เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 604 โดนพิษ
บทที่ 604 โดนพิษ
ที่จริงแล้วสวี่ชิงกังวลมากเกินไป คืนนี้พวกเขาสี่คนไปดูดอกไม้ไฟอย่างมีความสุขมา ยังซื้อโคมไฟกับถังหูลู่ให้ต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า
พวกเขายังพบร้านถ่ายรูปเคลื่อนที่ที่เอากล้องถ่ายรูปมาติดไว้ที่เบาะของจักรยาน จึงถ่ายรูปรวมครอบครัวมาเรื่อยเปื่อยสองสามใบ และยังถ่ายรูปรวมของต้าเป่ากับเสี่ยวเป่าสองใบ
เพราะร้านถ่ายรูปหยุดปีใหม่ เธอจึงเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรูปวันเกิดของเด็กสองคนนี้ให้เลย
เพียงพริบตาเดียวก็วันที่สิบแล้ว หิมะบนถนนค่อย ๆ ละลายไปบ้างแล้ว สถานที่ที่แสงอาทิตย์ตกไปถึงยังมีต้นหญ้าขึ้นเป็นหย่อม ๆ
สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฤดูใบไม้ผลิเล็กน้อย
สวี่ชิงพาเด็กสองคนไปที่ลานจัตุรัสเล็ก ๆ ที่ริมฝั่งแม่น้ำเพื่อไปตากแดด แล้วถือโอกาสรอซูซ่านด้วย เธอรู้ว่าวันนี้ซูซ่านจะต้องไปส่งอวี๋เซี่ยงตงที่สถานีรถไฟ กลับมาจะต้องเสียใจมากเป็นแน่
แม้จะไม่สามารถปลอบใจได้ ก็อยู่เป็นเพื่อนเธอจนอารมณ์ดีขึ้นหน่อยก็ได้
สุดท้ายตอนใกล้จะเที่ยง ซูซ่านก็เดินตาแดงเหมือนลูกกระต่ายมาที่จัตุรัส เมื่อเห็นสวี่ชิงก็ยิ้มฝืน ๆ พยายามจะยิ้ม แต่รอยยิ้มที่ออกมามันกลับแย่ยิ่งกว่าร้องไห้เสียอีก
สวี่ชิงเดินเข้าไปกอดหล่อน “ไม่เป็นไร ๆ เวลาผ่านไปเร็วมาก อย่างไรเขาก็ต้องส่งจดหมายมาหาแน่ ถึงตอนนั้นพวกเธอส่งจดหมายหากันก็ได้”
ซูซ่านกระพริบตาพยายามกลั้นไม่ให้น้ำตาไหลลงมา “ฉันแอบมองอยู่หลังเสา จะได้ไม่เห็นคนฉันไม่กล้าเดินไป กลัววว่าเห็นเขาแล้วจะร้องงไห้ออกมา ทำให้เขาไม่สบายใจ”
สวี่ชิงยิ่งรู้สึกปวดใจแทนหญิงสาวคนนี้ “ถ้ามันเจ็บปวดมากจริง ๆ เธอก็ร้องไห้ออกมาเถอะจ๊ะ”
ซซ่านสูดน้ำมูก อยากจะร้องไห้จริง ๆ
เสี่ยวเป่าวิ่งวนรอบสวี่ชิงกับซูซ่านรอบหนึ่ง นิ้วชี้ใบหน้าเล็ก “อา ๆ หมาน้อยฉี่”
สวี่ชิง “……”
เจ้าเด็กคนนี้ยิ่งพูดได้ก็ยิ่งพูดมาก นับวันก็ยิ่งกวน!
