เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 574 จากโชคร้ายกลายเป็นดี
บทที่ 574 จากโชคร้ายกลายเป็นดี
สวี่ชิงตกตะลึงเมื่อได้ยินว่าเมื่อคืนนี้ซูช่านไม่ได้กลับไปที่หอพัก หากยึดตามขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม ถึงแม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนจะคบหาดูใจกันอยู่ ทว่าพวกเขาจะไม่มีวันไปพักแรมด้วยกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูซ่านที่กำลังเป็นนักเรียนอยู่ หากหล่อนออกไป มันจะดูไม่ดีต่อตัวหล่อนในอนาคต
และจะเป็นปัญหาจนถูกกล่าวหาเกินความเป็นจริงไปได้
สวี่ชิงที่รู้สึกวิตกกังวล รีบเข้าไปถามอวี๋เซี่ยงตงในตอนเที่ยง
หลังจากเลิกเรียนและกลับถึงบ้าน เธอรีบคว้าจักรยานปั่นไปยังสถานทีที่อวี๋เซี่ยงตงพักอาศัยอยู่ ซึ่งอวี๋เซี่ยงตงออกมาข้างนอกพอดี และประหลาดใจที่ได้เจอสวี่ชิง “ทำไมถึงมาที่นี่กลางวันแสก ๆ ?”
สวี่ชิงลงจากรถจักรยานและเมินเฉยต่อคำพูดไร้สาระของอวี๋เซี่ยงตง “ซูช่านล่ะ? เมื่อคืนมาที่นี่หรือเปล่า? หลังจากหล่อนมาหานายเมื่อวานตอนเที่ยง หล่อนก็ยังไม่กลับไปเรียนเลย”
อวี๋เซี่ยงตงยืดร่างกายส่วนบนตั้งตรงขณะเท้าแขนกับรถเข็น ใบหน้าของเขาชะงักไปทันที “ว่าไงนะ? เมื่อวานซูช่านไม่ได้กลับไปเหรอ?”
สวี่ชิงพยักหน้า “ใช่ ซูช่านไม่ได้กลับไปเรียนตั้งแต่บ่ายเมื่อวานจนถึงตอนนี้ ฉันเลยแวะมาดูว่าหล่อนอยู่กับนายหรือเปล่า แล้วมีอะไรเกิดขึ้นไหม?”
อวี๋เซี่ยงตงหันหน้าไปมองเสี่ยวจางที่ยืนเข็นรถอยู่ด้านหลัง “นายได้รับโทรศัพท์จากซูช่านประมาณกี่โมง?”
“บ่ายโมงสิบห้าครับ”
อวี๋เซี่ยงตงหันหลับไปมองสวี่ชิง “ซูช่านออกไปจากบ้านฉันตอนบ่ายโมงสี่สิบ ฉันขอให้หล่อนโทรไปเรียกเสี่ยวจางให้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น น่าจะเกิดขึ้นหลังจากบ่ายสามสิบห้า”
เขาพูดและรีบหันไปสั่งเสี่ยวจาง “เร็ว รีบพาฉันไปที่หน่วย”
แววตื่นตระหนกดุร้ายฉายวาบเข้ามาในดวงตาของเขา มีใครบางคนจ้องจะเล่นงานซูช่านจริง ๆ และมุ่งเป้าไปที่อวี๋เซี่ยงตงอย่างชัดเจน
สวี่ชิงเดินตามไปได้สองสามก้าว อวี๋เซี่ยงตงก็หันกลับมา “คุณกลับไปก่อน ระหว่างรอโจวจินหนานกลับมาอย่าออกมาเดินเพ่นพ่าน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับคุณอีก ผมคงจะไปพูดอธิบายกับเหล่าโจวไม่ได้”
สวี่ชิงกระวนกระวายจนทำอะไรไม่ถูก และรู้ว่าตนเองไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้มากนัก ถึงกระนั้นใครกันที่เป็นคนลักพาตัวซูช่านไป?
อวี๋เซี่ยงตงนั่งเงียบไปตลอดทาง แต่กลับคิดไม่ตกแม้แต่วินาทีเดียว ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ใครที่รู้ว่าเขาอยู่ในตัวเมืองเอก และใครที่รู้ว่าเขากำลังคบหาดูใจอยู่กับซูช่าน?
ผู้คนสองสามคนที่ปรากฏขึ้นมาในความคิดค่อย ๆ จางหายไปทีละคน
แล้วการหายตัวไปของไป๋หลางมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของซูช่านหรือไม่?
