เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 58 ไป๋หลางผู้ยิ่งใหญ่
บทที่ 58 ไป๋หลางผู้ยิ่งใหญ่
เกาจ้านจ้องมองไปยังโจวจินหนานอย่างระมัดระวัง รู้สึกราวกับมีกับดัก “นายต้องการอะไร?”
โจวจินหนานใช้เวลาครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “หากนายไม่รับคำท้าก็หมายความว่านายยอมรับความพ่ายแพ้โดยปริยาย และผู้แพ้ก็ต้องทาสีบ้านแทนสวี่ชิง”
เกาจ้านมองโจวจินหนานด้วยความตกใจ “นายก็หน้าด้านเหมือนกันนะเนี่ย นี่ก็เท่ากับบังคับฉันทางอ้อมไม่ใช่เหรอ?”
น้ำเสียงของโจวจินหนานยังคงเย็นชา “ก็ฉันให้โอกาสนายได้ลองวัดฝีมือแล้ว แต่นายเลือกปฏิเสธเอง ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้!”
สวี่ชิงจ้องมองตั้งสองโต้เถียงกันด้วยรอยยิ้ม รู้สึกว่าโจวจินหนานและเกาจ้านเข้ากันได้เป็นอย่างดี พวกเขาช่างร่าเริงและสดใส
อย่างไรก็ตาม สวี่ชิงลงมือทาสีบ้านด้วยตัวเองโดยไม่รบกวนเกาจ้านหรือโจวจินหนานเลย เธอผสมสีและเจือจางปูนขาวโดยแช่ไว้ในน้ำ นำผ้าขนหนูพาดไหล่เพื่อเตรียมไว้เช็ดหน้า จากนั้นจึงเริ่มจากการทาสีผนังด้านนอกก่อน
หลังเสร็จสิ้นก็ทำการทาสีภายในบ้าน
เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านเปล่าจึงสามารถทาสีได้อย่างรวดเร็ว แต่เพื่อความสวยงามก็จำเป็นต้องทาทับอีกครั้ง
เกาจ้านไม่สามารถช่วยอะไรได้ ดังนั้นเขาจึงนั่งคุยกับโจวจินหนานใต้ต้นไม้
ทั้งสองหารือเกี่ยวกับแขกที่จะเชิญมาในงานแต่งงาน “ฉันได้แจ้งเพื่อนร่วมงานของนายและอีกหลายคนแล้ว พวกเขาล้วนอยู่ในหน่วยงานใกล้เคียงและจะขอลามาร่วมงานแต่ง แล้วฉันก็ได้ติดต่อท่านผู้บัญชาการอาวุโสด้วย เขารับปากว่าจะมา”
โจวจินหนานเงียบไปครู่หนึ่ง “แล้วพี่สะใภ้เจียงล่ะ? นายติดต่อหล่อนไปรึยัง?”
เกาจ้านถามอย่างลังเล “นายอยากเชิญพี่สะใภ้เจียงมาด้วยเหรอ?”
โจวจินหนานถอนหายใจ “ช่วยบอกให้หล่อนรู้ด้วยว่าฉันกำลังจะแต่งงาน เราเชิญทุกคน ทั้งผู้บัญชาการอาวุโสและเพื่อร่วมงาน แต่ไม่เชิญหล่อน เป็นนายจะไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจเหรอ?”
เกาจ้านแสดงออกอย่างจริงจังทันที “ฉันเสียใจจริง ๆ วันนั้นฉันไม่น่าถอยออกมาแล้วปล่อยให้หัวหน้าทีมรับลูกกระสุนแทนเลย ยอมตายเองซะยังดีกว่า”
โจวจินหนานเอื้อมมือตบไหล่เขา “อย่าคิดมาก ฉันเชื่อว่าเราทุกคนก็จะตัดสินใจแบบนั้น ในช่วงเวลานั้นไม่มีใครนึกถึงชีวิตของตัวเองหรอก ตอนนี้นายไปซื้อแตงโมกับไอติมมาเพิ่มสักสองก้อนดีกว่า”
เกาจ้านไม่คิดว่าบทสนทนาของอีกฝ่ายจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวด้วยความไม่พอใจ “นายนี่โคตรจะไร้มารยาทเลยว่ะ”
เขาพึมพำพลางลุกขึ้นเดินออกจากประตูไป
สวี่ชิงบังเอิญมาได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองคน หล่อนไม่คิดเลยว่าเกาจ้านผู้แสนดีจะซ่อนความลับอันหนักอึ้งไว้เบื้องหลังเช่นนี้
หลังเกาจ้านกลับมาจากการซื้อแตงโมและไอศกรีม สวี่ชิงก็ทาสีบ้านเสร็จพอดี
ทั้งสามคนนั่งกินแตงโมพลางพูดคุยกัน สวี่ชิงประหลาดใจเป็นอย่างมากเมื่อรู้ว่าไป๋หลางกินไอศกรีมได้
โจวจินหนานถือไอศกรีมให้กับไป๋หลางที่อยู่ข้างเขาเลีย ใบหน้าของสุนัขตัวใหญ่เต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน
สวี่ชิงถามด้วยความประหลาดใจ “ไป๋หลางกินไอติมเป็นด้วยเหรอคะ?”