ซูซ่านพลันอายที่จะร้องไห้แล้ว ยืนเช็ดน้ำตาปรอย ๆ นั่งย่องตรงหน้าเสี่ยวเป่า จับมือเล็กสองข้างของเขา “เสี่ยวเป่า กล้าล้อน้าเชี่ยวเหรอ? คอยดูเถอะรอบหน้าถ้าเห็นเธอร้องไห้ น้าจะหัวเราะเยาะเธอเหมือนกัน”
เสี่ยวเป่าไม่ใส่ใจ ถึงอย่างไรวันหนึ่งเขาก็ร้องไห้หลายรอบอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นน้าคนสวยทำน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมเหลือเกิน ก็ยิ้มตาหยีโค้ง “คุณน้าคนจ๋วย จ๋วยที่ซูดด”
ขนาดพูดไม่ชัด เขาก็ยังพยายามประจบอย่างสุดความสามารถ
ซูซ่านถูกหยอกจนหลุดขำพรืด ความเสียใจที่อวี๋เซี่ยงตงสลายไปเล็กน้อย
เมื่อผ่านวันที่สิบไป โจวจินหนานไปเริ่มกลับไปทำงาน สวี่ชิงอยู่บ้านดูแลลูกสองคน คุณน้าที่ทำกับข้าวกลับบ้านเกิดไปฉลองปีใหม่ยังไม่กลับมา ซูซ่านเองก็ว่างไม่มีอะไรทำจึงมาช่วยเธอ
ตอนอยู่เป็นเพื่อนสวี่ชิงเลี้ยงลูก ยังหยิบเส้นฝ้ายกับพื้นรองเท้า มาเย็บรองเท้าผ้าฝ้ายให้อวี๋เซี่ยงตง
รอจนผ่านวันที่สิบห้าของเดือนแรกผ่านไปแล้ว กิจการที่สถานีรถไฟก็เริ่มเปิดทำการ
วิทยาลัยยังไม่เปิดเรียน สวี่ชิงจึงพาซูซ่านกับเด็กสองคนไปที่สถานีรถไฟสักหน่อย
หลังจากผ่านที่วันที่สิบห้าไปแล้ว คนที่สถานีรถไฟก็เยอะขึ้นมาก พอเปิดร้านก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทันที
ผางเจิ้งหัวกับหูจื้อสองคนยุ่งอยู่กับการผัดกับข้าวอยู่หลังครัว ชุนเชียวเฟิงกับหญิงสาวที่เธอไม่รู้จักคนหนึ่ง ยุ่งอยู่กับการตักข้าว
เมื่อซุนเชี่ยวเฟิงเห็นสวี่ชิงก็ตะโกนเรียกอย่างดีใจ รอจนสวี่ชิงเดินมาข้าง ๆ ก็แนะนำอย่างกระตือรือร้น “นี้คือลูกสาวของน้าซิ่วเจินค่ะ ชื่อว่าลี่หัว คุณน่าจะไม่เคยเห็น หล่อนโตมาจากบ้านของยาย”
สวี่ชิงรู้ว่าลี่ซิ่วเจินนั้นมีลูกทั้งหมดสี่คน เธอยังไม่เคยเห็นลูกสาวคนเล็กคนนี้มาก่อนจริง ๆ นั่นแหละ จึงส่งยิ้มแล้วพยักหน้าให้ลี่หัว
ลี่หัวยิ้มกว้างส่งให้สวี่ชิง โดยที่มือยังตักข้าวให้ลูกค้าอย่างคล่องแคล่วไปด้วย ผมยาวสีดำถักเป็นเปียยาวสองข้าง ข้างหนึ่งไว้ข้างหลังอีกข้างอยู่ตรงหน้าอก ขยับไปมาตามที่ร่างกายเคลื่อนไหว
สวีชิงรู้สึกดีกับหญิงสาวหน้าตาธรรมดา แต่ยิ้มแล้วให้ความรู้สึกเหมือนดวงอาทิตย์มากทีเดียว “งั้นน้าซิ่วเจินทำไมถึงไม่มาล่ะ?”
