เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 581 สุขใจกันถ้วนหน้า
บทที่ 581 สุขใจกันถ้วนหน้า
สวี่ชิงมองดูเหยียนจี้ชวนที่กำลังหัวเราะอยู่และพูดเตือนด้วยความกังวลว่า “อาเล็ก อาก็ควรใส่ใจบ้างสิคะ ฉันว่าพ่อแม่ฉินเฟยน่าจะเป็นด่านสำคัญที่ผ่านไปยาก และตอนนี้พ่อแม่หล่อนยิ่งไม่ปลื้มอาอยู่ด้วย”
ฉินเฟยเป็นหญิงสาวที่หัวอ่อนว่านอนสอนง่ายอยู่มาก หากเป็นฉินเหมียวเหมียว หล่อนคงเลือกต่อต้านพ่อแม่และทำตามใจตนเอง
เหยียนจี้ชวนเอื้อมมือออกไปขยี้ศีรษะของสวี่ชิง “หลานกังวลเกินไปแล้ว อย่าใส่ใจเรื่องของผู้ใหญ่นักเลย”
โจวจินหนานจ้องมองไปที่เหยียนจี้ชวนอย่างเย็นชา “ในเมื่อคุยกันจบแล้ว ก็กลับไปซะ”
เหยียนจี้ชวนจิ๊ปากสองครั้ง เมินเฉยต่อโจวจินหนานและเดินเข้าไปเล่นกับเสี่ยวเป่าในบ้าน
เดิมทีสวี่ชิงวางแผนจะทำอาหารเย็นแบบเรียบง่าย แต่ในเมื่อโจวจินหนานกลับมาแล้ว เธอจึงเข้ามาซาวข้าว หุงข้าว ตุ๋นเนื้อ และทำไข่คนต้นหอมที่ต้าเป่ากับเสี่ยวเป่าชอบกิน
ถึงแม้ว่าจะอาศัยอยู่ในตัวเมืองเอกมณฑล แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะหาซื้อผักใบเขียวท่ามกลางฤดูหนาว มีเพียงอาหารจานพิเศษที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถหาซื้อกินได้
เสี่ยวเป่าได้กลิ่นหอมมาจากอาหารที่วางตั้งอยู่บนโต๊ะ เขารีบปีนขึ้นไปบนขอบโต๊ะข้างเตียง และร้องตะโกนว่า “กินข้าว พี่กิน”
จิตวิญญาณในการกินข้าวจะต้องมาก่อนเสมอ
เย่หนานยังคงเอาแต่นึกถึงซ่งจิ่นสือ นี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนได้เจอผู้ป่วยเคสยากแบบนี้ ความอยากรู้อยากเห็นและจิตวิญญาณที่อยากจะเอาชนะจึงถูกกระตุ้นขึ้น
“ยังหาซ่งจิ่นสือกันไม่เจอเหรอ?”
เหยียนจี้ชวนส่ายหน้า “พอไปถึงหลงซี เบาะแสก็หายไปแล้วครับ”
เย่หนานมองดูเหยียนจี้ชวนด้วยความไม่พอใจ “ไหนทุกคนบอกว่าพวกนายเก่งมาก ไม่เห็นจะทำอะไรได้เลย หาคนไม่เจอด้วยซ้ำ”
เหยียนจี้ชวนยิ้มแหยด้วยท่าทางหมดหวัง “พี่สะใภ้ พวกเราเป็นมนุษย์นะครรับ ไม่ใช่เทพเจ้า อีกอย่างการหายตัวไปของซ่งจิ่นสือมีคนเกี่ยวข้องมากเกินไป”
พวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้แพร่การจายข่าวการหายตัวของซ่งจิ่นสือ ดังนั้นจึงตกอยู่ในข้อจำกัดมากมาย
เย่หนานจ้องเขม็งไปที่เขา “ใครเป็นพี่สะใภ้นาย? เรียกอีกรอบสิแล้วฉันจะวางยาพิษให้”
หล่อนพูดและไม่หันไปคุยกับเหยียนจี้ชวนอีก จากนั้นจึงหันไปป้อนข้าวเสี่ยวเป่า
เหยียนจี้ชวนไม่พูดอะไร กินข้าวเสร็จแล้วจึงรีบกลับไปเงียบ ๆ เพราะเกรงกลัวว่าเย่หนานจะอารมณ์เสียขึ้นมาอีก
สวี่ชิงมีความอยากรู้มาก รีบเข้าไปถามโจวจินหนานที่กำลังล้างจากอยู่ในห้องครัว “หาซ่งจิ่นสือยากขนาดนั้นเลยเหรอ? หรือว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้นกับเขา? อากาศตอนนี้ไม่ค่อยดีด้วย สุขภาพเขาก็ไม่แข็งแรง”
เธอไม่กล้าพูดว่าสุขภาพร่างกายของซ่งจิ่นสือย่ำแย่มากและดูเหมือนว่าจะจากไปได้ทุกเมื่อ ตอนนี้เขาหายตัวไป ถ้าตกไปอยู่ในน้ำมือของคนร้ายจะเป็นอะไรหรือไม่?
