เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 601 เสี่ยวเป่าจอมทึ่มผู้ไม่รู้อะไรเลย
บทที่ 601 เสี่ยวเป่าจอมทึ่มผู้ไม่รู้อะไรเลย
เธอเคยรู้สึกซาบซึ้งใจต่อหลี่กั๋วหัวมาก่อน และในขณะเดียวกันนี้เอง เธอก็รู้ดีว่าตนเองได้ให้ผลประโยชน์กับหลี่กั๋วหัวด้วยอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
ในตอนแรกเธอช่วยงานหลี่กั๋วหัวเรื่องการเช่าอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นงานยาก และทำให้เขาได้รับผลประโยชน์โดยที่ไม่ต้องลงแรงทำอะไรเลย
ดังนั้นตอนแรกหลี่กั๋วหัวจึงอำนวยความสะดวกให้กับเธอ ทว่าไหนเลยเขาจะให้ความสะดวกสบายกับเธออย่างแท้จริง เมื่อคนเราได้ลิ้มรสหวานแล้วสักครั้ง ก็คิดจะเอาประโยชน์เข้าตัวเองด้วยวิธีน่ารังเกียจเหล่านั้น โดยไม่คำนึงซึ่งไมตรีแต่หนหลัง
คิดถึงตรงนี้ รอยยิ้มของสวี่ชิงก็จางลงไปมาก เรียกอย่างห่างเหินว่า “หัวหน้าหลี่”
หลี่กั๋วหัวสัมผัสไม่ได้ถึงความเย็นชาของสวี่ชิงเลยแม้แต่น้อย โบกมือแสดงท่าทางให้เดินมาหาเขาก้าวหนึ่ง
สวี่ชิงเดินตามเขาไปมุมเงียบสงบ หลี่กั๋วหัวมองสวี่ชิงด้วยสีหน้าลำบากใจ ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงค่อยเอ่ยปากว่า “สหายเสี่ยวสวี่ ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะรบกวนคุณหน่อย”
“เรื่องอะไรหรือคะ?”
หลี่กั๋วหัวทอดถอนใจ “คือว่าแบบนี้ งบปลายปีของเราหลังจากจ่ายเงินฉลองปีใหม่ให้พนักงานไปแล้ว เมื่อคำนวณงบประมาณออกมามันก็พลันไม่พอเสียแล้ว เลยอยากจะขอให้ฝั่งของเธอออกเงินปันผลของปีหน้าให้ก่อน”
สวี่ชิงเลิกคิ้ว “หัวหน้าหลี่ พวกเราต่างก็ต้องปิดงบปลายปีกันทั้งนั้น เงินปันผลของปีนี้เพิ่งจะจ่ายไปนะคะ ปีต่อไปใครจะรู้ว่าธุรกิจจะเป็นอย่างไรต่อไป ฉันไม่อาจให้คุณก่อนได้หรอกค่ะ และอีกอย่างถ้างบประมาณไม่พอ คุณก็ควรไปคิดหาวิธีกับแผนกการเงินของคุณไม่ใช่เหรอคะ?”
