เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 582 คำมั่นสัญญาสามวัน
บทที่ 582 คำมั่นสัญญาสามวัน
สวี่ชิงเชื่อถือในคำพูดของอวี๋เวี่ยงตง เพราะเขาทำงานในเครือข่ายผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ และการตรวจสอบคดีความไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ที่จะหยิบยกขึ้นมาได้ตามใจชอบ
เพียงแต่เธอกลัวว่าจะรบกวนอวี๋เซี่ยงตง ควบคู่ไปกับลักษณะนิสัยของอวี๋เซี่ยงตงแล้ว เธอคงไม่อาจร้องขอความช่วยเหลือได้ “ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ฉันจะไปรบกวนนายเปล่า ๆ”
อวี๋เซี่ยงตงจิ๊ปากสองครั้ง “คุณเห็นผมเป็นคนนอกไปแล้วเหรอ? ช่วงนี้ผมอาจจะดูว่างงานไปหน่อย แต่ผมเก่งเรื่องแบบนี้นะจะบอกให้”
ทัศนคติที่แข็งกร้าวและเอาแต่ใจไม่ได้ดูกังวลกับเรื่องที่ต้องรับผิดชอบสักนิดเดียว
สวี่ชิงไม่สามารถบ่ายเบี่ยงได้ และปล่อยให้อวี๋เซี่ยงตงทำตามใจชอบ ถึงกระนั้นเขาสามารถเข้าไปตามสืบได้สะดวกสบายกว่าโจวจินหนาน
ทว่าสิ่งที่ทำให้สวี่ชิงประหลาดใจคือวันรุ่งขึ้นอวี๋เซี่ยงตงประโคมข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุในร้านค้า และเริ่มทำการสอบสวนอีกครั้ง
เห็นได้ชัดว่าเป็นการระเบิดเป็นอุบัติเหตุจนเกิดไฟลุกลาม ทว่าอวี๋เซี่ยงตงกลับสามารถเปลี่ยนอุบัติเหตุในครั้งนี้ให้การเป็นเรื่องจงใจได้ ทำให้ผู้ที่รับผิดชอบคดีความนี้รู้สึกละอายแก่ใจ
เขาพาผางเจิ้งหัวกับหูจือกลับมาลงบันทึกประจำวันให้สมกับเป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งยังเรียกสวี่ชิงกลับมาสอบปากคำ
สวี่ชิงมองดูอวี๋เซี่ยงตงที่อยู่ในชุดเครื่องแบบ เขาดูสง่างามมากเสียจนหัวใจเธอกระตุก คนคนนี้มีสามารถขนาดไหนกันนะ? เธอรู้ดีว่าเหตุการณ์ไฟลุกไหม้ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงอุบัติเหตุ ไม่ใช่ฝีมือของมนุษย์ แม้ว่าจะไม่เชื่อตำรวจ แต่บทสรุปที่ได้รับหน่วยงานดับเพลิงก็น่าเชื่อถือเสมอไม่ใช่เหรอ?
อวี๋เซี่ยงตงที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะพยักหน้าด้วยท่าทางจริงจัง “คุณไม่ต้องประหม่านะครับ วันนี้ผมแค่เรียกคุณมาสอบปากคำเล็กน้อย คุณอยู่ในวงการธุรกิจนี้มานานแล้ว เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับใครบ้างไหมครับ?”
สวี่ชิงส่ายหน้า “ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันใหญ่โตหรอกค่ะ เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำธุรกิจมันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วนี่คะ ขายของแบบเดียวก็กันย่อมเห็นกันเป็นศัตรูอยู่แล้ว”
อวี๋เซี่ยงตงลูบคางราวกับกำลังครุ่นคิด เงียบไปครู่หนึ่งและพูดขึ้นว่า “แล้วถ้าพวกคุณทำเงินได้เยอะ คุณคิดว่าใครจะคิดอิจฉาคุณมากที่สุดครับ?”
สวี่ชิงตอบกลับอย่างไม่ลังเล “ก็ต้องเป็นคนที่เปิดร้านแข่งกันฉันน่ะสิคะ”
อวี๋เซี่ยงตงถามคำถามอีกสองสามข้อ ถึงกระนั้นมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร คำถามโดยพื้นฐานส่วนใหญ่เกี่ยวกับคนที่มีแนวโน้มนาสงสัยมากที่สุด จนสวี่ชิงพูดไม่ออก เธอจะมาพูดพร่ำไร้สาระทั้งที่ไม่มีหลักฐานได้อย่างไร?
ทำได้เพียงส่ายหน้าเป็นเชิงว่าไม่แน่ใจ และไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นใคร
จู่ ๆ อวี๋เซี่ยงตงก็ปิดสมุดลงบันทึกประจำวัน ยกยิ้มและมองไปที่สวี่ชิง “ผมให้คำมั่นสัญญาเลยว่าคดีความของคุณจะกระจ่างภายในสามวัน คุณเชื่อไหม?”
