เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 585 มีความลับบางอย่าง
บทที่ 585 มีความลับบางอย่าง
สวี่ชิงไม่เกรงกลัวที่จะแข่งขันกับหลี่กั๋วหัว ในเมื่ออีกฝ่ายอยากโลภนัก เธอก็จะทำให้เขาให้ตกต่ำลง
ที่สำคัญไปกว่านั้นหลี่กั๋วหัวอาจโชคร้ายจนต้องโทษอย่างรุนแรงในทันที การก่ออาชญกรรมเพียงเล็กน้อยก็ถูกลงโทษอย่างรุนแรงได้เช่นกัน
สวี่ชิงรู้สึกว่าเธอจำเป็นจะต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์ กระชากหน้ากากของหลี่กั๋วหัวออกมาทั้งที่ยังมีลมหายใจ และอย่าได้คิดนั่งดำรงในตำแหน่งปัจจุบันอีกต่อไป
เย่หนานไม่ได้ถามอะไรอีกเมื่อเห็นว่าสวี่ชิงเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ถึงกระนั้นกลับเริ่มกังวลว่าเมื่อใดจะเจอซ่งจิ่นสือสักที
สองสามวันต่อมา สวี่ชิงไปบอกผางเจิ้งหัวว่าไม่ต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับชายที่เร่ขอเงินสองคนนั่นอีกต่อไป ให้ทำการติดต่อตำรวจที่มีวิสัยทัศน์หนักแน่นโดยตรง และให้ทำเป็นไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับหลี่กั๋วหัวไปก่อน
หากหลี่กั๋วหัวมาหา ให้แสร้งทำเป็นห่วงใย อีกฝ่ายจะได้รู้สึกละอายแก่ใจ
ผางเจิ้งหัวรู้สึกกังวลเมื่อไม่เข้าใจว่าสวี่ชิงกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ “ถ้าเป็นแบบนั้นมันจะส่งผลต่อร้านค้าของเราร้ายแรงน่ะสิ เธอก็รู้ว่าตอนนี้มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามามาก ถ้าพวกเขาไม่แวะมา ยอดขายของเราจะสูงถึงสองพันต่อวันเลยนะ”
กำไรจากอาหารและเครื่องดื่มค่อนข้างมหาศาล เพียงวันเดียวสามารถทำรายได้สูงกว่าคนทำงานตลอดทั้งปี
สวี่ชิงส่ายหัว “ไม่เป็นไร สองคนนี้อยู่ไม่นานหรอก ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ เดี๋ยวพวกเขาก็กลับไป”
ผางเจิ้งหัวยังคงกังวล “ในเมื่อเธอรู้แล้วว่าหลี่กั๋วหัวทำเรื่องลับหลังเธอ แล้วทำไมเธอไม่ไปหาผู้นำสถานีซะเลยล่ะ? ยังไงก็ต้องร่วมมือกับเขาอยู่ดี”
สวี่ชิงส่ายหัวเหมือนเช่นเคย “ตอนนี้เรายังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด และต่อให้เบิกสองคนนี้มาเป็นพยาน อย่างมากที่สุดทางสถานีก็จะทำแค่กล่าวทักเตือนเขา และยกเลิกการส่งรายชื่อเข้าคัดเลือกตำแหน่งขั้นสูงประจำปี มันจะไปมีประโยชน์อะไร? สุดท้ายแล้วถ้าเขาทำตัวดี เขาก็จะได้เลื่อนขั้นอยู่ดี ถึงตอนนั้นเขาจะใช้อำนาจทุกอย่างเบียดเบียนร้านค้าเล็ก ๆ ของพวกเรา แล้วเราจะยังทำอะไรได้อยู่มั้ย?”
ผางเจิ้งหัวคิดตาม และรู้สึกไม่เต็มใจให้เป็นเช่นนั้น “งั้นเราควรทำยังไงกันดี?”