หลี่กั๋วหัวถอนหายใจสีหน้าลำบากใจ “ใครว่าไม่ใช่ล่ะ? เรื่องนี้เดิมทีผมไม่ควรเข้ามาจัดการด้วยซ้ำ เพียงแต่รอบนี้ผมมีหน้าที่รับผิดชอบจัดซื้อของงบประมาณปีใหม่ เพื่อให้พนักงานทุกคนผ่านปีใหม่ไปอย่างยอดเยี่ยม ตอนที่ผมจะซื้อมันก็เลยเกินงบประมาณไปหน่อย”
พูดไปก็ส่ายหัวไปติด ๆ กัน “ผมก็แค่อยากทำเพื่อพนักงาน ถ้ารู้แต่แรกปีนี้ผมก็คงให้คนเอากับข้าวกันมาคนละอย่างสองอย่างแล้ว อีกทั้งอีกฝ่ายก็บอกอยู่ว่าสามารถชำระเงินได้หลังจากผ่านปีใหม่ไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะกลับคำพูด วันนี้เอาใบแจ้งหนี้มาทวงเงิน ถ้าพรุ่งนี้ไม่ให้เงินก็จะไปบุกบ้านของฉันแล้ว เป็นเธอคิดสิว่าฉันควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ล่ะ”
สวี่ชิงไม่มีกระจิตกระใจจะฟังเขาบ่นพล่ามขนาดนี้ แต่จากในนี้เธอจับใจความได้บางอย่าง คือหลี่กั๋วหัวรับผิดชอบซื้อของฉลองปีใหม่ในปีนี้ นี่ก็เท่ากับว่ามีค่าสินบนรายได้ดีงานหนึ่งทีเดียว อย่างน้อยที่สุดของในวันปีใหม่ครอบครัวของเขาก็ต้องดีกว่าของคนอื่นสองเท่าตัวได้
อีกทั้งตอนนี้ตำแหน่งจัดซื้อมีอย่างที่ไหนให้เงินในเวลานั้นทันทีบ้าง ต่างก็ต้องออกใบเสร็จรับสินค้าใช้มาตั้งสองสามปีแล้ว ซึ่งมีประโยชน์มากเมื่อต้องทำการปิดงบปลายปี
ดังนั้นตอนนี้หลี่กั๋วหัวจึงกำลังแต่งเรื่องโกหกอยู่ ทำให้สวี่ชิงรู้สึกน่าสนใจขึ้นมานิดหน่อย อยากจะรู้ว่าเขาแต่งเรื่องโกหกเพื่ออะไร “ในนั้นคุณต้องการเงินเท่าไหร่?”
หลี่กั๋วหัวรีบเอ่ยว่า “ห้าหมื่น ยังขาดอีกห้าหมื่น นี่ไม่ใช่เงินที่เธอให้มาปีนี้เหรอ? ปีนี้เธอจ่ายแล้ว ปีหน้าถ้าร้านรายได้มากกว่าพวกเราจะไม่เก็บ ถ้าน้อยลงผมจะคืนให้คุณ คุณโอเคหรือเปล่า?”
สวี่ชิงยกยิ้ม “มันไม่ใช่เรื่องนี้หรอกค่ะ อย่าพูดว่าพวกเราไม่มีเงิน ถึงมีก็ไม่มีทางเลือกที่จะให้คุณได้หรอกค่ะ เนื่องจากสัญญาของเราตกลงกันไว้อย่างชัดเจนแล้ว”
สีหน้าหลี่กั่วหัวแข็งค้าง คิดไม่ถึงว่าสวี่ชิงจะตอบปฏิเสธกลับมาทันทีแบบนี้ รู้สึกปั้นหน้าต่อไปไม่ไหว เผยสีหน้าไม่พอใจออกมานิด ๆ อย่างชัดเจน
เขาพูดลาส่ง ๆ สองคำก็จากไปด้วยสีหน้าดำทะมึน