……
ซูช่านตื่นขึ้นมาท่ามกลางความเหน็บหนาว พยายามขยับร่างกายที่ถูกมัดมือมัดเท้า ความเย็นยะเยือกไหลเวียนมาจากทางด้านหลัง ทว่ารอบข้างกลับมืดสนิท
ขณะที่หล่อนเดินออกมาจากบ้านอวี๋เซี่ยงตงก็วางแผนจะไปโทรหาเสี่ยวจางที่ทำการไปรษณีย์ แต่คาดไม่ถึงว่าจะบังเอิญเจอชายหญิงชราคู่หนึ่งรีบวิ่งเข้ามาถามทางระหว่างทาง
ซูช่านบังเอิญรู้เส้นทาง จึงพาสองเฒ่าไปส่งยังจุดหมายปลายทาง พร้อมกับปฏิเสธคำเชิญชวนอันแสนอบอุ่น และไม่ได้เข้านั่งในบ้านของอีกฝ่าย รีบตรงดิ่งไปโทรศัพท์ที่ทำการไปรษณีย์
เนื่องจากเสียเวลามากแล้ว หลังจากออกมาจากที่ทำการไปรษณีย์ หล่อนก็คิดจะตรงกลับไปมหาวิทยาลัย แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่ารองเท้าของอวี๋เซี่ยงตงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ จึงแวะไปซื้อผ้าบางส่วนเพื่อกลับไปทำรองเท้าต่อที่หอพัก
จนกระทั่งซื้อของเสร็จแล้ว หล่อนก็บังเอิญถูกใครบางคนชนเข้าจากทางด้านหลัง และสลบลงไปในทันที
ซูช่านขยับแขนได้ ทว่ามันยากเกินกว่าจะลุกขึ้นนั่ง โชคดีที่หล่อนเรียนรู้วิทยายุทธ์มาจากคุณปู่เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก และกลับไปเรียนรู้เพิ่มเติมจากพ่อเมื่อกลับไปยังปักกิ่ง แม้ว่าร่างกายจะดูบอบบาง แต่ก็แข็งแรงพอตัว
และกล้าหาญไม่น้อย
หล่อนกลั้นหายใจ พยายามทำสมาธิ และพยายามปลดเชือกขณะที่สองมือไพล่หลังอยู่
ก่อนจะได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากด้านนอก เสียงประดูดังเอี๊ยดอ๊าดและถูกเปิดออก แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาขณะที่ประตูถูกเปิดออก ตามมาด้วยคนสองคน
ซูช่านล้มตัวลงนอนทันที กลั้นหายใจและแสร้งทำเป็นยังไม่ตื่น
ลำแสงไฟฉายส่องมาทางใบหน้าหล่อน เหวี่ยงไปรอบ ๆ และเคลื่อนตัวออกไป
จากนั้นจึงได้ยินเสียงแหบแห้งพูดขึ้นว่า “ยังไม่ตื่น หรือว่าจะแข็งตาย?”
“ก็สมควรแข็งตายไปซะ! ถ้าไม่ใช่เพราะอวี๋เซี่ยงตง พวกเราจะกลายเป็นแบบนี้กันหรือไง? ลูกพี่ถูกจับ พี่น้องเสียชีวิตกันหมด ทั้งหมดเป็นเพราะอวี๋เซี่ยงตงล่อลวงให้เรามาที่นี่”
น้ำเสียงของคนหนุ่มไม่สามารถควบคุมความโกรธเอาไว้ได้
เสียงแหบพร่านั่นเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง “รอให้แก้แค้นเสร็จ เราจะกลับไปและไม่มาที่นี่อีก และอย่างมากที่สุด เราจะสร้างกลุ่มใหม่จากความสามารถของผองพี่น้อง”
“พี่อาหลู่ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก มีคนยึดครองเขตอิทธิพลเราไปแล้ว และเราไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น ตอนนั้นพี่หลงเชื่ออวี๋เซี่ยงตงมากไป ใครจะไปคิดว่ามันเป็นสายลับ”
ชายที่ชื่อพี่อาหลู่ผู้มีน้ำเสียงแหบแห้งเงียบไปครู่หนึ่งและพูดตำหนิตนเอง “มันเป็นความผิดข้าเอง แต่ก็อยากจะขอบคุณคนที่ส่งจดหมายมาหาเรา ไม่อย่างนั้นเราคงไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตพวกเราบ้าง ข้านึกว่าอวี๋เซี่ยงตงถูกฆ่าตายอยู่บนภูเขา แต่กับนึกไม่ถึง…”
ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ ตอนที่อวี๋เซี่ยงตงจากไป เขามองดูชายหนุ่มได้รับบาดเจ็บไปทั่วทั้งร่างกายด้วยความสงสาร พาไปรักษาอย่างดี และพาเขาไปส่งด้วยกัน
แต่ใครจะรู้ว่ามันเป็นพวกหมาป่าตาขาว
เขาถอนหายใจและเอื้อมมือออกไปตบไหล่ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้าง “อากง เราต้องรีบออกจากตัวเมืองเอกทันทีที่แก้แค้นเสร็จ ถ้าไม่ทันจริง ๆ ค่อยไปซ่อนตัวอยู่ตามหมู่บ้านในชายแดนที่มีคนอยู่ไม่มากนัก เอ็งยังอายุน้อย ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็รีบหาเมีย ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบ ๆ ไปเถอะ”
ซูช่านหลับตาฟังบทสนทนาระหว่างสองคน และจับใจความได้ว่าอวี๋เซี่ยงตงเคยทำให้คนพวกนี้ขุ่นเคืองใจมาก่อน อีกทั้งยังรู้ด้วยว่าอวี๋เซี่ยงตงเคยเป็นสายลับ
และคนพวกนี้กลับมาเพื่อแก้แค้น!