สวี่ชิงหัวเราะ “ต้องเปลี่ยนแปลงผู้นำเท่านั้น เราถึงจะมีชีวิตมั่นคงได้ ในเมื่อหลี่กั๋วหัวโลภมากนัก งั้นเราก็มาทำให้เขาโลภมากขึ้นกันเถอะ”
ผางเจิ้งหัวเห็นถึงใจอันมั่นคงของสวี่ชิง และหลังจากลองคิดดูแล้ว สวี่ชิงไม่เคยตัดสินใจผิดพลาดมาก่อน
เขาจึงกลับเข้าไปทำงานด้วยความมั่นใจ
ขณะที่สวี่ชิงกลับไปเข้าเรียนด้วยความสงบสุข
กลางเดือนธันวาคม อากาศเริ่มหนาวเย็นลงทุกวัน หิมะโปรยปรายไปรอบ ๆ จนโลกทั้งใบถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
ต้าเป่าไม่ชอบอากาศหนาวเย็น จึงไม่ได้วิ่งเล่นไปรอบ ๆ เอาแต่กอดแมวดำไว้ในอ้อมแขนและนั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างเฟิงซูฮวา ฟังย่าทวดเล่าเรื่องราว แม้จะไม่เข้าใจแต่กับชอบฟังมาก
เฟิงซูฮวาเล่าเรื่องภูติผีและตำนานขณะตอนที่นางศึกษาการแพทย์อยู่กับเย่สุ่ยตังหรือแม่ของเย่หนานเมื่อครั้งหลายปีก่อนโน้น ว่ามีโสมพันปีเติบโตขึ้นมาบนภูเขาแห่งหนึ่ง รวมถึงเรื่องราวของนางพญางูที่ได้รับการฝึกฝนในร่างกายมนุษย์
เล่าถึงชนเผ่าลึกลับที่อาศัยอยู่ในป่าดึกดำบรรพ์ที่เชื่อถือเรื่องไสยศาสตร์ เวชศาสตร์ และศิลปะการต่อสู้
ต้าเป่าชอบฟังทุกเรื่องราวที่นางเล่าให้ฟัง เขาเอามือประสานกันขณะเอนตัวพิงเฟิงซูฮวา ใบหน้าขาวใสดูอ่อนโยนเมื่ออยู่สวมใส่เสื้อนวมผ้าซาตินสีน้ำเงิน
ดูเหมือนนายน้อยของบ้านไม่มีผิด
ขณะที่เสี่ยวเป่าไม่สามารถนั่งเฉยในบ้านได้ อีกทั้งยังไม่หวาดหวั่นกับความหนาวเย็น รีบใส่กางเกงผ้าฝ้ายไร้เป้าไปเล่นหิมะกับไป๋หลางที่ลานบ้าน ก้นของเขาแดงแปร๊ดจากความเหน็บหนาว ถึงกระนั้นก็ไม่ยอมกลับเข้าบ้าน
เย่หนานรีบออกมาอุ้มเขากลับเข้าไปในบ้าน ทว่าเขากลับร้องไห้โยเยจะวิ่งออกไปข้างนอก ไป๋หลางคุ้นเคยกับเสี่ยวเป๋าเป็นอย่างดี มันรีบผลักประตูเปิดให้เจ้าตัวเล็กออกไปทันทีที่เห็นเขาร้องไห้
จนเย่หนานที่กำลังโกรธอยู่อะไรไม่ถูก “ดูสิมือเย็นหมดแล้วยังไม่ยอมกลับเข้าบ้านอีก รอให้สวี่ชิงกลับมาฟาดก้นก็แล้วกัน”
เสี่ยวเป่ายังคงส่ายหัวด้วยความดื้อรั้น “แม่ไม่ตี แม่รักเสี่ยวเป่า”
เย่หนานถอนหายใจ “แต่ถ้าหนูไม่เชื่อฟัง สวี่ชิงก็จะตีหนูแน่นอน จะโดนฟาดก้นน้อยๆ จนบวมเลย”
สวี่ชิงกลับมาเห็นคุณยายกับหลานชายกำลังยืนโต้เถียงกันอยู่ที่ลานบ้าน เสี่ยวเป่าถือลูกบอลเล็ก ๆ ขณะส่ายหน้าไปมาด้วยความไม่เชื่อ
“เกิดอะไรขึ้นคะ?”
เย่หนานรีบฟ้อง “ดูเจ้าตัวแสบนี่สิ อากาศเย็นขนาดนี้ยังอยากจะไปเล่นในสนามอยู่ได้ หน้าแดงเถือกหมดแล้วยังไม่ยอมเข้าบ้านอีก”
เสี่ยวเป่ารีบโยนลูกบอลทิ้งและวิ่งไปเกาะขาแม่ทันที “แม่อุ้ม เสี่ยวเป่าคิดถึงแม่ รอแม่ด้วย”
เขาพูดขณะเม้มปากเล็กน้อย กระพริบตาถี่ ๆ จนน้ำตาไหลออกมา จ้องมองไปที่สวี่ชิงด้วยความเศร้าใจ
ราวกับว่าเขาอยู่ในสนามเพื่อรอคอยแม่กลับมาจริง ๆ
เย่หนานทำอะไรไม่ถูกขณะมองดูสีหน้าของเสี่ยวเป่าที่เปลี่ยนไปภายในเสี้ยววินาที “หึๆ น่าสงสารจริง ๆ ที่หลังนี้เสี่ยวเป่าจะไม่ได้แสดงอีกแล้ว”
สวี่ชิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอุ้มเสี่ยวเป่าเข้าไปในบ้าน “งั้นเรากลับเข้าไปในบ้านกันดีไหม?”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าและตามสวี่ชิงเข้าไปในบ้านอย่างเชื่อฟัง เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กับไปนั่งเล่นกบเหล็กบนที่นอนด้วยท่าทางเรียบร้อย
ดูเหมือนว่าเด็กที่อยากจะออกไปเล่นซนข้างนอกไม่ใช่เขาเลย
ในที่สุดไป๋หลางก็ได้พักผ่อนสักที มันหันไปนอนงีบอยู่บนพื้นข้าง ๆ เตียง
เย่หนานยิ้มขณะเขกหัวเสี่ยวเป่าเบา ๆ ก่อนจะหัวเราะเยาะและด่าว่า “มาพาลใส่ยายงั้นเหรอ?”