สวี่ชิงยิ้ม “ถ้ากระจ่างได้ภายในสามวันก็ดีเลยค่ะ คุณตำรวจก็รู้ว่าตอนนี้ฉันกังวลแทบแย่”
อวี๋เซี่ยงตงเลิกคิ้วขึ้นด้วยท่าทางอวดเก่ง “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ควรจะมาหาผมตั้งแต่เนิ่น ๆ สิ มัวแต่ไปหาโจวจินหนาน ดูสิว่าล่าช้ามาตั้งกี่วันแล้ว? ไปกันเถอะ ผมจะไปดูผู้ได้รับบาดเจ็บสองรายนั้นหน่อย”
ในที่สุดสวี่ชิงก็เข้าใจได้ว่าตอนนี้อวี๋เซี่ยงตงกำลังแข่งขันกับโจวจินหนานอยู่ จนถึงกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่คิดจะยอมแพ้โจวจินหนาน
เธอมองดูอวี๋เซี่ยงตงด้วยความสงสัย กำลังสงสัยว่าอวี๋เซี่ยงตงปลาบปลื้มโจวจินหนานทั้งที่ไม่รู้ตัวหรือเปล่า
อวี๋เซี่ยงตงมองดูสวี่ชิงที่จ้องมองมาด้วยสายตาขุ่นเคือง “คุณมองผมทำไม? คุณกลับไปก่อนเถอะครับ ผมจะไปเจอสองคนนั้นเอง”
สวี่ชิงเดินตามอวี๋เซี่ยงตงออกไปไม่ไกลจากสถานีนัก ถึงกระนั้นเธอยังต้องกลับไปที่สถานีก่อน
ไม่รู้ว่าเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า ทั้งที่ฤดูหนาวปีนี้อากาศหนาวเย็นมาก แต่จำนวนผู้โดยสารที่สถานีกลับเพิ่งขึ้นจากปีที่แล้วถึงเท่าตัว ในลานจัตุรัสมีแต่เสียงเจื้อยแจ้วของผู้คน
ครอบครัวทั้งหลายต่างพากันลากกระเป๋าสัมภาระใบเล็กใบใหญ่ บางคนกลับบ้านเกิดเมืองนอน บางคนไปแสดงหาชีวิตในเมืองใหญ่
สวี่ชิงเดินผ่านลานจัตุรัสที่มีเสียงดังอึกทึกครึกโครมไปยังห้องรับรอง
ด้านหน้าแผงลอยไร้เงาหวางเหวินหลงกับเฉินหวาชิง มีผู้โดยสารมากมายเข้ามารับประทานอาหาร สวี่ชิงจึงแนะนำให้แจกจ่ายน้ำซุปข้าวฟรีที่บริเวณทางเข้า
และผู้คนมากมายรีบตบตีกันเข้ามารับซุปข้าว
ฝูงชนพยายามเบียดเสียดกันเข้ามาในร้านค้า ไร้ซึ่งความตระหนักในการเข้าแถว ซุนเชียวเฟิ่งที่ถือกระบวยตักข้าวอยู่จึงร้องตะโกนว่า “อย่าฉกอย่าเบียดเข้ามา ให้คนแก่กับเด็กก่อน ซุปข้าวยังร้อน ๆ อยู่ พวกคุณเบียดเข้ามาแบบนี้มันจะลวกเอา”
เธอรีบเคาะหม้อเมื่อไม่ได้เห็นการตอบรับจากฝูงชน “ห้ามขโมยนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่เรียกคุณ ถอยออกไปข้างหลัง ให้ผู้หญิงที่อุ้มลูกนั่นเข้ามาก่อน”
เสียงร้องดังกล่าวได้ผล ฝูงชนรีบแยกตัวออกไปในทันที
ซุนเชียวเฟิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันทีที่แจกซุปข้าวสามหม้อใหญ่เสร็จแล้ว ถลกแขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก และหันไปยิ้มให้กับสวี่ชิง “มาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ? ไม่รู้ว่าทำไมสองสามวันมานี้คนเยอะจัง ซุปข้าวสามหม้อแจกหมดภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ”
ทั้งที่บอกว่าเป็นซุปข้าว ทว่าผางเจิ้งหัวกลับใส่ข้าวลงไปเยอะมาก ทำให้น้ำซุปหอมละมุนไปด้วยกลิ่นข้าว นอกจากนี้ยังมีหมั่นโถวกับแป้งแพนเค้กที่ทำให้ผู้คนรู้สึกอุ่นท้องเมื่อกินท่ามกลางอากาศหนาวเย็น
สวี่ชิงยิ้ม “ช่วงนี้คงเหนื่อยกันแย่เลยนะคะ”
ซุนเชียวเฟิ่งโบกมือ “ไม่เหนื่อยหรอก กิจการเราดีขึ้นมาก ไม่รู้ว่าทำไมช่วงสองสามวันนี้สองคนนั้นถึงไม่แวะมาที่นี่เลย”