เกาจ้านเอนกายพิงเก้าอี้หวายพลางกล่าวอย่างเกียจคร้าน “อย่าดูถูกไป๋หลางเชียวนะ ไป๋หลางอยู่กับโจวจินหนานมาตั้งแต่เกิด มันกินทุกอย่างที่เขาให้ มันมีสายตาของที่เฉียบแหลมและมันสมองอันชาญฉลาด เป็นเพื่อนร่วมทีมที่ยอดเยี่ยมในหลายภารกิจ มันเคยไล่จับพวกคนเลวได้นับครั้งไม่ถ้วน ครึ่งหนึ่งมันเคยวิ่งมาหาผมด้วยความตื่นตระหนก ผมวิ่งตามมันไปก็เห็นว่าโจวจินหนานนอนหมดสติอยู่!”
สวี่ชิงไม่คิดมาก่อนว่าไป๋หลางจะฉลาดเฉลียวถึงขนาดนี้ ดังนั้นหล่อนจึงเอื้อมมือลูบหัวมันพลางกล่าว “เก่งมากเลยเจ้าหนู”
เกาจ้านกล่าวขึ้นอีกครั้ง “มันยอดเยี่ยมมาก แต่ต้องระวังให้ดี เจ้าหนูนี่รักการแก้แค้นที่สุด”
ไป๋หลางจ้องมองเกาจ้านทันที ดวงตาของมันพลันเย็นชา คำรามด้วยเสียงทุ้มต่ำในลำคอ
สวี่ชิงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันทีที่ได้เห็น
หลังกินแตงโมเสร็จ สวี่ชิงก็จัดการทำความสะอาดเศษขยะในสนามหญ้า จ้องมองบ้านหลังใหม่อย่างอารมณ์ดี
หลังทำทุกอย่างเสร็จสิ้นก็เป็นเวลาเที่ยงวันแล้ว เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรต้องจัดการอีก สวี่ชิงจึงชวนทั้งสองคนออกไปกินข้าวนอกบ้าน
ทั้งสามเดินไปตามทางพบร้านบะหมี่มากมายเรียงรายกัน
อันที่จริงทุกร้านล้วนขายบะหมี่แบบเดียวกัน เส้นแบบเดียวกัน น้ำซุปมีรสเค็มและกลิ่นหอมไม่ต่างกัน ดังนั้นร้านใดที่ให้ปริมาณเยอะจนอิ่มท้องก็แสดงว่าร้านนั้นดีที่สุด
เมื่อบะหมี่ชามแรกมาเสิร์ฟ สวี่ชิงก็ยกมันให้กับโจวจินหนาน “พี่เอาไปก่อนดีกว่าค่ะ มันเยอะเกินไป ฉันกินไม่หมด”
เกาจ้านจ้องมองพวกเขาด้วยความสงสัย ทั้งสองคนสนิทสนมกันมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?
สวี่ชิงวางชามลงตรงหน้าและยัดตะเกียบใส่มือโจวจินหนาน จากนั้นไม่นานหวังไก๋ฮวา ภรรยาของติงชางเหวินก็เดินเข้ามาในร้านพลางตะโกนสั่งอาหารด้วยรอยยิ้ม “เถ้าแก่เนี้ย ฉันเอาบะหมี่ชามหนึ่งจ้ะ”
เจ้าของร้านเดินออกมาจากหลังครัวทันที “ไก๋ฮวา ไปยังไงมายังไงถึงได้มากินอาหารที่ร้านฉันล่ะ?”
ไก๋ฮวากล่าวด้วยรอยยิ้ม “พอดีฉันขี้เกียจทำอาหารเองเลยออกมาซื้อกินน่ะจ้ะ”
เจ้าของร้านหัวเราะ “ถ้าทุกคนคิดเหมือนเธอ ครอบครัวฉันคงรวยน่าดู ว่าแต่ ทำไมฉันไม่เคยเห็นผู้เชี่ยวชาญติงเลยล่ะ เขายังไม่กลับมาเหรอ? ได้ยินว่าครอบครัวเธอจะปล่อยเช่าบ้านแล้วย้ายไปอยู่กับผู้เชี่ยวชาญติงไม่ใช่เหรอ?”
