เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 67 วิ่งเต้น
บทที่ 67 วิ่งเต้น
สวี่ชิงได้ยินเสียงเคาะประตูรัวก็มองหน้าเฟิงซูฮวาด้วยความแปลกใจ “ใครมาหาในเวลาดึกดื่นป่านนี้คะ”
เฟิงซูฮวาไม่รู้เช่นกัน นางโบกมือให้หลานสาว “หลานรออยู่ในห้อง ย่าจะออกไปดูเอง”
หญิงชราคว้าไม้เท้าที่พิงผนังอยู่เดินงกเงิ่นออกไปอย่างที่บอก ก่อนเปิดไฟตรงลานบ้าน ยืนอยู่ใต้ระแนงเถาองุ่นและตะโกนถาม “นั่นใคร”
“แม่ ผมเอง” สวี่จื้อกั๋วตอบเสียงค่อย
เสียงผู้หญิงอีกคนดังขึ้นตามมา “แม่คะ ฉันสวี่จื้ออิงเองค่ะ รีบเปิดประตูให้ฉันที”
เฟิงซูฮวานึกไม่ถึงว่าจะเป็นพวกเขา นางนิ่วหน้าและเดินไปเปิดประตูให้
ทันทีที่ประตูเปิดออก สวี่จื้ออิงก็ลากเด็กตัวเล็กคนหนึ่งเข้ามา ขณะมองหน้าเฟิงซูฮวาด้วยความตื่นเต้น “แม่ ฉันได้ยินว่าชิงชิงจะแต่งงานเลยมาหาค่ะ”
เธอถึงกับงุนงง เกาจ้านแวะมาเมื่อวาน บอกว่าส่งคนไปเชิญสวี่จื้ออิงแล้วแต่อีกฝ่ายบอกว่ามาไม่ได้ แต่ลูกสาวคนโตอย่างสวี่ชุ่ยอิงบอกว่าจะมาในวันงาน
เมื่อเห็นมารดายืนขวางประตูอยู่ สวี่จื้ออิงก็ตะโกนขึ้นอย่างฉงนอีกครั้ง “แม่คะ”
เฟิงซูฮวาเอ็ด “ทำไมต้องเสียงดังด้วย ฉันไม่ได้หูหนวกนะ ฉันไปเชิญเมื่อหลายวันก่อน แกบอกว่าไม่มีเวลามานี่ ฉันก็คิดว่าแกกลัวที่จะต้องใส่ซองซะอีก”
สวี่จื้ออิงยิ้มแห้ง “แม่ก็รู้ว่าเราไม่ได้ร่ำรวย เราแทบลืมว่าเป็นญาติกับพี่ไปแล้วด้วยซ้ำ เราไม่ได้มาสร้างปัญหาหรอกค่ะ”
ก่อนดันตัวเด็กข้างตัวมาข้างหน้า “เอ้อร์หยา สวัสดียายสิ”
เด็กหญิงเอ่ยเสียงเบา “สวัสดีค่ะคุณยาย”
เฟิงซูฮวายิ่งขมวดคิ้ว “เด็กดี ไหนดูสิว่าโตขึ้นเท่าไหนแล้ว ไปคุยกันในบ้านนะ”
ก่อนมองหน้าสวี่จื้อกั๋ว “แกน่ะไม่ต้องเข้ามา บ้านนี้ไม่มีที่สำหรับแก”
สีหน้าสวี่จื้อกั๋วเปลี่ยนไป “แม่ครับ พูดแบบนั้นได้ยังไง ผมเป็นพ่อของชิงชิงนะ ลูกแต่งงานผมจะไม่มาได้ไง ผมคิดว่าชิงชิงจะแต่งงานพรุ่งนี้ แต่หาครอบครัวฝ่ายแม่มาส่งตัวเจ้าสาวไม่ได้ เลยไปรับจื้ออิงมาครับ”
เฟิงซูฮวาชำเลืองมองลูกชาย “ฉันว่าไม่จำเป็นหรอก ชิงชิงหลับไปแล้ว แกกลับไปก่อนแล้วกัน”
เสียงนั้นไม่ดัง ทว่าเป็นเหมือนคำประกาศิตที่ขัดขืนไม่ได้
