เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 578 ตามจีบสาวอย่างไร้ยางอาย
บทที่ 578 ตามจีบสาวอย่างไร้ยางอาย
ซูช่านรู้สึกประหลาดใจ หล่อนเพียงแค่จะขอครีมขี้ผึ้งกับนางพยาบาล ก่อนจะเหลือบมองมือใหญ่บนข้อมือของตนเอง และหันไปมองใบหน้าเรียบนิ่งของอวี๋เซี่ยงตง
ไม่มีทั้งความเย่อหยิ่งและความจองหอง ดวงตาเต็มไปด้วยความน่าสงสารที่ดูกำลังขอร้องอยู่ เขาสบตากับหล่อนและพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้ฉันพูดไร้สาระไปเรื่อย อย่าเก็บไปคิดมากนะ ฉันเองแหละที่ติดแฟน”
ซูช่านเม้มปาก แต่ไม่สามารถห้ามริมฝีปากไม่ให้ยกขึ้นได้ ดวงตาสดใสเปล่งประกายไปด้วยความสุข พยายามสงบสติอารมณ์ของตนเอง และพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “พี่ปล่อยเถอะ ฉันคงติดแฟนมากไป แถมยังน่ารำคาญด้วย ฉันจะกลับไปตั้งใจเรียนแล้ว”
อวี๋เซี่ยงตงใช้พละกำลังทั้งหมดดึงซูช่านเข้ามาหาเขา ตวัดแขนยาวรอบเอวหล่อน และพูดด้วยน้ำเสียงติดเจ้าเล่ห์ว่า “ไม่เอา ฉันผิดไปแล้ว ตอนนี้ร่างกายฉันเจ็บไปหมดเลย”
ซูช่านแค่นเสียง “ถ้าพี่เจ็บก็ไปหาหมอสิ หรือไม่ฉันจะไปเอายาแก้ปวดมาให้ อยู่ที่นี่ฉันก็ช่วยอะไรพี่ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะฉันเป็นนักเรียน ต้องกลับไปตั้งใจเรียน”
จู่ ๆ ปากของอวี๋เซี่ยงตงก็หวานเลี่ยนราวกับโถน้ำผึ้งตกใส่ “ก็เธอคือยาแก้ปวด ขอแค่ฉันได้มองเธอ ฉันก็ไม่รู้สึกเจ็บปวดแล้ว แม่สาวน้อย เธอเป็นคนช่วยฉันจากความเจ็บปวด จะทำตัวไม่มีมโนธรรมไม่ได้นะ”
ซูช่านมองดูอวี๋เซี่ยงตงเล่นลูกไม้หน้าด้าน ๆ ด้วยการโอบกอดเอวหล่อน จนไม่สามารถควบคุมรอยยิ้มบนใบหน้าได้อีกต่อไป คลี่ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือออกไปผลักแขนเขา “พี่นอนพักผ่อนก่อนเถอะ ฉันจะไปขอยากับนางพยาบาลมาให้ ต้องรักษาแผลที่หัวเข่าพี่อีก”
เหยียนจี้ชวนที่กลับมาถึงเมื่อเช้าได้ยินว่าเกิดเรื่องกับอวี๋เซี่ยงตง จึงแวะมาเยี่ยมเมื่อได้ยินว่าอวี๋เซี่ยงตงได้รับบาดเจ็บพักอยู่ที่โรงพยาบาล
แต่นึกไม่ถึงว่าอวี๋เซี่ยงตงกำลังโอบรอบเอวหญิงสาวอยู่
ดูเหมือนพวกนักเลงเจ้าชู้ในวัยสามสิบปีที่ชอบพูดถ้อยคำไร้ยางอายให้หญิงสาวรู้สึกดีอย่างไรอย่างนั้น
ทว่าเมื่อเขาเห็นว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของซูช่านค่อย ๆ ขยายกว้างขึ้น และจบลงที่การพูดกับอวี๋เซี่ยงตงด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล จู่ ๆ เขาก็เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างขึ้นมา หรือว่าเขาจะทำตัวจริงจังเกินไปต่อหน้าฉินเฟย?
เหยียนจี้ชวนเริ่มทนดูไม่ไหวเมื่อเห็นอวี๋เซี่ยงตงอมยิ้มเหมือนคนโง่เขลา เขากระแอมเล็กน้อยและเดินเข้าไป “ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นอะไรนี่?”
