เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 602 อยากมีลูกให้เขา
บทที่ 602 อยากมีลูกให้เขา
ในใจสวี่ชิงคิดเช่นนี้แต่ไม่กล้าพูดออกมา ได้แต่เพียงปลอบใจซูซ่าน “ไม่เป็นไรนะ เมื่อก่อนตอนโจวจินหนานมีภารกิจออกไป ก็ได้ออกไปแค่ไม่กี่เดือนเอง”
ซูซ่านพูดเจือสะอื้น “แต่นี่มันไม่เหมือนกัน ที่นั่นสถานการณ์เร่งด่วนกว่ามาก ฉันกลัวค่ะ”
สวี่ชิงเองก็ไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจอย่างไรแล้ว เธอเองก็รู้ดีว่าชายแดนที่พวกอวี๋เซี่ยงตงต้องไปประจำการในครั้งนี้นั้นไม่ใช่ชายแดนธรรมดา
มีรายงานจากในวิทยุว่าสงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
อีกทั้งยังมีการเรียกรวมพลจากทหารที่เดิมทีกลับไปแล้วให้กลับไปอีก นั่นก็ชัดเจนว่าสถานการณ์ต้องรุนแรงกว่าที่พวกเขาคิดมากเป็นแน่
แต่ในช่วงเวลานี้ ไม่มีใครสามารถพูดกับอวี๋เซี่ยงตงได้ว่าไม่ต้องไป
เนื่องจากเรื่องของประเทศชาติถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก
ซูซ่านชยี้ตาอย่างแรง ยื่นมือไปกอดสวี่ชิง “ไม่เป็นไรจ้ะ ตอนแรกฉันก็แค่รับไม่ไหวเลยต้องมาระบายให้เธอฟัง ถ้าอวี๋เซี่ยงตงกลับมาแล้ว เธออย่าบอกเขานะว่าฉันร้องไห้”
สวี่ชิงเข้าใจความหมายของซูซ่าน หล่อนไม่อยากให้อวี๋เซี่ยงตงจากไปทั้งที่ใจกังวล
เธอจึงยื่นมือไปกอดซูซซ่านตอบและตบหลังหล่อนเบา ๆ “ไม่เป็นไรนะ อวี๋เซี่ยงตงรอดพ้นความเป็นความตายมาได้ตั้งหลายครั้ง จะต้องไม่มีอันตรายมาทำอะไรเขาได้แน่ อีกอย่างพวกเธอยังเขียนจดหมายหากันได้อยู่นะ”
ซูซ่านพยักหน้า “ฉันรู้ค่ะ เพียงแต่รู้สึกเสียใจที่เขาตัดสินใจแบบนี้ไว้นานแล้วแต่ทำไมเพิ่งมาบอกฉันตอนนี้ ฉันไม่ได้จะขัดขวางไม่ให้เขาไปเสียหน่อย”
สวี่ชิงเองก็เข้าใจอวี๋เซี่ยงตงเช่นกันว่าเขาคิดอย่างไร ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คงจะตัดสินใจเช่นนี้เหมือนกัน และเกรงว่าจะไม่หมั้นด้วย อย่างไรก็ต้องรอให้เสร็จสิ้นภารกิจแล้วกลับมาแต่งงานกับผู้หญิงที่เขารัก
เธอกล่าวหาว่าอวี๋เซี่ยงตงเห็นแก่ตัว เขาจัดการกับความรู้สึกของซูซ่านเช่นนี้ก็ดูคล้ายจะเป็นความเห็นแก่ตัวจริง ๆ
