เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 575 ไป๋หลางแจ้งข่าว
บทที่ 575 ไป๋หลางแจ้งข่าว
ซูช่านเอาหูแอบแนบกำแพงขณะยืนพิง แต่จู่ ๆ ก็รู้สึกประหลาดใจกับเสียงฟุดฟิดที่ดังออกจากทางด้านนอก เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเสียงของสุนัข อีกทั้งยังฟังคล้ายกับเสียงของไป๋หลาง
หล่อนจำได้ว่าสวี่ชิงบอกว่าไป๋หลางหายไป หรือว่าจะเป็นไป๋หลางที่อยู่ข้างนอกนั่น?
หล่อนจึงส่งเสียงเรียกเบา ๆ “ไป๋หลาง?”
เสียงฟุดฟิดด้านนอกเงียบหายไปในทันที และหลังจากนั้นไม่นานการขุดคุ้ยก็ว่องไวขึ้น ด้านนอกกำแพงที่โดนดินถล่มใส่ปรากฏเป็นรูหนึ่งขึ้นมา
ไป๋หลางโผล่หัวเข้ามาและเห่าใส่ซูช่านสองสามครั้ง ถึงกระนั้นมันก็ฉลาดมากพอที่จะไม่ส่งเสียงดังจนเกินไป
ซูช่านย่อตัวลงด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะกอดไปโอบกอดหัวไป๋หลาง “ไป๋หลาง! แกจริง ๆ ด้วย! ทำไมเก่งจัง? ใช่สิ ไป๋หลาง ไปหาอวี๋เซี่ยงตงที”
แต่ก่อนที่จะพูดจบ จู่ ๆ ไป๋หลางก็รีบถอยตัวกลับออกไปจากโพรงสุนัข ก่อนจะตามมาด้วยเสียงฝีเท้าหลายต่อหลายครั้ง
ขณะที่ซูช่านกำลังลุกขึ้นยืน ประตูก็เปิดออก อากงรีบวิ่งเข้ามาขณะเอาไฟฉายส่องไปที่ใบหน้าของซูช่าน ทำให้ซูช่านรีบหลับตาลงโดยไม่ทันได้คิด ทันใดนั้นมีดคมของอีกฝ่ายก็จ่ออยู่ที่คอของหล่อน
“นึกไม่ถึงว่าแกจะแก้เชือกด้วยตัวเองได้ ฉันคงประเมินแกต่ำไปสินะ!”
ซูช่านแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว “พวกคุณเป็นใคร ฉันไม่รู้จักพวกคุณ พวกคุณลักพาตัวฉันมาที่นี่ทำไม? ฉันเป็นแค่นักเรียนที่น่าสงสาร”
มีดคมของอากงเขยิบเข้าไปชิดลำคอของซูช่านเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย จนหล่อนรู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบ ก่อนจะพูดอย่างชั่วร้ายว่า “หุบปาก แกพาหมามาด้วยสินะ รีบตามฉันมาเดี๋ยวนี้!”
มือข้างหนึ่งวางแนบลำคอของซูช่าน ส่วนมืออีกข้างคอยผลักหล่อนให้เดินออกไป
ซูช่านไม่กล้าทำอะไรผลีผลามเพราะไม่รู้ว่าข้างนอกมีคนอยู่อีกกี่คน หล่อนจึงแสร้งทำเป็นว่าหวาดกลัวมาก และเดินตามออกไป
แสงจันทร์สาดส่องอยู่ด้านนอก ตกกระทบหิมะสีขาวผุดผ่อง สว่างไสวราวกับกลางวัน
ซูช่านมองเห็นสภาพแวดล้อมภายนอกได้อย่างชัดเจน ที่แห่งนี้น่าจะอยู่ในโรงงานรกร้าง ขณะที่ชายคนหนึ่งวิ่งมาหาด้วยความโกรธจัด “หมามาจากไหน มันวิ่งไวมาก เร็ว เราต้องรีบออกจากที่นี่ ข้ารู้สึกหมาตัวนั้นจะต้องทำอะไรสักอย่าง”
แต่ก่อนที่ซูช่านจะทันได้ตอบโต้ หล่อนกลับถูกอีกฝ่ายจัดมัดอีกครั้งและยัดเข้าไปในรถบรรทุกตงเฟิง
……
สวี่ชิงมั่นใจว่ามีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นกับซูช่าน เธอกระวนกระวายใจมากจนกินข้าวไม่ลง
นึกไม่ออกว่าใครเป็นคนลักพาตัวซูช่านไป และใช้หล่อนเพื่อข่มขู่อวี๋เซี่ยงตง?