สวี่ชิงยิ้มตาหรี่มองแผ่นหลังหลี่กั๋วหัวจากไป ยังไม่ทันรอให้เธอลงมือจริง ๆ อีกฝ่ายก็เผยธาตุแท้ออกมาให้เธอเชือดเองเสียแล้ว
เงินห้าหมื่น ไม่มีทางเป็นหนี้เพราะซื้อของคนอื่นแน่ เป็นไปได้มากว่าหลี่กั๋วหัวจะแอบนำเงินของสถานีไปใช้ ตอนนี้คงกลัวว่าจะถูกตรวจสอบ ถึงได้มาหาเธอสินะ
คิดแล้วเธอจึงพูดบอกกับผางเจิ้งหัว เดินวนรอบสถานีรถไฟรอบหนึ่งทำเหมือนเดินคุยเล่น แล้วถามพนักงานแบบไม่ใส่ใจว่างานเลี้ยงปลายปีเลี้ยงอะไรกัน
คิดไม่ถึงว่าปีนี้จะให้เยอะมากจริง ๆ ทั้งหมี่ขาวข้าวขาวและน้ำมัน หนึ่งคนได้เนื้อหมูห้าชั่งบวกกับปลาหนึ่งกล่อง
สวี่ชิงลองคำนวณก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ของนั้นซื้อแล้วจริง ๆ แผนกจัดซื้อก็เอาเงินให้หลี่กั๋วหัวแล้ว เพียงแต่หลี่กั๋วหัวไม่ได้เอาเงินนี้ไปให้ร้านค้า ตอนนี้คนมาทวงเงินเขา เขากลัวว่าความผิดจะถูกเปิดเผย จึงคิดวิธีหาเงินมาโปะหนี้
หากหลี่กั๋วหัวไม่นำเงินนี้มาจ่าย ผลลัพธ์หลังจากนี้ก็คงหนักหนามาก
เดี๋ยวนี้กำลังเร่งปราบปรามคอร์รัปชัน นั่นยิ่งทำให้โทษทัณฑ์ยิ่งหนัก
สวี่ชิงคิดมาถึงตรงนี้ก็กลับบ้านอย่างอารมณ์ดี รู้สึกมองเห็นโคมไฟที่แขวนอยู่สีสันสวยงามขึ้นสองสามเท่า
รุ่งเข้าวันที่สามสิบเอ็ด โจวคังอันกับโจวเฉินเหวินก็กำลังยุ่งอยู่กับการแปะกลอนคู่ภายในบ้าน และหน้าประตูบ้าน
เสี่ยวเป่าวิ่งไปวิ่งมาภายในลานบ้าน ปากเล็กเม้มแน่นเพราะว่าในปากแอบซ่อนลูกอมเอาไว้เม็ดหนึ่ง ด้วยกลัวว่าถ้าอ้าปากแล้วมันจะหล่น
ต้าเป่ากับเหมือนสัตว์ตัวเล็กที่ถูกขังไว้ เดินวนภายในบ้านไม่หยุด เอาแต่ถามสวี่ชิงว่า “คุณย่าจะกลับมาไหมครับ”
สักพักก็ถามขึ้นอีก “คุณย่าจะกลับมาไหมครับ”
เขาฟั่นเชือกป่านที่คุณย่าทิ้งไว้ให้เสร็จหมดแล้ว แล้วทำไมคุณย่าถึงยังไม่กลับมาล่ะ?
สวี่ชิงกลั้นใจหลอกลูกชาย “ต้าเป่า ลูกพันเชือกป่านเร็วเกินไปแล้ว คุณย่ายังต้องรออีกหลายวันถึงจะกลับมา ลูกไปดูปลากับแม่ดีไหมจ๊ะ?”
ต้าเป่าเหมือนสัตว์ตัวเล็กวิ่งวนรอบบ้าน สุดท้ายก็โถมเข้าอ้อมกอดของแม่อย่างไม่ดีใจนัก “คิดถึงคุณย่า คิดถึงคุณยาย”
สวี่ชิงตบหลังของเขาอย่างปลอบประโลม “คุณย่ากับคุณยายจะต้องกลับมาหลังปีใหม่แน่จ้ะ ต้าเป่าตั้งใจกินข้าวรอพวกเธอกลับมาดีไหมจ๊ะ?”
