เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 577 ช่วยไม่ได้ที่เป็นคนติดแฟน
บทที่ 577 ช่วยไม่ได้ที่เป็นคนติดแฟน
สวี่ชิงได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวมาจากลานบ้านตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ เธอลุกออกไปและเห็นไป๋หลางนอนหอบอยู่ที่ลานบ้าน มันดูเหนื่อยล้า และหอบอย่างหนัก
เธอรีบวิ่งไปเอากะละมังใส่น้ำในห้องครัวโดยไม่คิดอะไรมาก พร้อมกับหยิบหมั่นโถวออกมาสองลูก
ไป๋หลางดูเหนื่อยมากจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ มันนอนอยู่บนพื้นและม้วนลิ้นตวัดซดน้ำและกินหมั่นโถว สวี่ชิงกลัวว่ามันจะกินไม่อิ่ม จึงไปคลุกข้าวผสมกับไข่ไก่ให้มันเพิ่ม
สวี่ชิงรู้สึกสงสารเจ้าเด็กน้อยเมื่อดูไป๋หลางกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะเอื้อมมือออกไปลูบหัวมัน “เหนื่อยแย่เลย ไป๋หลางของเราคือวีรบุรุษผู้กล้าจริง ๆ สินะ”
เธออยากถามมันว่าซูช่านกลับมาอย่างปลอดภัยดีหรือไม่ ทว่าไป๋หลางเป็นสุนัขและมันไม่สามารถพูดตอบได้
สวี่ชิงถอนหายใจอีกครั้งขณะลูบหัวไป๋หลาง
เย่หนานที่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวรีบออกมาดู และเห็นไป๋หลางนอนหมอบขณะกินอาหารอยู่บนพื้น ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ไป๋หลางกลับมาแล้วเหรอ ดูเหนื่อยจัง บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
จากนั้นสวี่ชิงจึงตระหนักขึ้นได้ว่าต้องตรวจดู เธอกับเย่หนานรีบตะกุยดูตามขนของไป๋หลาง ตรวจสอบทุกตารางนิ้วบนร่างกายของมัน โชคดีที่มันยังแข็งแรงดีอยู่ ทั้งสองจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เย่หนานถอนหายใจ “ไป๋หลางเก่งจริง ๆ เก่งกว่าคนซะอีก”
สวี่ชิงลูบหัวไป๋หลางต่อ “ใช่ค่ะ ก็มันเป็นสุนัขทหารนี่คะ”
เสี่ยวเป่าคิดถึงไป๋หลางมาก ขณะสะลึมสะลือก็ได้ยินเสียงคุณยายกับแม่กำลังพูดคุยกันอยู่ในลานบ้าน ราวกับพวกเธอกำลังพูดถึงไป๋หลางอยู่ เขาจึงรีบลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่บั้นท้ายยังเปลือยเปล่าอยู่ และร้องเรียกหาแม่
เด็กน้อยขยี้ตาขณะร้องตะโกน ถึงกระนั้นกลับรู้สึกง่วงเกินกว่าจะลืมตา
สวี่ชิงส่งเสียงตอบรับ ขณะลุกขึ้นเตรียมจะเข้าไปในบ้าน ทว่าไป๋หลางกลับลุกขึ้นพรวดพราดและเดินเข้าบ้านก่อน
ไป๋หลางที่เหนื่อยเกินกว่าจะกินอาหารรีบลุกขึ้นยืน ใช้หัวผลักเปิดประตู เดินเข้าไปใกล้เตียงและเห่าใส่เสี่ยวเป่าสองสามครั้ง
ก่อนจะหันกลับมาที่เตียงอีกครั้ง
เสี่ยวเป่ารู้ดีว่าไป๋หลางหมายถึงอะไร เขารีบเข้าไปซุกตัวใต้ผ้าห่ม นอนเขยิบไปทางขอบเตียงและยื่นแขนออกไปกอดรัดไป๋หลาง ในขณะไป๋หลางเดินเข้าไปหาอย่างเชื่อฟังและยื่นขาให้เสี่ยวเป่ากอด
ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความหลงใหล ทั้งร้องคำรามเรียกหาเสี่ยวเป่า
สวี่ชิงอดจะยิ้มแย้มไม่ได้เมื่อตามเย่หนานเข้ามาและเห็นฉากดังกล่าว ไป๋หลางโอ๋เด็กจนเกินไปจริง ๆ
……
ซูช่านที่ตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาล ลืมตาขึ้นด้วยความตกตะลึงไปชั่วขณะ เหตุการณ์เมื่อสองวันที่แวบผ่านเข้ามาในหัวของหล่อน ทันใดนั้นก็จำได้ว่าอวี๋เซี่ยงตงกอดหล่อนไว้ในอ้อมแขนขณะที่กลิ้งตกลงมาจากไหล่เขา ร่างกายของเขา…
หล่อนลุกขึ้นนั่งและเห็นว่าไม่มีใครอยู่ในห้องผู้ป่วยนอกจากหล่อน จึงรีบใส่รองเท้าและลุกขึ้นเดินออกไป รีบเอ่ยถามทันทีที่เห็นนางพยาบาลเดินผ่านมา “ขอโทษนะคะ คนที่มาด้วยกันกับฉันอยู่ไหนเหรอคะ? คุณรู้ไหมว่าเขาอยู่ไหน?”