ซุนเชี่ยวเฟิงถอนหายใจ “สองสามวันก่อนหล่อนหกล้มน่ะสิค่ะ เท้าก็พลิกตอนนี้ต้องรักษาตัวอยู่บ้าน เลยให้ลี่หัวมาทำงานแทน”
พูดจบก็มองลี่หัว ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่พูด เลยหัวเราะกลบเลื่อนแล้วเริ่มพูดเรื่องอื่น
เอ่ยชมต้าเป่ากับเสี่ยวเป่าทั้งหน้าตาดีทั้งเชื่อฟัง ยังงส่งน่องไก่ให้เสี่ยวเป่าไปด้วยน่องหนึ่ง ต้าเป่ากลับไม่เอา นึกรังเกียจที่มือต้องสกปรกเปื้อนน้ำมัน
เสี่ยวเป่าไม่คิดหยุมหยิมมากขนาดนั้น จับน่องไก่แล้วกัดเข้าปากเหมือนลูกเสือตัวหนึ่ง
สวี่ชิงทนมองไม่ไหว เด็กคนนี้ทำเหมือนที่บ้านลำบากลำบนซะเหลือเกิน ทำเหมือนชีวิตนี้ไม่เคยกินเนื้อมาก่อนอย่างนั้นแหละ
รอให้คนบางตาลง ลี่หัวถึงค่อยไปช่วยหลังครัวล้างจานหั่นผัก วันแรกที่เปิดร้าน มีของหลายอย่างที่ดูเหมือนจะเตรียมมาไม่พอเยอะเลย ด้วยคิดไม่ถึงว่าจะมีลูกค้าเยอะขนาดนี้
ดังนั้นตอนนี้เลยต้องทำงานมือระวิงหน่อยหนึ่ง
ซุนเชี่ยวเฟิงเห็นลี่หัวอยู่หลังครัว ก็พูดเสียงเบากับสวี่ชิง “น้าซิ่วเจินของคุณคิดว่าปฏิบัติกับลี่หัวไม่ค่อยยุติธรรมนัก หล่อนเลยคิดจะให้ลี่หัวมาทำงานที่นี่ ผลลัพธ์คือเด็กคนอื่นในบ้านกลับไม่พอใจ ลูกคนโตของบ้านเธอไม่ได้ที่โรงงาน พวกเขาคิดว่าวัน ๆ อยู่หน้าเตาโรงงานลำบากมาก เลยอยากมาทำงานที่นี่เหมือนกัน”
สวี่ชิงจำได้ว่าเด็ก ๆ ในบ้านของลี่ซิ่วเจินอายุไม่น้อยกันแล้ว “ลี่หัวอายุเท่าไหร่?”
“สิบหกค่ะ อยู่ที่ชนบทมานาน ทำไร่ทำนาจนผิวหยาบกร้าน เลยดูเหมือนอายุเยอะ”
สวี่ชิงที่เพิ่งเจอเด็กคนนี้เมื่อครู่ก็คิดว่าหล่อนอายุสิบแปดแล้วเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าจะเพิ่งสิบหก ลังเลเล็กน้อย “อายุดูจะเด็กไปหน่อย”
แม้ว่าเด็กสาวอายุสิบห้าหลายคนจะไม่ได้เรียนหนังสือ แต่จ้างเด็กอายุน้อยขนาดนี้ ทำให้สวี่ชิงไม่ค่อยสบายใจนัก
ซุนเชียวเหิงถอนหายใจ “ถ้าไม่มาทำงาน อยู่ที่ชนบทหล่อนก็ควรต้องแต่งงานแล้วล่ะ”
สวี่ชิงฟังแล้วก็ไม่พูดอีก คิดในใจว่าหากลี่หัวสามารถทนลำบากได้ งั้นก็ให้หล่อนทำงานอยู่ที่นี่แหละ
ซูซ่านยืนฟังอยู่ข้าง ๆ กลับตกใจมาก ตอนที่เดินออกมาจากสถานีรถไฟแล้วกับสวี่ชิงและเด็ก ๆ เธอก็อดถามไม่ได้ “สิบหกก็แต่งงานแล้วเหรอ?”