“ขอแค่อวี๋เซี่ยงตงมาที่นี่ อย่าคิดว่าจะเอาชีวิตรอดออกไปได้ ห้องนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยระเบิด และข้าไม่เชื่อหรอกว่าครั้งนี้มันจะรอดไปได้!”
“แล้วนังผู้หญิงนี่ล่ะ?”
“ระเบิดให้ตายไปพร้อมกัน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสงสารใคร ไปกันเถอะ ในเมื่อมันยังไม่ฟื้น ก็ออกไปรอข้างนอกก่อน ไม่รู้ว่าอวี๋เซี่ยงตงจะหาที่นี่นเจอไหม”
ทั้งสองพูดคุยขณะเดินออกไป ทว่าซูช่านไม่กล้าลืมตาขึ้นมา เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะดักรออยู่ตรงจุดไหนสักแห่ง
หล่อนรอจนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงอะไร มีเพียงนกฮูกส่งเสียงร้องออกมาท่ามกลางความมืดมิด ดูน่ากลัวเป็นพิเศษ
ซูช่านขยับแขนขาเพียงเล็กน้อย และพยายามแกะปมเชือกต่อไป
หล่อนต้องหาทางออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อนที่อวี๋เซี่ยงตงจะมาถึง จะปล่อยให้อวี๋เซี่ยงตงมาตายไม่ได้!
ปมเชือกในมือค่อย ๆ คลายออก แต่ขณะที่กำลังสะบัดเชือกออก หล่อนกลับได้ยินเสียงฮึดฮัดดังลอดออกมาจากข้างนอก ตามมาด้วยเสียงกรอบแกรบ
ซูช่านหวาดกลัวจนไม่กล้าขยับตัว คิดว่าชายทั้งสองคนกลับมาแล้ว
เสียงฮึดฮัดจากด้านนอกเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่เสียงการเคลื่อนไหวก็ชัดเจน แต่ก็ไม่มีใครเข้ามา
ซูช่านเอนตัวมอบลงกับพื้น ฟังเสียงดังกล่าวและรู้สึกราวกับของบางอย่างกำลังขุดดิน เสียงค่อนข้างดัง แต่กลับไม่มีทีท่าว่าจะเข้ามา
เธอคิดและรีบกำจัดเชือกที่มัดเอาไว้ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่คาดไม่ถึง
ซูช่านรีบลุกขึ้นนั่งหลังจากปลดเชือกในมือเสร็จเรียบร้อย เริ่มแก้เชือกที่มัดเท้าภายใต้ความมืดมิด ชายที่ลักพาตัวหล่อนมาคิดว่าหล่อนเป็นเพียงเด็กนักเรียนที่ไร้เรี่ยวแรง ดังนั้นจึงมัดปมเชือกอย่างง่าย ๆ
หล่อนใช้ความพยายามเพียงเล็กน้อยในการปลดเชือกออก ลูบข้อเท้าและลุกขึ้นยืน ทำความคุ้นเคยกับความมืดมิด เดินไปรอบ ๆ ห้องท่ามกลางความมืด ขณะได้ยินเสียงฮึดฮัดดังมาจากด้านนอก รวมถึงเสียงแกรก ๆ เบา ๆ…
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ไหวพริบดีจัง โอกาสรอดสูงแน่
ใครมากันนะ
ไหหม่า(海馬)