หวังไก๋ฮวาเชิดอกกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “นั่นเป็นสิ่งที่ฉันวางแผนไว้ แต่ลึก ๆ ในใจยังไม่อยากไปเลยค่ะ ที่นั่นมีเพียงสองห้อง ต้องทำอาหารริมทางเดิน ไม่ค่อยมีที่ให้เดินเล่น ฉันคุ้นเคยกับการอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว แต่คิดว่าจะกลับไปที่นั่นอีกครั้งในฤดูหนาวเพื่อดูว่าอาคารที่เขาอาศัยอยู่ให้ความอบอุ่นได้ดีหรือเปล่า”
เมื่อเจ้าของร้านได้ยินดังนั้นก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย “จุดเตาผิงอาจพอช่วยได้ ให้ความร้อนได้ดีเลยทีเดียว แต่กายฮวา ฉันอยากจะขอเตือนเธอให้ตื่นตัวและระแวดระวังอยู่เสมอ ผู้เชี่ยวชาญติงอาศัยอยู่ที่นั่นเพียงคนเดียว เธอเองก็ไม่ได้อยู่กับเขา ไม่กลัวเขาจะนอกลู่นอกทางเหรอ? ชายอายุสี่สิบมักจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ไม่กลัวเขาจะหาหญิงอื่นมาบำเรอตัวเองในตอนที่เธอไม่อยู่เหรอ?”
สีหน้าของหวังไก๋ฮวาเปลี่ยนไปทันที “เขาไม่กล้าทำแบบนั้นหรอกค่ะ! ผู้หญิงคนไหนที่กล้ามายุ่งกับเขาจะต้องถูกฉันถลกหนังแน่!”
เจ้าของร้านผู้นี้ไม่ใช่คนดีอะไรนัก หล่อนไม่ชอบท่าทีที่เย่อหยิ่งของหวังไก๋ฮวา ทั้งยังอิจฉาที่หวังไก๋ฮวาได้แต่งงานกับปัญญาชน
ดังนั้นเมื่อรู้ว่าหวังไก๋ฮวาไม่ชอบอะไร หล่อนก็จะยิ่งพูดจาแทงใจดำในสิ่งนั้น
จากนั้นหวังไก๋ฮวาจึงวางเงินสามเหมาไว้บนโต๊ะพร้อมบะหมี่ก่อนจะจากไปอย่างโกรธเคือง
เจ้าของร้านเห็นดังนั้นก็เผยรอยยิ้มเยาะ เก็บเงินและชามบะหมี่เดินไปยังครัวหลังร้าน
จู่ ๆ ความคิดไม่ดีก็ผุดขึ้นมาในหัวของสวี่ชิง เธออยากให้หวังไก๋ฮวาไปที่นั่นเพื่อสร้างปัญหาให้กับติงชางเหวิน
หลังรับประทานอาหารเย็น สวี่ชิงขอให้เกาจ้านไปส่งโจวจินหนาน โดยบอกพวกเขาว่าเธอจะไปหาเพื่อน
หลังทั้งสองเดินทางกลับ สวี่ชิงก็ไปยังสถานีรถไฟ พลันเห็นว่าแผงลอยหลายแห่งยังว่างอยู่ มีร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อเพียงร้านเดียวที่เปิดขาย อาจเป็นเพราะที่นี่ไม่ใช่ย่านธุรกิจจึงไม่คึกคักนัก
สวี่ชิงไปพบผู้อำนวยการด้านการขนส่งอีกครั้ง เขายังคงรู้สึกประทับใจต่อเธอเช่นเคย อย่างไรก็ตาม ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับหญิงผู้งดงามอย่างสวี่ชิงที่จะทำธุรกิจ
เวลาล่วงเลยมากว่าสิบวันแล้ว และเขาเชื่อว่าสวี่ชิงยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับครอบครัว
เขารู้สึกแปลกใจที่ได้พบกับหล่อนเวลานี้ “ครอบครัวของคุณเห็นด้วยไหมครับ?”
สวี่ชิงพยักหน้า “ฉันอยากพูดคุยกับคุณเกี่ยวกับความร่วมมือน่ะค่ะ”
“ความร่วมมืออะไรครับ?”
สวี่ชิงจงใจขายความลับ “ธุรกิจนี้ใหญ่มาก ไม่เหมาะที่จะคุยกับคุณเพียงคนเดียว ฉันอยากคุยกับนายสถานีและเลขานุการด้วยค่ะ”
ผู้อำนวยการด้านการขนส่งรู้สึกราวกับถูกเหยียดหยาม “แม่หนู เจียมเนื้อเจียมตัวหน่อยก็ดีนะ เอาล่ะ ความร่วมมือที่ว่าคืออะไร? ลองบอกมาเผื่อฉันจะตัดสินใจได้!”
สวี่ชิงขมวดคิ้วกล่าวเชิงเยาะเย้ย “ถ้าผู้อำนวยการพูดลอย ๆ แล้วทำไม่ได้ มันต้องน่าอายมากแน่เลยค่ะ”
ผู้อำนวยการด้านการขนส่งตบโต๊ะด้วยความโกรธ “พูดมาสิ ถ้าตัดสินใจไม่ได้ฉันคงไม่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการด้านการขนส่งหรอก”
……………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
น้องไป๋หลางเก่งมากเลยค่ะ แสนรู้มากเลย
เอาล่ะ ชิงชิงจะวางแผนยุยงเมียหลวงของชู้แม่เลี้ยงยังไงนะ
ไหหม่า(海馬)