โจวจินหนานเลือกพูดหัวข้อบางอย่างให้สวี่ชิงฟังเท่านั้น “ครั้งนี้มันเกี่ยวกับงานทางบ้านของซ่งจิ่นสือ ถึงจะยังตามสืบปัญหาในครอบครัวของเขาไม่เจอ แต่ทุกอย่างก็ลงล็อคหมดแล้ว”
อาจกล่าวได้ว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว
สวี่ชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ถ้างั้นก็ดีค่ะ ใช่สิ เจิ้งหัวมาบอกฉันว่าสองคนนั้นไปป้วนเปี้ยนแถวบ้านเรา พวกเขาคงเห็นว่าเจิ้งหัวตามไป ถึงได้ย้อนกลับไปที่โรงแรม”
โจวจินหนานชะงักไปครู่หนึ่ง และขมวดคิ้ว “แน่ใจเหรอ?”
สวี่ชิงพยักหน้า “ค่ะ ฉันคิดมาพักหนึ่งแล้ว แต่คุณบอกว่าคนที่ไม่ชอบขี้หน้าฉันก่อนหน้านี้ไม่น่าจะทำเรื่องราวใหญ่โตแบบนี้ได้”
โจวจินหนานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้นคุณไปบอกเจิ้งหัวว่าไม่ต้องไปสนใจคนพวกนั้น ผมจะส่งคนไปตามดูให้”
สวี่ชิงคิดไม่ออกจนหัวแทบจะระเบิดออกมา เอาแต่คิดว่าใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
ถึงกระนั้นสวี่ชิงไม่ได้รู้สึกกังวลอีกต่อไปเมื่อโจวจินหนานบอกว่าเขาจะเป็นคนจัดการเรื่องนี้เอง
สองสามวันต่อมา โจวจินหนานออกไปข้างนอกแต่เช้าตรู่ และกลับมาตอนดึกดื่น สวี่ชิงเห็นว่าเขาไม่ได้บอกอะไร และเธอเองก็ไม่ได้คิดกังวลอะไรเมื่อคิดว่าเขาอาจจะยังไม่เจอผลลัพธ์ใด ๆ
ทว่าสองวันต่อมา เธอสังเกตเห็นว่าใบหน้าของซูช่านดูแจ่มใสขึ้นมาก ดวงตาส่องประกายระยิบระยับขณะอมยิ้ม ปลายตามีเสน่ห์เหลือล้น บ่งบอกว่ากำลังตกอยู่ในสภาวะของคนที่ความรัก
ช่วงเที่ยงอวี๋เซี่ยงตงจะมาหาซูช่านที่มหาวิทยาลัยทุกวัน และทั้งสองคนจะนั่งกินข้าวในโรงอาหารด้วยกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่สวี่ชิงได้เห็นอวี๋เซี่ยงตงเวลาอยู่ต่อหน้าซูช่าน เขาดูเชื่อฟังหล่อนมาก
ยกตัวอย่างตอนที่เขาอยู่ต่อหน้าหล่อน ซูช่านถือหนังสือและมองไปที่อวี๋เซี่ยงตงด้วยสายตาไม่พอใจ “พี่ยังไม่ได้กินยาเหรอคะ?”
อวี๋เซี่ยงตงรีบพูดปฏิเสธด้วยท่าทางจริงจัง “จะเป็นไปได้ยังไง? ก่อนจะออกมาข้างนอกฉันกินยาไปแล้วนะ”
ซูช่านขมวดคิ้วที่ได้รูปและย่นจมูก “พี่อวี๋เซี่ยงตง พี่โกหกล่ะ พี่ไม่ได้กินยาเลยสักนิด”
อวี๋เซี่ยงตงชะงักไปครู่หนึ่ง และโน้มตัวลงไปพูดกับซูช่าน “ไม่ใช่สักหน่อย สาวน้อย งั้นบอกมาเลยว่าต้องการหลักฐานไหม?”