สวี่จื้อกั๋วเงียบไปครู่หนึ่ง และทำได้เพียงหันหลังกลับอย่างอับจนหนทาง
เฟิงซูฮวาปิดประตูบ้าน และเดินนำสวี่จื้ออิงกับเอ้อร์หยาเข้ามาในบ้าน
เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหว สวี่ชิงก็เตรียมใส่รองเท้า ก่อนเห็นสวี่จื้ออิงในเสื้อแขนสั้นลายดอกไม้ขาวพร้อมผ้าโพกศีรษะ ผิวพรรณของหล่อนทั้งแห้งและซีดเซียว
เกิดเป็นภาพทับซ้อนกับอารองในความทรงจำของเธอ เธอจึงเอ่ยออกไปตามมารยาท “อารอง”
สวี่จื้ออิงมองสวี่ชิงและถอนหายใจ “ชิงชิงดูดีจริงๆ เด็กสาวในเมืองนี่สวยกันหมดเลยนะ”
ว่าจบหล่อนก็ดึงเด็กหญิงข้างตัวมา “เอ้อร์หยา เรียกพี่สาวสิ”
สวี่ชิงมองเอ้อร์หยาที่ยืนข้างอารอง เด็กหญิงอยู่ในชุดเด็กผู้ชายสีฟ้าพร้อมผมที่ถูกตัดสั้น มองแวบแรกเหมือนเด็กผู้ชาย เธอส่งยิ้มให้อีกฝ่าย
เธอรู้ว่าอารองอยากมีลูกชายมาโดยตลอด และไม่ยอมแพ้ต่อให้มีนโยบายวางแผนครอบครัว ภายหลังหล่อนจึงไปหลบซ่อนตัวเพื่อจะมีลูกชาย และถ้ามีลูกสาวก็คงจะผิดหวังเต็มที
สุดท้ายจึงตัดขาดการติดต่อไป ไม่รู้ว่าจะมีลูกชายตามที่หวังเอาไว้หรือไม่
สวี่จื้ออิงมองลูกสาวที่ไปหลบด้านหลัง ก่อนรีบอธิบายกับสวี่ชิง “เด็กนี่ไม่เคยออกมาข้างนอก ไม่มีความรู้ติดตัวน่ะ”
สวี่ชิงเชิญให้พวกหล่อนนั่งลงบนเตียงและถามอย่างสุภาพ “กินข้าวมาหรือยังคะ”
อาสาวพยักหน้า “กินมาแล้ว พ่อเธอพาไปกินบะหมี่เนื้อมา เป็นครั้งแรกที่เอ้อร์หยาได้กินบะหมี่เนื้อเลยละ”
พูดจบหล่อนก็มองหน้าสวี่ชิง “ชิงชิง เกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับพ่อเหรอ พ่อลูกถึงได้บาดหมางกันแบบนี้ จะแต่งงานทำไมถึงไม่บอกพ่อล่ะ”
สวี่ชิงเดาว่าสวี่จื้อกั๋วคงพาสวี่จื้ออิงเข้าเมืองมาวิ่งเต้นให้ เธอยิ้ม “อารองคะ เตรียมงานมาทั้งวันฉันเหนื่อยมากเลยค่ะ เดี๋ยวฉันเอาน้ำมาให้นะคะ อาควรนอนแต่หัวค่ำ ฉันเองก็ต้องพักเหมือนกัน พวกเขาจะมารับตัวเจ้าสาวแต่เช้าน่ะค่ะ”
สวี่จื้ออิงมองหน้าสวี่ชิงอย่างไม่ยอมแพ้ “ชิงชิง เธอฟังอาหน่อยนะ พ่อเธอยอมรับผิดแล้ว ถ้าแต่งงานพรุ่งนี้แล้วพ่อแม่ไม่มาร่วมงาน คนอื่นจะไปพูดกันว่ายังไง”
เฟิงซูฮวาแค่นเสียงบอก “ถ้าแกมาร่วมงานก็รีบไปอาบน้ำนอน แต่ถ้ามาวิ่งเต้นให้เขาก็ไสหัวกลับไป!”