แต่เมื่อเปลี่ยนไปมองอีกมุมหนึ่ง การทำแบบนี้ก็คือเพื่อทำให้อีกฝ่ายสบายใจ เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรเขาไม่เคยสนใจอยู่แล้วว่าตัวเองจะเป็นหรือตาย นี่จึงเป็นเหมือนหลักประกันอย่างหนึ่งว่าเขาจะกลับมา
ซูซ่านสะอื้นอยู่พักหนึ่ง อารมณ์ถึงค่อยสงบลงบ้างเล็กน้อย
เสี่ยวเป่าเห็นซูซ่านร้องไห้จึงหยิบถั่วลิสงและหยิบลูกอมรสนมมาให้ซูซ่าน ปากเล็กที่ไม่รู้ว่ายัดลูกอมไปอมตั้งแต่เมื่อใดขยับจ๊อบแจ๊บไม่หยุด “ไม่ร้องนะครับๆ กินลูกอมไม่ร้อง”
ซูซ่านถูกเจ้าอ้วนเสี่ยวเป่าหยอกจนอารมณ์ดีขึ้นมาจนได้ จึงคล้องเอวอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมา “ตายแล้ว ตอนนี้เสี่ยวเป่าหนักขนาดได้ยังไงเนี่ย น้าอุ้มแทบไม่ขึ้นแล้ว หนูคงไม่ได้อ้วนขึ้นอีกแล้วหรอกนะ”
เสี่ยวเป่าตบพุงเล็ก “เสี่ยวเป่าไม่อ้วน เสี่ยวเป่าแค่กลม”
สวี่ชิงรู้สึกร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้ไปเรียนมาจากไหนเหมือน ถึงได้รู้ว่าอ้วนแล้วไม่ดี ดังนั้นถึงยืนกรานว่าตัวเองแค่กลมไม่ได้อ้วน
ซูซ่านหัวเราะออกมา บีบแก้มนิ่ม ๆ ของเสี่ยวเป่า “ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้กันนะ เห็นแล้วก็อยากหอมสักฟอดจริงเชียว”
เมื่อมองใบหน้าขาวผ่องของเสี่ยวเป่า จู่ ๆ ซูซ่านก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมา ถ้าหล่อนกับอวี๋เซี่ยงตงมีลูกด้วยกันจะเป็นอย่างไรนะ?
หลังจากความคิดนี้ผุดออกมา ไม่ว่าจะสลัดทิ้งอย่างไรก็สลัดออกไปมันไม่ได้ กระทั่งมีความคิดบ้าบิ่นบางอย่าง หล่อนต้องการจะมีลูกให้อวี๋เซี่ยงตงสักหนึ่งคน
แล้วก็อดบอกความคิดของตัวเองให้สวี่ชิงฟังไม่ได้
สวี่ชิงได้ยินก็ตอบปฏิเสธอย่างแทบไม่ต้องคิด “ไม่ได้! รีบเอาความคิดนี้ทิ้งไปจะดีที่สุด ถ้าตอนนี้เธอแต่งงานมีงานทำแล้วฉันจะไม่ขัดขวางเธอเลย แต่แค่มีลูกก่อนแต่งก็โดนชาวบ้านเอาไปนินทาลับหลังแล้ว ถึงฉันจะสามารถช่วยเธอเลี้ยงลูกได้ แต่เธอยังเป็นนักเรียนอยู่เลยนะ”
“เธออย่าลืมความลำบากก่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยสิว่าเธอมาสอบทำไม? ถ้าเธอมีลูก จะต้องถูกมหาวิทยาลัยเชิญออกแน่ แล้วต่อไปเธอจะทำยังไง?”
