
สวี่ชิงกลืนน้ำลายเงียบ ๆ ขอเพียงร่วมเรียงเคียงหมอนในค่ำคืนนี้ เด็กที่พวกเขาเคยเสียไปคนนั้นก็จะกลับคืนมา
เธอควบคุมการเต้นของหัวใจแล้วดับไฟตรงหัวเตียง จากนั้นนั่งแนบชิดกับโจวจินหนาน “นี่ก็ดึกแล้ว พวกเรานอนกันเถอะค่ะ”
ในใจลอบดูถูกตัวเองเบา ๆ ขณะแกล้งโจวจินหนานที่ไม่รู้เวลา แม้ว่าตอนนี้ท้องฟ้าจะมืดแล้ว ที่จริงมันยังไม่ดึกเท่าไรเลย บ้านอื่นก็ยังจุดไฟสว่างอยู่ด้วย
โจวจินหนานยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พูดอืมคำหนึ่งแล้วเอนตัวนอนลง
สวี่ชิงประคองให้เขานอนลงอย่างร้อนรน แล้วปีนตามเข้าไปข้างใน นอนข้างกายของโจวจินหนาน
ในความมืด ทั้งห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบ ด้านนอกหน้าต่างมีแต่เสียงของแมลงไม่ทราบชนิดดังอยู่ระงม
ทำให้เสียงลมหายของทั้งสองดังเป็นพิเศษในความคิด
สวี่ชิงนอนราบ เห็นคนข้างกายไม่ขยับ มือสองข้างผสานไว้หน้าท้อง ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอคล้ายคนนอนหลับ
เธอพลิกตัวมองหน้าโจวจินหนานที่กำลังนอนอยู่ กระแอมไอพูดเสียงเบาว่า “โจวจินหนาน คุณหลับแล้วเหรอคะ”
“ยัง” โจวจินหนานตอบพึมพำ ในเมื่อข้างกายเขามีหญิงสาวเนื้อตัวอ่อนนุ่มนอนอยู่ข้างกัน จะให้เขาหลับลงได้อย่างไร เพียงหายใจก็รับรู้ถึงกลิ่นกายบางเบาจากตัวเธออยู่อบอวล มันเป็นกลิ่นหอมสะอาดที่เจือด้วยกลิ่นหอมหวานของสมุนไพรบางชนิด
สวี่ชิงเงียบไปสักพัก “คุณชอบเด็กผู้ชายหรือว่าเด็กผู้หญิงคะ”
ลูกที่พวกเขาเสียไปคนนั้นในตอนนั้นเป็นทารกเพศชาย เพียงนึกถึงเขา สวี่ชิงก็หักห้ามความเจ็บปวดใจไม่ได้เลย
ในชาตินี้ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะปกป้องลูกของตัวเองไว้ให้ได้
คิดถึงตรงนี้ จู่ ๆ ก็เกิดความกล้าหาญขึ้นมา ยื่นมือออกไปจับมือของโจวจินหนานที่วางอยู่บนท้อง แล้วลุกขึ้นโถมทับ “ฉันชอบเด็กผู้ชายค่ะ”
ไม่รอให้โจวจินหนานได้สติ สวี่ชิงก็โน้มใบหน้าจูบซับเขาที่มุมปากอย่างอ่อนโยน ราวกับกลีบดอกไม้ที่ร่วงหล่น
โจวจินหนานที่พยายามหักห้ามใจอย่างหนักก็พลันสติแตกกระเจิงด้วยจุมพิตเพียงครั้งเดียว เขาคว้าเอวคอดของสวี่ชิง ก่อนพลิกกายกดร่างของสวี่ชิงไว้ข้างใต้
เขาโน้มใบหน้าจุมพิตที่ปลายจมูกสวี่ชิง และสำรวจลงมาที่ริมฝีปากของเธอ
ด้วยความที่ไม่ประสีประสาในเรื่องนี้ เขาก็ได้ขบกัดริมฝีปากบางของเธออย่างตะกรุมตะกรามและดุดัน
สวี่ชิงเจ็บจนอดร้องออกมาไม่ได้ เพราะเคยมีประสบการณ์ไม่ดีมาก่อน มันจึงทำให้เธอปฏิเสธเรื่องนี้มาตลอด แต่เมื่อเป็นโจวจินหนาน เธอกลับรู้สึกผูกพันและปรารถนาอย่างอธิบายไม่ถูก
เธอยกแขนขึ้นโอบรอบคอของเขา หัวสมองขาวโพลน แยกไม่ออกว่าอยากได้ลูกหรือว่าอยากได้เขากันแน่
ไป๋หลางกำลังนอนหมอบอย่างจงรักภักดีอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน ทันใดนั้นมันก็ได้ยินเสียงร้องไห้เจือสะอื้นของหญิงสาว จนต้องลุกขึ้นมองไปภายในบ้าน
และยังมีเสียงหอบกระเส่าของผู้เป็นนายดังแว่ว หรือว่าเขาจะป่วยกันนะ?
ไป๋หลางพลันลุกขึ้นเดินวนรอบบ้านอย่างกระวนกระวาย แต่ในเมื่อไม่มีคำสั่งของผู้เป็นนาย มันก็ไม่กล้าเข้าไปในบ้าน
ทำได้เพียงเดินวนไปมาด้านนอกจนเวลาเปลี่ยนเป็นอีกวันหนึ่ง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พวกเขาเข้าหอกันแล้วค่ะ รอลุ้นเลยว่าหลังจากนี้จะได้ลูกชายหรือลูกสาว จะเป็นลูกที่เคยเสียไปในชาติที่แล้วหรือเปล่า
ไหหม่า (海馬)