นางพยาบาลชำเลืองมองซูช่าน “คุณหมายถึงอวี๋เซี่ยงตงเหรอคะ? อยู่หอผู้ป่วยชั้นบนค่ะ”
ซูช่านขอหมายเลขห้องผู้ป่วยและรีบขึ้นไปหาอวี๋เซี่ยงตงที่ชั้นบน หล่อนจำได้ว่าอวี๋เซี่ยงตงลุกขึ้นยืนและวิ่งอุ้มหล่อนออกไป แสดงให้ว่าขาของเขาหายดีแล้ว
ผู้คนจำนวนห้าถึงหกคนพากันเข้าไปรายล้อมพูดคุยกับอวี๋เซี่ยงตงภายในห้องผู้ป่วย
ส่วนใหญ่เป็นคำแสดงความยินดีที่อวี๋เซี่ยงตงโชคดีท่ามกลางความโชคร้าย ในที่สุดเขาก็สามารถลุกขึ้นยืนได้
“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าสองคนนั้นที่ถูกจับกุมจะซ่อนตัวอยู่ในตัวเมืองเอกมณฑล ครั้งนี้แหละเจ้าพ่อค้ายาจะได้ถูกกำจัดจนสิ้นซากซะที”
“ต้องขอบคุณหมาตัวนั้น มันกัดสายไฟขาดสะบั้นเลย ไม่อย่างนั้นครั้งนี้พวกเราคงดับอนาถ”
“นั่นน่ะสิ นึกไม่ถึงเลยว่าหมาตัวนั้นจะเก่งขนาดนี้”
“จริงสิ ผู้กองอวี๋ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้างครับ ยังรู้สึกถึงข้อเท้าอยู่ไหม?”
อวี๋เซี่ยงตงยกยิ้มจนมุมปากโค้งขึ้น “ก็ดี ไม่คิดว่าจะลุกขึ้นยืนได้เหมือนกันว่ะ”
ก่อนหน้านี้มีคนบอกว่าเขาป่วยทางจิต ทว่าเขากลับไม่เชื่อ และรู้สึกว่าสุขภาพทางจิตของตนค่อนข้างดี จึงไม่น่ามีปัญหาในการเอาชนะมัน
ที่ว่าเดินไม่ได้เพราะมีปมในใจนั่นเป็นเรื่องพูดเล่นใช่ไหม?
หลายคนรีบแสดงความยินดี ขณะที่หนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า “ผู้กองอวี๋ พวกมันจับว่าที่ภรรยาไปเหรอ ทำไมพวกผมไม่เคยเห็นมาก่อน?”
“ใช่ๆ ได้ยินมาว่าเป็นสาวสวยด้วย ผู้กองอวี๋มีความสามารถจริง ๆ เลยน้า”
อวี๋เซี่ยงตงเอามือแตะจมูก ทั้งที่ภายในใจรู้สึกดี แต่กลับพูดถ้อยคำหมางเมินออกมา “ช่วยไม่ได้ มาติดฉันเอง”
เขาพูดจบและหันไปมองทางประตู ก่อนจะเหลือบเห็นซูช่านยืนอยู่ที่หน้าประตู มองมาที่เขาด้วยดวงตาแดงก่ำ
หัวใจของอวี๋เซี่ยงตงพลันเต้นระรัว ดูเหมือนว่าเขาจะเล่นแรงเกินไปอีกแล้วใช่ไหม?
หลังจากนี้หล่อนจะไม่ร้องไห้หาเรื่องทะเลาะกับเขาอีกหรือ?
กลุ่มคนในห้องสังเกตเห็นซูช่าน ก่อนที่ชายหนุ่มผู้ร่าเริงจะร้องตะโกนขึ้น “พี่สะใภ้มาแล้ว มาหาผู้กองอวี๋สินะ เข้ามาเร็วครับ”
ซูช่านหน้าแดงก่ำเมื่อถูกเรียกว่าพี่สะใภ้ คนเหล่านี้ดูแก่กว่าหล่อนด้วยซ้ำ
หล่อนค่อย ๆ เดินเข้าไปหาอวี๋เซี่ยงตงด้วยใบหน้าแดงก่ำ และเข้าไปยืนอยู่ข้างเตียง “ขาพี่ดีขึ้นแล้วเหรอคะ? เดินไหวไหม?”