สวี่ชิงพยักหน้า “ในเมืองดีกว่าหน่อย ที่ชนบทโดยเฉพาะบริเวณใกล้ภูเขา เด็กผู้หญิงอายุสิบห้าสิบหกก็เริ่มพูดคุยเรื่องแต่งงานแล้ว”
ซูซ่านตะลึงไปนิดหนึ่ง “แต่ตอนนี้มันเป็นสังคมยุคใหม่แล้วนะ”
สวี่ชิงยิ้มอย่างจนใจ “ชาวเขาความรู้น้อยไม่สนใจเรื่องนี้หรอก ไปกันเถอะ ตรงข้ามมีร้านขนมอยู่ไปซื้อเค้กกับนมธัญพืชให้พวกคุณปู่ของเสี่ยวเป่ากันดีกว่า”
เมื่อซื้อของมาแล้วก็นำไปส่งให้โจวเฉินเหวินกับโจวคังอัน
พอทั้งสองเห็นต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า ด้วยโอกาสอันหาได้ยาก จึงบอกให้สวี่ชิงกับซูซ่านอยู่กินข้าวเที่ยงด้วยกัน
กินข้าวเที่ยงเสร็จแล้ว เด็กสองคนเล่นอยู่สักพักหนึ่ง สวี่ชิงถึงค่อยพาต้าเป่ากับเสี่ยวเป่าแล้วก็ซูซ่านจากมา
และด้วยความบังเอิญเพิ่งจะออกมาจากซอย ก็เห็นฉินเสวี่ยเหมยกับแม่สามีสวี
สีหน้าทั้งสองไม่ดีอย่างมาก
เมื่อเห็นสวี่ชิงก็ทำเหมือนมองไม่เห็น รีบเดินไปข้างหน้าจากทางที่เธอเพิ่งเดินผ่านมา
สวี่ชิงมองฉินเสวี่ยเหมย เพราะท้องใหญ่ไม่น้อยยื่นออกมาอย่างชัดเจนแล้ว กระทั่งเสื้อนวมบุฝ้ายก็ปิดเอาไว้ไม่อยู่ เพียงแต่ว่า….
ซูซ่านเองก็มองแผ่นหลังของฉินเสวี่ยเหม่ยกับแม่สามีสวีอย่างประหลาดใจเช่นกัน รอจนทั้งสองเดินไปไกลแล้วถึงค่อยเอ่ยเสียงเบากับสวี่ชิง “สีหน้าผู้หญิงคนนั้นไม่ดีมาก ๆ เลยนะ”
สวี่ชิงเองก็รู้สึกเหมือนกันเล็กน้อย สีหน้าของฉินเสวี่ยเหม่ยไม่ปกติ มันแห้งเหี่ยวและออกเหลือง และก็ไม่ใช่ฝ้าคนท้องด้วย แต่เหมือนถูกควันสีเทาคลุมเอาไว้ชั้นหนึ่ง
ราวกับโดนพิษ
ซูซ่านก็คิดถึงข้อนี้เหมือนกัน “เธอยังท้องอยู่เลย ถ้าโดนพิษจริง ต้องไม่ดีกับเด็กแน่ นั่นเดี๋ยวจะอันตรายมาก”
สวี่ชิงขมวดคิ้ว ฉินเสวี่ยเหม่ยโดนพิษได้อย่างไร? สวีหย่วนตงเองก็เป็นหมอที่เก่งมาก หรือว่าจะไม่รู้ว่าฉินเสวี่ยเหม่ยโดนพิษ?
ถ้าตอนนี้เธอไปหา และบอกฉินเสวี่ยเหม่ยว่าเธอโดนพิษแล้ว เกรงว่าอีกฝ่ายได้ด่าเธอออกมาแน่
แต่เธอไม่อาจไม่สนใจไม่ได้ หันไปพูดกับซูซ่าน “พวกเราไปดูหน่อยเถอะ”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
โดนพิษอะไรกันนะ ทางบ้านแม่สวีนี่มีใครทำของใส่หรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)