อวี๋เซี่ยงตงรู้สึกอับอายที่ตนรั้งซูช่านเอาไว้ ค่อย ๆ ปล่อยหล่อนไปด้วยท่าทางสงบนิ่ง ขณะที่ซูช่านรีบวิ่งออกไปด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ “มาได้สักทีสินะ”
เหยียนจี้ชวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อวี๋เซี่ยงตง แกก็รักษาหน้าบ้างเถอะ นี่มันโรงพยาบาลนะโว้ย จะมากอดอะไรกันอยู่ได้”
อวี๋เซี่ยงตงตอบกลับอย่างอวดดี “ตอนนี้ผมมีแฟนแล้ว แล้วคุณล่ะ? คุณกับคุณหมอเสี่ยวฉินคนนั้นไปถึงไหนแล้ว? ดีแต่มายุ่งเรื่องคนอื่นเขา ไม่ยอมทำอะไรสักที”
เหยียนจี้ชวนเกียจคร้านเกินกว่าจะโต้เถียงกับเขา และลากเก้าอี้มานั่งคร่อมลงตรงหน้าอวี๋เซี่ยงตง “เกิดอะไรขึ้น? ฉันได้ยินมาว่าไป๋หลางไปช่วยแก?”
สีหน้าของอวี๋เซี่ยงตงเปลี่ยนเป็นจริงจังทันทีที่พูดถึงงานสำคัญ “ต้องขอบคุณไป๋หลางที่มาช่วยจริง ๆ นั่นแหละ ไป๋หลางได้กลิ่นดินปืนจากพวกมัน ถึงได้ไล่ตามไปดู”
ใครจะเชื่อว่าสุนัขจะไปตามหาผู้ต้องสงสัยจนเจอ
เหยียนจี้ชวนขมวดคิ้ว “แล้วตรวจสอบหรือยัง? ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง?”
อวี๋เซี่ยงตงส่ายหัว “หนึ่งคนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนอีกคนได้รับบาดเจ็บ และได้รับจากช่วยเหลือมาแล้ว ส่วนจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดหรือเปล่านั้นยังไม่แน่ใจ”
เหยียนจี้ชวนขมวดคิ้ว “ตัวตนของแกถูกเก็บเป็นความลับมาตลอด เรื่องเกิดขึ้นที่เตียนหนาน เป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะรู้ว่าแกมาอยู่ที่ตัวเมืองเอก มันจะต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ๆ”
อวี๋เซี่ยงตงไม่ได้พูดอะไรออก ถึงกระนั้นเขาก็คิดถึงสันนิฐานนี้ด้วยเช่นกัน การหาตัวเขาเจอในระยะเวลาสั้น ๆ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย หากไม่ได้รับข้อมูลจากใคร
ตอนนี้เบาะแสถูกตัดขาดลงกลางคัน ไม่รู้ว่าผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหรือไม่ “คนที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว ผมคิดว่าเราน่าจะพอหาเบาะแสได้ แล้วคุณล่ะ ได้ข่าวเกี่ยวกับซ่งจิ่นสือบ้างไหม?”
เหยียนจี้ชวนนั่งพิงเก้าอี้ และหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบด้วยท่าทางสบาย ๆ เขารู้สึกปวดกบาลทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องซ่งจิ่นสือ ดูเหมือนว่าจะมีเบาะแสบางอย่าง ทว่าเบาะแสกลับพันกันจนยุ่งเหยิงไปหมด และหลังจากที่พวกเขาสืบหาเบาะแสได้ พวกเขากลับพบว่ามันเปล่าประโยชน์
รู้สึกราวกับมีมือที่มองไม่เห็นอยู่เบื้องหลัง คอยทำให้การทำงานของพวกเขาไม่ขยับเขยื้อน
นี่เป็นครั้งแรกที่เหยียนจี้ชวนต้องเข้าไปคลี่คลายปัญหาอยู่นาน
อวี๋เซี่ยงตงที่เห็นใบหน้าบูดบึ้ง และท่าทางสูบบุหรี่ของเหยียนจี้ชวนรับรู้ได้ทันทีว่าไม่มีข่าวคราวจากฝั่งซ่งจิ่นสือ จากนั้นจึงพูดปลอบใจว่า “เบื้องบนให้เวลานานแค่ไหน? คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก ซ่งจิ่นสืออาจจะแค่หายไปเองสองสามวัน อีกอย่างคนป่วยแบบนั้นจะไปที่ไหนได้?”