อวี๋เซี่ยงตงรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีในใจ และรีบพยักหน้าด้วยความมึนงง “ไม่เป็นไรแล้ว”
ซูช่านพยักหน้าเล็กน้อย “งั้นก็ดีแล้ว ถ้าไม่เป็นอะไรฉันกลับไปเรียนก่อนนะ พี่ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ”
อวี๋เซี่ยงตงที่ตื่นตระหนกรีบคว้าข้อมือซูช่านทันทีที่ได้ยินว่าหล่อนกำลังจะกลับไป “อย่าเพิ่งไป ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
จากนั้นจึงจ้องมองกลุ่มคนขั้นกลางที่ยืนอยู่รอบ ๆ ขยิบตาเพื่อบอกให้พวกเขาออกไปก่อน
ราวกับคนเหล่านี้รากงอกเรียบร้อยแล้ว และไม่มีทีท่าว่าจะออกไป ทำได้เพียงจ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาตื่นเต้น
อวี๋เซี่ยงตงปวดหัวอยู่พักหนึ่ง “ไม่ใช่แบบนั้น คือที่ฉันพูดไปก็แค่เรื่องไร้สาระน่ะ เธออย่าเอาไปคิดมากนะ ไอหยา…”
ซูช่านรีบวิ่งเข้าไปคว้าข้อมือเขาเมื่อได้เห็นว่าเขาส่งเสียงร้องและงอตัวด้วยความเจ็บปวด “เป็นอะไร? เจ็บตรงไหน?”
อวี๋เซี่ยงตงกุมหน้าอก “ไม่รู้ทำไมตอนที่พูดถึงว่าเจ็บท้อง เหมือนซี่โครงหักเลย”
ซูช่านคิดว่าอวี๋เซี่ยงตงโชคดีมากโขที่แขนขาไม่หักทั้งที่ตกลงมาจากที่สูงหลายต่อหลายครั้ง หล่อนรีบเข้าไปพยุงไหล่เขาและพูดว่า “นอนลงเร็ว ๆ ค่ะ หมอมาตรวจหรือยัง เจ็บข้างในหรือเปล่า?”
หล่อนพูดพลางจับชีพจรของอวี๋เซี่ยงตง
น้ำเสียงของอวี๋เซี่ยงตงไม่ดังเหมือนในตอนแรก และแผ่วเบาลงมาก “ตรวจแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง แต่เจ็บมากเลย ไม่เป็นไรหรอก ยังพอทนได้ เธอจะกลับไปเรียนไม่ใช่เหรอ กลับไปก่อนสิ การเรียนสำคัญกว่า”
ผู้คนรอบข้างรู้สึกตกตะลึง ทั้งที่เป็นหัวหน้าของพวกเขาแท้ ๆ พูดแบบนี้มันไม่ไร้ยางอายไปหน่อยเหรอ?
กล้าพูดจาน่าสะอิดสะเอียดแบบนี้ออกมาได้อย่างไร?
อวี๋เซี่ยงตงฉกฉวยโอกาสช่วงที่ซูช่านเผลอ ขยิบตาให้กลุ่มคน เจ้าพวกชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน เขาจะกลับไปจัดการให้หมด
กลุ่มคนคลี่ยิ้มและรีบจากไปทันทีที่ได้รับคำขู่จากหัวหน้า ทว่าพวกเขาไม่คิดว่าพี่สะใภ้จะเป็นคนติดแฟน น่าจะเป็นผู้กองอวี๋ของพวกเขาเสียมากกว่า
ซูช่านจับชีพจรของอวี๋เซี่ยงตง เพื่อตรวจให้มั่นใจว่าไม่มีอะไรร้ายแรง จากนั้นจึงลุกขึ้นไปถลกขากางเกงของเขา เพื่อดูว่าข้อเท้าแดงบวมหรือไม่
หล่อนถลกขากางเกงขึ้นและเห็นว่าหัวเข่ามีรอยแดงบวม ถลอกอย่างรุนแรงจนเลือดแห้งแข็งตัวเป็นสะเก็ด
ซูช่านดึงขากางเกงลงด้วยความไม่สบายใจ หันกลับไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ทว่าอวี๋เซี่ยงตงกลับรั้งหล่อนเอาไว้อีกครั้ง “อย่าเพิ่งไป ฉันเองแหละที่ติดแฟน…”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไป๋หลางเก่งมาก หนูควรได้เหรียญกล้าหาญ
พอรู้ใจตัวเองก็รุกแรงเลยน้าผู้กองอวี๋
ไหหม่า(海馬)