สวี่จื้ออิงกลัวแม่ เมื่อได้ยินแบบนั้นก็เงียบและไม่กล้าพูดอีก
สวี่ชิงจะไปต้มน้ำแต่กลับถูกย่าห้ามเอาไว้ “ให้พวกเขาต้มอาบเอง หลานอาบน้ำสะอาดแล้วก็ไปนอนพักผ่อนเถอะ”
สวี่จื้ออิงไม่คิดเถียง รีบพาเอ้อร์หยาเข้าครัวไปต้มน้ำอาบ
เฟิงซูฮวายังนั่งอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าบูดบึ้งเจือวิตก ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “โง่จริงๆ เลย ตอนนั้นบอกให้แต่งงานกับเจ้าของที่ในเมือง ดันหนีไปกับคนขับรถบรรทุก แค่เพราะเขาให้หมั่นโถวแป้งขาวมา บอกว่าถ้าหนีไปด้วยกันจะได้กินหมั่นโถวทุกวัน”
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด สวี่จื้ออิงช่างไร้สมองนัก ทั้งที่ช่วงนั้นอดอยากกันทั้งในเมืองและชนบท
แต่หล่อนกลับเชื่อคำของผู้ชายคนนั้นและแอบหนีไป ก่อนอุ้มท้องโตกลับมา
เฟิงซูฮวาโกรธจัด แต่ทำได้เพียงให้สวี่จื้ออิงแต่งงานออกไป ทว่าต่อไปห้ามกลับมาอีก และไม่อนุญาตให้พาสามีกลับมาอยู่บ้านพ่อแม่
สวี่ชิงพอจะรู้เรื่องนี้มาบ้าง แต่ไม่ได้ออกความเห็น ถึงอย่างไรเฟิงซูฮวาก็เลี้ยงหล่อนมา นางไม่ชอบที่พวกเขาทำตัวไม่ได้ดั่งใจตน แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้
เพราะสวี่จื้ออิงพาลูกมาด้วย สวี่ชิงจึงนอนดึก ก่อนรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวในบ้านหลังหลับไป
เสียงพี่ป้าน้าอาเพื่อนบ้านดังขึ้นขณะกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารเช้า
สวี่ชิงตื่นขึ้นมาทั้งยังงัวเงีย ก่อนคุณน้าคนหนึ่งจะเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม “ชิงชิง ตื่นได้แล้วนะ ย่าเธอบอกให้ฉันมาทำผมให้ เพราะฉันเป็นคนเดียวในซอยที่มีลูกแฝด”
สวี่ชิงหัวเราะบอก “ขอบคุณค่ะ น้ากุ้ยเซียง”
น้ากุ้ยเซียงยิ้มและโบกมือ “ไม่เป็นไร โชคดีมากที่ได้ทำผมให้เจ้าสาวน่ะ”
สวี่ชิงเปลี่ยนเสื้อผ้าและเกล้าผมขึ้น ดอกไม้ที่ทำจากผ้าไหมแดงถูกติดตกแต่งด้านข้างมวยผม
โจวจินหนานส่งเกาจ้านมารับตัวเจ้าสาว ตามมาด้วยชายหนุ่มอีกหลายคน ทั้งหมดเป็นคนที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
เพราะตัวตนของโจวจินหนาน จึงไม่มีใครกล้าขวางประตู
เขาเดินนำสวี่ชิงที่สวมผ้าคลุมหน้าสีแดงเรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น
รถยี่ห้อตงเฟิงคันใหญ่ที่เกาจ้านขับมาได้จอดอยู่ตรงหน้าประตู ด้านหน้าห้อยพวงดอกไม้แดงขนาดใหญ่ เป็นขบวนงานแต่งที่ดูสง่างามนักเมื่อได้นั่งรถยี่ห้อตงเฟิง
สวี่ชิงก้มหน้ามาแสดงตัวกับโจวจินหนานทั้งที่ยังคลุมผ้าแดงปิดหน้าอยู่ เธอไม่ทันได้สังเกตว่าในรถมีผ้านวม จักรเย็บผ้า และเครื่องบันทึกเทปอยู่ด้วย และทุกอย่างล้วนมีอักษรมงคลประดับอยู่
เกาจ้านเรียกคนมายกจักรยานขึ้นรถ และให้คนพาเฟิงซูฮวากับสวี่จื้ออิงไปส่งที่บ้านพักสวัสดิการครอบครัว
ในจังหวะที่รถกำลังออกตัว ประทัดที่ถูกวางเอาไว้ตลอดซอยก็ถูกจุด
ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครม ลูกอมมงคลก็ถูกโปรย ทุกคนต่างแย่งกันคว้าลูกอมด้วยความยินดี ไม่มีใครใส่ใจสายตาขุ่นเคืองคู่หนึ่งที่จ้องไปทางรถที่เคลื่อนตัวออกไปเลย….
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คนเป็นพ่อทำอะไรกับชิงชิงไว้น่าจะรู้ตัวนะคะ ตอนนี้ลูกสาวไม่ยอมให้มาร่วมงานแต่งแล้วก็ต้องยอมรับนะ
ไหหม่า(海馬)