เดินบนถนนไม่ได้ด้วยซ้ำ กระแอมไอทุกครั้งที่เดิน รอดูว่าจะรอดท่ามกลางฤดูหนาวแบบนี้ไปได้หรือไม่
ขณะที่พูดถึงอาการป่วย จู่ ๆ เหยียนจี้ชวนก็นึกอะไรบางอย่างออก “ตอนที่ฉันมาที่นี่ ได้ยินว่าแกหายดีแล้วเหรอ?”
อวี๋เซี่ยงตงเริ่มลุกขึ้นอย่างสั่นเทาอีกครั้ง ตบต้นขาและแตะขาลงกับพื้น ใส่รองเท้าก่อนลุกขึ้นเดินไปมา นอกจากข้อเท้าเจ็บแปลบเล็กน้อยก็ไม่เป็นปัญหาอะไร
“แบบนี้มันไม่กะทันหันไปหน่อยเหรอ”
เหยียนจี้ชวนพ่นควันบุหรี่เป็นวงกลม “งั้นที่เคยบอกว่าแกมีปัญหาทางจิต ดูเหมือนว่าจะพูดถูกนะ ทำเอาซะสมุนไพรจีนเสียทิ้งโดยเปล่าประโยชน์ไปตั้งเถอะ”
อวี๋เซี่ยงตงไม่ได้ใส่ใจคำพูดของเหยียนจี้ชวน เขาเดินวนไปรอบ ๆ สอบรอบอย่างมีความสุข กลับมาที่เตียงและนั่งลง “ผมจะกลับไปทำงาน ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออะไร มาหาผมได้”
เหยียนจี้ชวนหัวเราะเยาะ “อย่าแม้แต่จะคิด เราทำกันเองได้”
ทั้งสองโต้เถียงกันอีกสองสามประโยค ก่อนที่เหยียนจี้ชวนกลับออกไป
หลังจากที่เหยียนจี้ชวนกลับออกไปแล้ว ซูช่านก็กลับเข้ามาพร้อมกับผ้าก๊อซและครีมขี้ผึ้ง มองดูอวี๋เซี่ยงตงที่กำลังเพลิดเพลินไปกับบุหรี่ในปาก
จึงเดินเข้าไปด้วยใบหน้าตึงเครียด
อวี๋เซี่ยงตงหรี่ตาลงขณะครุ่นคิดถึงบางอย่างท่ามกลางกลุ่มควัน จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวดังมาจากด้านข้าง ก่อนจะหันไปเห็นใบหน้าบึ้งตึงของซูช่าน เขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวจนก้นบุหรี่ร่วงหล่นลงมาบนผ้าห่ม ก่อนรีบสะบัดมันทิ้งลงไปบนพื้น
อีกทั้งยังพึมพำในใจโดยที่ไม่รู้ตั้ว เกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงหวาดกลัวที่ซูช่านจ้องมองมาเสียแล้วล่ะ?
ซูช่านเดินเข้าไปนั่งลง เอื้อมมือถลกขากางเกงขึ้น “พี่สูบบุหรี่ทั้งที่ยังไม่หายดีเลย ไม่อยากหายเหรอคะ?”
อวี๋เซี่ยงตงมองตามมือขาวนวลของหญิงสาวที่กำลังถือก้อนสำลีเช็ดบาดแผล ขณะที่ลูกกระเดือกสะท้อนขึ้นลง “มันช่วยบรรเทาความเจ็บปวดน่ะ บุหรี่พอช่วยได้”
ซูช่านไม่เชื่อเรื่องไร้สาระที่เขาพูด “เดี๋ยวฉันไปซื้ออาหารมาให้พี่ก่อน แล้วจะกลับไปทำเรื่องลาที่มหาวิทยาลัย และไปเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้พี่”
น้ำเสียงนุ่มนวลกระแทกเข้ามาที่หัวใจของอวี๋เซี่ยงตงเต็มเปา
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรที่กำกวม ทว่าริมฝีปากของเขากลับแห้งผากขณะมองดูริมฝีปากของซูช่านขยับขึ้นลง เขาอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากและจินตนาการถึงสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผล
ซูช่านพูดพร่ำอยู่นาน แต่ก็ไม่เห็นอวี๋เซี่ยงตงตอบกลับ หลังจากทำความสะอาดบาดแผลเสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นสายตาลึกซึ้งลุกโชนของอวี๋เซี่ยงตง
จู่ ๆ อวี๋เซี่ยงตงก็โพล่งขึ้นมาว่า “ขอฉันจูบหน่อยได้ไหม?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
บทอวี๋เซี่ยงตงจะรุกจีบก็แรงแบบดุดันไม่เกรงใจใครเลยนะ อาเล็กยอมได้เหรอ
ไหหม่า(海馬)