ซูช่านพองแก้ม เมินอวี๋เซี่ยงตงและเดินจากไป
อวี๋เซี่ยงตงโน้มตัวลงอีกครั้งขณะเดินตามไปอย่างระมัดระวัง “ทำไมถึงยังงอนอยู่อีกล่ะ? สาวน้อย ฉันสารภาพก็ได้ว่าฉันไม่ได้กินยา ก็ยาที่เธอสั่งมามันขมเกินไป ฉันกินไม่ไหวหรอก”
ซูช่านจ้องมองเขาด้วยความขุ่นเคือง “อย่ามาล้อเล่นนะ วันนี้พี่สัญญาว่ายังไง พี่อวี๋เซี่ยงตง ถ้าพี่ไม่ยอมกินยาทีหลังก็อย่ามาหาฉันอีก”
อวี๋เซี่ยงตงประสามือสองข้างเข้าหากัน “สัญญาว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย จะไม่เกิดขึ้นอีกแน่นอน”
สวี่ชิงมองดูอวี๋เซี่ยงตงที่กำลังพูดคุยซูช่านด้วยท่าทางประจบประแจง ไม่มีท่าทีเย่อหยิ่งเหมือนเมื่อก่อน และอดไม่ได้ที่จะหัวเยาะอยู่ทางด้านหลัง
ทว่าจู่ ๆ อวี๋เซี่ยงตงก็ยืดตัวขึ้น หันหน้ากลับมามองสวี่ชิงที่กำลังเฝ้าดูด้วยความตื่นเต้น “ดีเลย วันนี้ผมกับซูช่านจะกินข้าวเย็นบ้านคุณนะ ไม่ได้เจอคุณย่าเฟิงกับป้าเย่มานานแล้ว คิดถึงพวกแก”
สวี่ชิงต้องการจะพูดปฏิเสธ ทว่าเธอจะปฏิเสธได้อย่างไรในเมื่อชื่อของซูช่านมีส่วนเข้ามาพัวพันด้วย
ระหว่างทางกลับ ซูช่านเมินอวี๋เซี่ยงตง และเดินนำหน้าไปควงแขนสวี่ชิง ทำให้อวี๋เซี่ยงตงต้องเดินตามหลังซูช่านทีละก้าวเพื่อแสดงถึงการมีอยู่ของเขา
“ช่านจ๋า อีกไม่อีกวันพี่จะไปทำงานแล้วนะ คงจะกลับมาหาเธอทุกวันไม่ได้แล้ว”
หลังจากพูดอยู่นาน ในที่สุดประโยคดังกล่าวก็สามารถดึงดูดซูช่านให้หันกลับมามองอวี๋เซี่ยงตงได้ “พี่เป็นแบบนี้อยู่ ยังกลับไปทำงานได้ด้วยเหรอ?”
อวี๋เซี่ยงตงรีบเร่งฝีเท้าเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว “พี่เป็นยังไง? ไม่ดีเหรอ? แต่ว่าตอนนี้พี่ต้องทำงานที่หอจดหมายเหตุ”
สวี่ชิงตกใจมาก “หอจดหมายเหตุที่สำนักสันติบาลประจำจังหวัดน่ะเหรอ?”
อวี๋เซี่ยตงพยักหน้า “ใช่ ขี้เกียจก็ขี้เกียจ”
แม้ว่าซูช่านจะรู้สึกกังวลในใจ ทว่าตอนนี้เธอกลับปล่อยวาง และไม่สนใจอวี๋เซี่ยงตง
อวี๋เซี่ยงตงมองดูใบหน้าตึงเครียดของซูช่านอีกครั้ง ขณะเอามือกุมหน้าอก “ถึงจะดูเหมือนงานสบาย ๆ ไม่มีอันตราย แต่ช่วงนี้สิ้นปีเป็นช่วงที่คดีต่าง ๆ พุ่งสูง และผมคงเลี่ยงไม่ได้ถ้าเกิดโดนส่งตัวให้ไปจับกุมคดีความที่เสี่ยงอันตราย”
ซูช่านที่มีจิตใจเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ขมวดคิ้วอีกครั้ง “ช่วงนี้ร่างกายของพี่ยังไม่เหมาะกับการออกกำลังกายหนัก ถึงแม้ว่าขากบข้อเท้าไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ถ้าพี่ใช้แรงมากเกิน อาการบาดเจ็บเก่า ๆ จะกลับมาได้”
ฃ
ตอนนี้เขายังเดินไม่สะดวกเหมือนคนทั่วไป และค่อนข้างยากลำบาก
ทว่าสวี่ชิงนึกไม่ถึงปัญหาอื่น หลังจากปีใหม่ไปแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จะมีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในปีที่จะมาถึง
อวี๋เซี่ยงตงยิ้มขณะมองไปที่ซูช่าน “รู้หรอกว่าเธอเป็นห่วงพี่ แต่ไม่ต้องห่วงนะ พี่ไม่ได้ซื่อบื้อ ถึงตอนนั้นพี่คงไม่พุ่งเข้าหาอันตรายหรอก”
ซูช่านรู้ว่าเขามีบางอย่างที่ผิดปกติ ด้วยลักษณะนิสัยของอวี๋เซี่ยงตงแล้ว เขาต่อสู้จนตัวตายมาตั้งแต่เด็ก แต่หลังจากทำงาน เขากลับวิ่งเข้าใส่ความอันตรายลูกเดียว
อวี๋เซี่ยงตงหันไปมองสวี่ชิงอีกครั้ง “ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านของคุณน่ะ คุณไม่ต้องไปให้โจวจินหนานช่วยหรอก มาหาผมตรง ๆ ดีกว่า ถ้าคุณมาหาผม ผมจะจัดการเรื่องให้คุณภายในสามวัน”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หยอดคำหวานใส่สาวก็ทำเป็นนี่หว่าอวี๋เซี่ยงตง นึกว่าจะปากร้ายตลอดไปเสียอีก
ไหหม่า(海馬)