ซูซ่านไม่เคยคิดมากขนาดนั้นมาก่อน เพียงมีความคิดอย่างหนึ่งว่า ถ้าอวี๋เซี่ยงตงไม่กลับมาแล้ว พวกเขาก็ยังมีลูกอีกคนหนึ่ง
สวี่ชิงมองซูซ่านกัดฟันไม่พูดจา ก็รู้ว่าตอนนี้หญิงสาวคนนี้กลัวว่าหากเข้าไปในสนามรบแล้วจะไม่ได้กลับออกมา แต่ไม่ว่าจะตอนไหน เธอก็ไม่สนับสนุนให้มีลูกก่อนแต่งงานเด็ดขาด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังเป็นนักเรียนอยู่ด้วย
“เธออย่าใช้อารมณ์มาคิดตัดสินอะไรง่าย ๆ แบบนั้น เธอไม่ต้องการก้าวหน้าในหน้าที่การงานไม่ต้องชื่อเสียงก็จริง แต่เธอต้องคิดถึงลูกด้วย พูดอีกอย่างไม่ใช่ว่าอวี๋เซี่ยงตงจะไม่กลับมาเสียหน่อย ถ้าไปสามหรือสี่ปีรอจนถึงตอนนั้นเธอก็เรียนจบแล้ว แบบนั้นไม่ดีกว่าเหรอ?”
ซูซ่านลองคิดตามแล้วก็ยอมรับว่าตัวเองคิดง่ายไปแล้วจริง ๆ
สวี่ชิงตบไหล่หล่อน “ในไม่กี่วันนี้อย่าคิดอะไรโง่ ๆ อีกเด็ดขาด อีกทั้งไม่ใช่ว่าอวี๋เซี่ยงตงจะไม่กลับมา ไม่ต้องทำเหมือนเขาไปตายอย่างนั้นเลย”
และในขณะเดียวกันเธอก็หวังว่าอวี๋เซี่ยงตงจะได้รับบาดเจ็บกลับมา ไม่ว่าจะจากไปนานแค่ไหน ก็ยังหวังว่าเขาจะกลับมาโดยสวัสดิภาพ
เพราะเป็นช่วงปีใหม่ สวี่ชิงกับซูซ่านพูดคุยกันสักหนึ่งก็ไปเตรียมข้าวเที่ยงแล้ว นึ่งปลาผัดไก่ ผู้ใหญ่สองคนเด็กสองคนทำอาหารอย่างจัดเต็ม
เสี่ยวเป่าเท้าแขนลงกับโต๊ะเบิกตามองกับข้าวบนนั้น อุทานออกมา “กินเนื้อ ๆ ”
แถมยังรู้จักเรียกต้าเป่าอีกด้วย “พี่ชาย ได้กินเนื้ออีกแล้วล่ะ”
ซูซ่านคีบน่องไก่ให้เด็กสองคนคนละน่อง เสี่ยวเป่าวิ่งไปคว้าขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจทันที ต้าเป่าส่ายหน้าปฏิเสธ หันหน้าไปมองสวี่ชิง “แม่กินฮะๆ”
สวี่ชิงยิ้มแล้วเอาน่องไก่คีบคืนมา “ต้าเป่ากินเนื้อไม่ได้จ้ะ ไม่เหมือนเสี่ยวเป่าวันๆ กินแต่เนื้อ ปีใหม่ไม่กี่วันก็อ้วนขึ้นหนึ่งกิโลแล้ว”
ซูซ่านมองเสี่ยวเป่ากัดเนื้อ เพราะว่าใช้แรงมากใบหน้าจึงเหยเกเล็กน้อย เห็นแล้วก็อดหัวเราะขำไม่ได้ “อ้วนสิคะดี มองแล้วน่ารักดีออก”
ตอนกำลังกินข้าว โจวจินหนานก็พาอวี๋เซี่ยงตงกลับมาพอดี
อวี๋เซี่ยงตงเห็นซูซ่านแล้วก็ชะงักไปเล็กน้อย เห็นชัดว่าคิดไม่ถึงว่าหล่อนจะอยู่ที่นี่ พลันเปลี่ยนสีหน้ากลับมาปกติ เดินไปนั่งข้างซูซ่าน “มาตั้งแต่เมื่อไหร่? ผมเคยบอกว่าจะอวยพรปีใหม่พี่สะใภ้ แล้วจากนั้นค่อยไปหาคุณที่หอพักไง”