เย่หนานตกใจมากเช่นกันเมื่อรู้ว่าซูช่านหายตัวไป “เจ้าคนพวกนั้นกล้าขนาดนี้กันเลยเหรอ? กล้าจับคนไปตอนกลางวันแสก ๆ เนี่ยนะ”
สวี่ชิงถอนหายใจ “พวกคนลักพาตัวมันไม่สนใจเรื่องนี้กันหรอกค่ะ ถ้าพวกมันกลับใจได้ คงไม่ทำสิ่งผิดกฎหมายกัน”
เย่หนานพยักหน้า “ที่พูดมาก็ถูก แต่ซูช่านเป็นเด็กที่มีวาสนา จะต้องเปลี่ยนจากร้ายให้กลายเป็นดีได้แน่”
สวี่ชิงทำได้เพียงพูดปลอบใจตนเอง “หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะคะ ฉันกลัวว่าคนพวกนั้นจะมาที่นี่เพื่อแก้แค้นอวี๋เซี่ยงตง…”
สำหรับหน้าที่การงานของอวี๋เซี่ยงตง หากคนชั่วร้ายรู้ถึงหน้าตาและสถานภาพของครอบครัวเขาแล้ว คนพวกนั้นจะต้องมาแก้แค้นด้วยวิธีการโหดเหี้ยมและบ้าบิ่นอย่างแน่นอน
และซูช่านจะตกอยู่ในอันตรายขั้นร้ายแรง
จนกระทั่งตกเย็น สวี่ชิงก็ยังคงไม่ได้ยินข่าวคราวของซูช่าน และไม่สามารถออกไปถามอวี๋เซี่ยงตงได้ ทำได้เพียงนั่งรออย่างใจจดใจจ่ออยู่ที่บ้าน
เสี่ยวเป่าดูออกว่าแม่กำลังเป็นกังวล เขาจึงนั่งลงข้าง ๆ เงียบ ๆ และหยุดตะโกนหาต้าไป๋
จะกระทั่งมีเสียงการเคลื่อนไหวจากลานบ้าน เสี่ยวเป่าจึงร้องตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้น “ต้าไป๋ ต้าไป๋…”
สวี่ชิงรีบออกมา และเห็นไป๋หลางวิ่งเข้ามาในลานบ้าน ก่อนจะส่งเสียงเห่าใส่สวี่ชิงอย่างบ้าคลั่ง
เสี่ยวเป่ารีบวิ่งสะบัดก้นออกไป และเข้าไปกอดไป๋หลาง “ต้าไป๋ อย่าหนี อย่าหนี”
เขากลัวว่าไป๋หลางจะหนีไปอีกครั้ง
สวี่ชิงรีบวิ่งเข้าไปหยิบหมั่นโถวสองก้อนออกมา “ไป๋หลาง รีบกินซะ”
ไป๋หลางหิวโซมากเช่นกัน มันไม่ได้กินอะไรเลยตลอดช่วงสองวันที่ผ่านมา จึงรีบเขมือบหมั่นโถวสองก้อนหมดภายในสองสามคำ ก่อนจะเข้าไปงับปลายเสื้อของสวี่ชิงและลากเธอออกมา
สวี่ชิงรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างที่เกิดขึ้นไป๋หลาง รีบตะโกนเรียกเย่หนานให้มาพาเสี่ยวเป่ากลับเข้าไป ก่อนที่เธอจะออกไปพร้อมกับไป๋หลาง
ไป๋หลางเดินนำเธอไปรอบ ๆ ประตูบ้าน ลากเธอไปยังห้องที่อวี๋เซี่ยงตงเคยพักอาศัยอยู่ และเห่าใส่ห้องสองสามครั้ง
สวี่ชิงพอจะคาดเดาได้ว่าไป๋หลางหมายถึงอะไร “ไป๋หลาง จะให้ฉันพาแกเข้าไปเหรอ?”
ไป๋หลางหันไปเห่าทางประตูบ้านอีกครั้งด้วยความกระวนกระวายใจ
เพียงแวบเดียวสวี่ชิงก็นึกออก “จะให้ฉันพาแกไปหาอวี๋เซี่ยงตงเหรอ?”
ไป๋หลางรีบตรงดิ่งเข้าไปกัดปลายเสื้อของสวี่ชิงทันทีที่ได้ยินประโยคดังกล่าว เพื่อบ่งบอกว่าเธอพูดถูก
จากนั้นเธอจึงปั่นจักรยานพาไป๋หลางออกไป
อวี๋เซี่ยงตงยังคงถือแผนที่อยู่ในห้องทำงาน วิเคราะห์ว่าใครเป็นคนลักพาตัวซูช่านไป และถ้าหากคิดจะข่มขู่เขา ทำไมจนตอนนี้ถึงไม่ส่งข่าวคราวมา
หากเป็นการลักพาตัวธรรมดา เขาคงจะส่งคนไปสืบค้นทั่วมหาวิทยาลัยแล้ว ทว่าบางสิ่งที่น่าสงสัยกลับปรากฏขึ้น จนกระทั่งตอนนี้ยังหาเบาะแสไม่เจอ
แต่นึกไม่ถึงว่าสวี่ชิงจะมาที่นี่พร้อมกับไป๋หลาง
และสิ่งแรกที่สวี่ชิงพูดขึ้นตั้งแต่เดินเข้าประตูมาคือ “ฉันคิดว่าไป๋หลางรู้ว่าซูช่านอยู่ที่ไหน”
สวี่ชิงคอยครุ่นคิดระหว่างทางว่า จู่ ๆ ไป๋หลางก็กลับมาช่วยเหลือ อีกทั้งยังยืนกรานจะไปหาอวี๋เซี่ยงตง แสดงว่ามันรู้ใช่ไหมว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับซูช่าน? มันรู้หรือเปล่าว่าซูช่านอยู่ที่ไหน?