สวี่ชิงสันนิษฐานมาเป็นเพราะการสะกดรอยตามของผางเจิ้งหัวที่ทำให้พวกเขาตื่นตระหนก และทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาไม่กล้าขยับเขยื้อน
“หู่จือเป็นยังไงบ้าง หายดีหรือยังคะ? เห็นแม่ฉันให้ยาจีนมาทาสองวันแล้ว แผลเป็นก็น่าจะหายแล้วนะคะ”
ซุนเชียวเฟิ่งยิ้ม “ไอหยา ดีขึ้นมากเลยล่ะ สองวันนี้จะเอาแต่มาทำงานที่ร้านให้ได้ แต่อาไม่ให้เขามา ขอให้พักต่ออีกสักสองวัน แต่เห็นว่าช่วงนี้ร้านยุ่งมาก ว่าจะให้เขามาช่วยพรุ่งนี้แล้วล่ะ”
สวี่ชิงยังคงไม่เห็นด้วยที่หูจือรีบกลับมาทำงาน “ไม่ต้องห่วงเรื่องงานนักหรอกค่ะ รอให้หายดีก่อนก็ได้ ถ้าเกิดที่ร้านมันยุ่งนักก็หาคนมาแทนสักสองวันสิคะ”
ซุนเชียวเฟิ่งรีบโบกมือ “ไม่เป็นไรหรอก หู่จือพักอยู่แท้ ๆ แต่กับยังได้รับเงินเดือน ถ้าไปจ้างคนอื่นมาอีก ก็ต้องเสียเงินเปล่าอีกไม่ใช่เหรอ เขากลับมาทำได้อยู่แล้ว”
หล่อนคิดคำนวณอย่างถี่ถ้วนในใจแล้ว สวี่ชิงเป็นคนที่มีจิตใจดี และเป็นคนจริงใจ ในขณะที่ผางเจิ้งหัวมักจะแสดงมิตรภาพตอบแทนน้ำใจให้กับพวกน้อง ๆ คิดถูกแล้วที่หล่อนติดตามคนพวกนี้
ในอนาคตหู่จืออาจจะสามารถแบกรับภาระแต่เพียงผู้เดียวได้
สวี่ชิงไม่เข้าใจผู้อื่นมากนัก ถึงกระนั้นกลับยกยิ้มและพูดว่า “งั้นอย่าให้หู่จือหักโหมเกินไป ถ้าเหนื่อยก็พักนะคะ”
ซุนเชียวเฟิ่งพูดตอบครั้งแล้วครั้งเล่า “ไม่ต้องห่วง จะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ”
สวี่ชิงพูดคุยกับซุนเชียวเฟิ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปคุยกับผางเจิ้งหัวที่หลังครัว
ผางเจิ้งหัวค่อนข้างประหลาดใจกับการกระทำของอวี๋เซี่ยงตง “สวี่ชิง มีคนจงใจทำมันจริง ๆ ใช่ไหม? พอฉันมาคิดดูแล้วก็น่าสงสัยเหมือนกันนะ”
สวี่ชิงส่ายหัว “ฉันก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน แต่การกระทำของอวี๋เซี่ยงตงเป็นเหมือนการพูดเตือนให้คนร้ายหวาดกลัว เดาว่าการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่นี้คงจะทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังกังวลด้วยหรือเปล่า? ถึงได้ไปปลุกระดมหวางเหวินหลงกับเฉิงหวาชิงน่ะ”
ผางเจิ้งหัวโกรธมากเมื่อพูดเรื่องนี้ “นี่มันกลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว ถ้ามีความสามารถนักก็ควรจะโผล่หัวออกมาสิ คนที่มีความสามารถที่ไหนกันเขามาทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่เบื้องหลังแบบนี้”
สวี่ชิงยิ้มและพูดปลอบเขา “ไม่ต้องกังวลไป เรื่องแบบนี้มีอยู่เยอะ เห็น ๆ อยู่ว่าสู้กันไม่ได้ ถึงได้มาทำอะไรลับหลัง หลังจากนี้ไปพวกเราแค่ต้องระวังตัวให้มาก”
ผางเจิ้งหัวเป็นคนตรงไปตรงมาและเจ้าอารมณ์ ดังนั้นเขาจึงมองไม่เห็นวิธีการคลุมเครือที่ต่ำช้าแบบนี้
ทว่าสวี่ชิงคุ้นเคยกับมันดี ยิ่งกิจการใหญ่โตมากเท่าไหร่ กลอุบายสกปรกยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น เธอกำลังจะพูดปลอบผางเจิ้งหัวต่อ แต่จู่ ๆ ลี่ซิ่วเจินกลับวิ่งเข้ามา “สวี่ชิง สามีมาหาน่ะ”
…………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เซี่ยงตงจะหาตัวการเผาร้านชิงชิงเจอด้วยวิธีไหนกันนะ
ไหหม่า(海馬)