ส่วนเสี่ยวเป่าจอมทึ่มผู้ไม่รู้อะไรเลยกลับเอาแต่วิ่งรอบบ้าน บางครั้งยังถามถึงคุณย่าประโยคเช่นกัน ทว่าเวลาอื่นกลับเหมือนลืมคุณย่ากับคุณยายไปแล้วโดยสิ้นเชิง
สวี่ชิงลอบถอนหายใจนิด ๆ ยังคงเป็นต้าเป่าที่ยังมีจิตใจผูกพันกับญาติมากกว่า
ทั้งครอบครัวฉลองปีใหม่ด้วยกันอย่างรื่นเริง เป็นเรื่องหายากที่โจวจินหนานเองก็ไม่มีเข้าเวรเหมือนกัน สามารถหยุดพักร้อนได้ถึงวันนี้สิบเดือนหนึ่ง กลายเป็นเหยียนจี้ชวนที่ไม่สามารถกลับมาบ้านได้ ต้องอยู่เฝ้าเวรคนเดียว
หลังผ่านวันที่ห้าของปีไป โจวคังอันกับโจวเฉินเหวินก็ยืนยันจะกลับ ครอบครัวยังมีญาติอยู่บ้าง และก็ต้องมาหาเพื่อไหว้อวยพรปีใหม่ด้วย พวกเขาไม่อยากให้มาหาที่บ้านของสวี่ชิง กลัวว่าจะทำให้สวี่ชิงลำบาก
สวี่ชิงเกลี้ยกล่อมไม่อยู่ ได้เพียงให้โจวจินหนานไปส่งทั้งสองกลับไป แล้วเอาเนื้อหลู่เว่ยตุ๋น ไก่ย่าง และหมั่นโถวนึ่งแล้วใส่ไว้ในตะกร้าไม้ไผ่ไปด้วย
เสี่ยวเป่าผ่านปีใหม่ไปได้ไม่กี่วันก็กินเก่งเหมือนลูกหมูน้อย มองตาเปล่าก็เห็นได้ว่าอ้วนกลมอย่างชัดเจน ส่วนต้าเป่ากลับกินไม่ได้เยอะนัก แถมยังท้องเสียติดต่อกันสองวัน ทำให้ผอมลงไปเล็กน้อย
พี่ชายน้องชายตอนนี้ยืนข้างกัน คนหนึ่งอ้วนคนหนึ่งผอมอย่างชัดเจน แต่ต้าเป่าที่ผอมลงมาหน่อยหนึ่งกลับยิ่งเหมือนโจวจินหนานขึ้นไปใหญ่ และยังแฝงคววามสุขุมแผ่ออกมาด้วย
สวี่ชิงกอดเด็กสองคนมานั่งอยู่ตั่งเล่านิทานให้ฟัง เจ้าแมวดำนอนหลับอุตุอยู่ด้านข้าง ไป๋หลางเองก็นอนหมอบมองเด็กสองคนอยู่บนพื้น
เตาไฟในห้องอุ่นกำลังดี สวี่ชิงเล่าเองรู้สึกง่วงเองในตอนนั้น ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น โดยมีไป๋หลางพุ่งตัวออกไปถึงหน้าประตูแล้ว
แต่กลับไม่เห่า คาดว่าน่าจะเป็นคนคุ้นเคยกัน
ไม่รอให้สวี่ชิงวางเด็กน้อยสองคนลงบนพื้น ซูซ่านก็เดินตาแดงเข้ามาข้างในแล้ว ใบหน้านั้นแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ทำสวี่ชิงตกอกตกใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ปีใหม่แบบนี้ยังมีเรื่องอะไรขึ้นอีก?”
ซูซ่านนั่งลงบนตั่งไม่พูดจา สูดน้ำมูกสักพักถึงค่อยเอ่ยปากกระท่อนกระแท่น “อวี๋เซี่ยงตงจะไปแนวหน้า เธอรู้หรือเปล่า?”
สวี่ชิงหัวใจเต้นรัวพักหนึ่ง “ทำไมล่ะ? ไม่ใช่ว่าเขากลับมาอยู่นี่แล้วหรือ?”
ซูซ่านส่ายหน้า “ฉันก็เพิ่งรู้วันนี้ เขาจะไปวันที่สิบนี้…….”
สวี่ชิงลองคิดก็นึกถึงเครื่องแบบเหล่านั้นของอวี๋เซี่ยงตงได้ เขาคงเตรียมตัวไว้นานแล้ว แต่ถ้าจะไปทั้งทีทำไมต้องหมั้นกับซูซ่านด้วย หรือว่าเขาแก่หน้าตัวเองโดยไม่สนใจความรู้สึกคนอื่น?
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หางงอกแล้วล่ะสิ ชิงชิงรู้ทันหรอกน่า ไม่ให้ยืมเงินหรอก
ไหหม่า(海馬)