พูดแล้วก็ยิ้มให้สวี่ชิงอวยพรปีใหม่ “พี่สะใภ้ สวัสดีปีใหม่ครับ”
แม้ว่าสวี่ชิงจะรู้สึกคับแค้นใจกับอวี๋เซี่ยงตงจนอยากพูดอะไรออกมา ก็ยังยิ้มทักทายให้เขานั่งลง “พวกคุณนั่งก่อนเถอะ ฉันจะไปผัดกับข้าวอีกสองอย่าง เดี๋ยวให้คุณกับโจวจินหนานดื่มอะไรหน่อย”
อวี๋เซี่ยงตงรีบโบกมือ “พี่สะใภ้ ไม่ต้องเกรงใจขาดนั้น กินเรื่อยเปื่อยก็พอแล้ว”
สวี่ชิงยกยิ้มแต่ก็ยังลุกขึ้นไปผัดกับข้าวในครัว วันปีใหม่จะให้กินอะไรเรื่อยเปื่อยได้อย่างไร
ซูซ่านมองค้อนอวี๋เซี่ยงตง แล้วไปช่วยสวี่ชิงในห้องครัว
โจวจินหนานนั่งลงแล้วอุ้มต้าเป่ามานั่งตัก มองท่าทางจนตรอกของอวี๋เซี่ยงตงแล้วก็ยิ้มเย็น “สมควร”
อวี๋เซี่ยงตงสางผมอย่างหงุดหงิด “มีความสุขบนความทุกข์คนอื่นจริงนะนาย นายว่ามาสิถ้าเป็นนาย นายจะไม่ปิดเอาไว้รึไง? ฉันก็แค่อยากฉลองปีใหม่อย่างสงบสุขกับหล่อนเท่านั้น”
โจวจินหนานไม่ตอบรับปัญหาข้อนี้ของเขา “ของเก็บเรียบร้อยแล้วหรือ?”
อวี๋เซี่ยงตงดุนฟันยิ้มอย่างจนใจเล็กน้อย “ช่างมันเถอะ พูดไปพวกนายก็ไม่เข้าใจ แท้จริงการที่ฉันทำแบบนี้มันเห็นแก่ตัวมาก แต่ตอนที่ฉันไปฉันมีความคิดอย่างหนึ่ง ว่าถ้ามีคนคอยเป็นห่วงบ้าง จะสามารถทำให้ฉันกลายเป็นฉันใจเย็นลงหน่อยได้”
โจวจินหนานไม่มีคำพูด เพียงมองเขาด้วยแววตานิ่งขรึม
อวี๋เซี่ยงตงหัวเราะเยาะ “นายคงจะไม่เข้าใจ ฉันไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากครอบครัวมาก่อน ทุกครั้งที่ทำภารกิจ ฉันก็จะวิ่งด้วยความคิดว่าตายเป็นตาย เพราะฉันไม่มีห่วง และบนโลกนี้ก็ไม่มีใครเป็นห่วงฉันเช่นกัน ดังนั้นฉันเลยเห็นแก่ตัวแบบนี้”
พูดแล้วน้ำเสียงก็แปรเปลี่ยนเป็นทุ้มต่ำ “ถ้า…ถ้าครั้งนี้ฉันไม่กลับมา นายบอกหล่อนให้หน่อยว่า ว่าฉันคงจะทำตามสัญญาที่พูดไว้ทั้งหมดไม่ได้แล้ว ให้หล่อนไปแต่งงานกับคนดี ๆ คนอื่นเถอะ”
โจวจินหนานถูกทำให้โกรธจนหลุดยิ้มแล้ว “อวี๋เซี่ยงตง นายแม่งตรรกะป่วยชะมัด”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อย่าเพิ่งบอกเป็นลางอย่างนี้สิเซี่ยงตง ต้องได้กลับมานะ
ไหหม่า(海馬)