อวี๋เซี่ยงตงมองดูไป๋หลางที่กำลังนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้น ส่งเสียงฟุดฟิดขณะแลบลิ้นออกมา เขขาเคลื่อนรถเข็นเข้าไปลูบหัวของมัน “แกไปเจอซูช่านมาเหรอ?”
ไป๋หลางเอียงหัวและส่งเสียงเห่า ราวกับตอบรับคำถามของอวี๋เซี่ยงตง
ทว่าอวี๋เซี่ยงตงกลับไม่เห็นความปีติยินดีที่ได้เจอซูช่านจากหน้าของมันเลยสักนิด แต่กับกลับกลายเป็นเคร่งขรึมมากขึ้น “เสี่ยวจางเตรียมรถ ขับตามไป๋หลางไป”
สวี่ชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ฉันจะไปกับพวกนายด้วย”
อวี๋เซี่ยงตงรีบพูดปฏิเสธ “ไป๋หลางพาตัวซูช่านกลับมาไม่ได้ พวกมันจะต้องไม่ใช่พวกแอบลักตัวธรรมดาทั่วไป ตอนนี้เราไม่รู้ว่าพวกมันมีกี่คน คิดจะทำอะไรกันบ้าง เพราะงั้นผมพาคุณไปเสี่ยงด้วยไม่ได้หรอก”
เขารีบโบกมือปฏิเสธอีกครั้งก่อนที่สวี่ชิงจะพูดอะไรออกไป “คุณกลับไปคอยรอฟังข่าวดีกว่า ถ้าครั้งนี้ผมไม่กลับมา ฝากบอกโจวจินหนานว่าวันปีใหม่ช่วยเผาเงินกงเต๊กให้ผมสักสองแผ่นด้วยนะ ไปที่นั่นผมจะได้หิวน้อยหน่อย”
สวี่ชิงหวาดกลัวกับคำพูดส่งเดชแบบนี้ “อย่ามัวแต่พูดไร้สาระ รีบไปพาตัวซูช่านกลับมาซะ ความสุขของพวกนายเพิ่งเริ่มต้นเองนะ”
อวี๋เซี่ยงตงยิ้ม “วางใจได้ ซูช่านจะต้องไม่เป็นอะไร แค่ยัยนั่นขี้แยเกินไปหน่อย”
เขาพูดและก้มหน้าลงหัวเราะเบา ๆ “หลังจากนี้คอยปลอบหล่อนด้วยนะครับ”
สวี่ชิงเฝ้าดูไป๋หลางวิ่งนำรถของอวี๋เซี่ยงตงไปทางทิศใต้ และหลังจากนั้นไม่นาน รถตำรวจก็ค่อย ๆ ตามมา
เธอรู้สึกไม่สบายใจที่เหยียนจี้ชวนไม่อยู่ด้วย แม้แต่โจวจินหนานก็ไม่อยู่ เธอจึงได้แต่กลับไปรอฟังข่าวที่บ้าน
หลังจากที่ไป๋หลางเห็นซูช่านเดินออกไป มันไม่ได้วิ่งออกมาในทันที ทว่าแอบตามรถบรรทุกของคนพวกนั้นไปที่ภูเขา หลังจากที่เฝ้าดูคนพวกนั้นพาซูช่านขึ้นไปบนภูเขาแล้ว มันก็รีบวิ่งกลับมาให้ข่าวกับสวี่ชิงทันที
มันวิ่งขึ้นไปบนภูเขาลูกนี้อีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ร่างกายของมันกลับอ่อนแรงมาก หลังจากวิ่งขึ้นได้เพียงแค่ครึ่งทาง มันก็ลดความเร็วลงอย่างเห็นได้ชัด
อวี๋เซี่ยงตงเฝ้าดูไป๋หลางที่วิ่งตามช้าลงเรื่อย ๆ และตะโกนบอกให้หยุด “ไป๋หลางขึ้นมาพักบนรถก่อน แล้วขับไปตามภูเขาลูกนี้พอ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
น้องไป๋แสนรู้มากเลย ขอให้เจอตัวซูช่านเร็วๆ นะคะ
ไหหม่า(海馬)