ก่อนจะหันไปพูดกับสวี่ชิง “ยาทาแผลน้ำผุผองของหู่จือเสร็จแล้ว แม่ใส่สมุนไพรตงหลิงลงไปด้วย มีกลิ่นหอมมาก”
หล่อนพูดและหยิบเอาหม้อดินเผาขนาดเล็กบนหลังตู้มายื่นให้สวี่ชิง “เอาไปให้หู่จือลองก่อน มันน่าจะพอใช้ได้ ตอนอยู่ที่หมู่บ้านเคยมีคนโดนไฟลวกเหมือนกัน แม่ก็กวนครีมพวกนี้แหละ แต่ไม่ได้ใส่ส่วนผสมเยอะเท่านี้หรอก พอใช้แล้วก็ลดรอยแผลเป็นได้ดีเลย”
สวี่ชิงรับหม้อที่มีขนาดเท่าฝ่ามือขึ้นมาเปิดดมกลิ่น ได้กลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้จาง ๆ ที่ผสมปนเปไปด้วยกลิ่นที่สำคัญเล็กน้อย ดูเข้ากันได้ดี
ติดเพียงสีดำสนิทที่ดูไม่น่ามองเสียเท่าใด
เสี่ยวเป่ารีบเดินเข้าไปทันที “แม่ เสี่ยวเป่าดม”
สวี่ชิงยื่นหม้อลงไปใต้ใบหน้าเสี่ยวเป่า เพียงเท่านั้นเสี่ยวเป่าก็ย่นจมูกและร้องอุทานว่า “ว้าว กลิ่นหอมจัง”
สวี่ชิงมองไปทางต้าเป่าที่กำลังประสานมือเอนตัวพิงเฟิงซูฮวาด้วยท่าทางเกียจคร้านราวกับเป็นนายน้อยจากบ้านมหาเศรษฐี “ต้าเป่า อยากดมกลิ่นไหมลูก?”
ต้าเป่ากระพริบดวงตากลมโตและค่อย ๆ คลานเข้าไปหา ยื่นศีรษะทุยมาสูดกลิ่นและเงยหน้ามองสวี่ชิง “เมล็ดลูกท้อ ราชดัด หญ้าตงหลิง พิมเสน…”
แม้จะไม่ชัดถ้อยชัดคำ แต่ก็พูดออกมาได้ลื่นไหล
สวี่ชิงรู้สึกประหลาดใจทันที เธอรู้สูตรพวกนี้เช่นกัน เพราะเธอเป็นคนช่วยต้มสมุนไพรหม้อมายาวนานสี่ถึงแปดชั่วโมง
แต่กลับนึกไม่ถึงว่าต้าเป่าจะรู้
เย่หนานรู้สึกภูมิใจมาก และเดินเข้าไปอุ้มต้าเป่าไว้ในอ้อมแขน “ต้าเป่าฉลาดจริง ๆ เลยนะ”
ต้าเป่าสูดดมกลิ่นสมุนไพรอยู่หลายครั้งก่อนจะนำลงไปในต้มในหม้อ ทว่าเย่หนานกลับนึกไม่ถึงว่าต้าเป่าจะจำมันได้จนถึงตอนนี้
ต้าเป่าเม้มปากและจ้องมองเย่หนานด้วยท่าทางสงบนิ่ง ไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจหรือมีความสุขที่ได้รับคำชมดังกล่าว
หากนี่เป็นเสี่ยวเป่า เขาคงจะกระพือปีกเป็นนกยูงไปนานแล้ว
สวี่ชิงรู้สึกเหลือเชื่อมาก “ต้าเป่าคือยอดอัจฉริยะ เขาจำได้ทุกอย่างเลย”
เย่หนานที่เคยดูถูกต้าเป่าเพียงเพราะเขาเหมือนโจวจินหนาน บัดนี้กลับชื่นชอบต้าเป่ามาก ก่อนจะอุ้มต้าเป่าไปรอบบ้านและพูดด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ “ต้าเป่าเป็นยอดอัจฉริยะ ลืมดื่มน้ำแกงลืมเลือนของยายเมิ่งแล้วกลับชาติมาเกิดแหงเลย”
ต้าเป่ากระพริบตาขณะจ้องมองไปที่เย่หนาน…
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ต้าเป่ามีแววจะเป็นหลานรักของคุณแม่เย่แทนเสี่ยวเป่าแล้วละมั้งเนี่ย
ขอตำรับสูตรยานี้ของคุณแม่เย่ได้ไหมคะ จะได้เอาไปทาแก้หลุมสิวที่หน้า
ไหหม่า(海馬)