เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 571 ไป๋หลางหายไป
บทที่ 571 ไป๋หลางหายไป
ผู้โดยสารในรถเห็นว่าเสี่ยวเป่าน่ารัก แม้จะทำตัวเกรี้ยวกราดแต่ก็ยังดูไม่น่าเกลียด จึงพากันยิ้มแย้ม และไม่ได้พูดถึงไป๋หลางกันอีก
เนื่องจากต้องนั่งรถบัสอีกสายหนึ่งต่อไปยังสถานี กว่าสวี่ชิงจะพาเสี่ยวเป่ามาถึงสถานีรถไฟก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว
เสี่ยวเป่ามองดูผู้โดยสารในสถานีและคอยฟังเสียงรถไฟที่ดังอึกทึก เขาอ้าปากด้วยความประหลาดใจ และดึงชายเสื้อของสวี่ชิงอยู่นาน “แม่ รถไฟ เสี่ยวเป่าอยากนั่งรถไฟ”
สวี่ชิงยิ้มขณะจับมือเขา “ได้จ๊ะ เอาไว้เสี่ยวเป่าโตกว่านี้อีกสักหน่อย แล้วเราไปนั่งรถไฟเล่นกันดีไหม?”
เสี่ยวเป่าพยักหน้า และสาวเท้าเล็ก ๆ วิ่งไล่ตามแม่ไปอย่างมีความสุข
ไป๋หลางเดินตามมา มันคอยไล่ตามเสี่ยวเป่าไปทีละก้าว เพราะกลัวว่าเสี่ยวเป่าจะล้มลง
สวี่ชิงพาเสี่ยวเป่าเข้าไปรอในห้องรับรอง และไป๋หลางไปรออยู่บริเวณที่ไม่มียามเฝ้า
ไป๋หลางมองเข้าไปในห้องรับรองด้วยความเศร้าใจ มันคิดไม่ออกว่าทำไมถึงไม่ยอมให้มันเข้าไป ท้ายที่สุดมันทำได้เพียงรออยู่ข้างนอกด้วยความทุกข์ใจ
สวี่ชิงพาเสี่ยวเป่าไปที่ร้านค้า ซุนเถียนกำลังง่วนอยู่กับการขายคูปองอาหาร ทุกร้านค้าเป็นระเบียบเรียบร้อย ส่วนหวางเหวินหลงกับเฉินหวาชิงไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย
สวี่ชิงค่อนข้างประหลาดใจ และรออยู่กับเสี่ยวเป่าครู่หนึ่ง จนกระทั่งซุนเชียวเฟิ่งที่ออกมาจากร้านเหลือบเห็นสวี่ชิง “ชิงชิง ทำไมพาลูกมาที่นี่ด้วยล่ะ แล้วนั่นเสี่ยวเป่าหรือต้าเป่าน่ะ?”
“คุณอา ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ? หู่จืออาการดีขึ้นหรือยัง”
สวี่ชิงรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นซุนเชียวเฟิ่ง ตอนนี้หู่จือยังไม่หายดี บริเวณแผ่นหลังที่ถูกไฟไหม้ค่อนข้างเป็นแผลใหญ่ เขากลัวว่ากลับบ้านไปแล้วจะติดเชื้อ จึงขอพักผ่อนอยู่ที่โรงพยาบาลต่อ
ซุนเชียวเฟิ่งโบกมือ “ไม่เป็นไร อาให้พี่สาวหู่จือไปเฝ้าที่โรงพยาบาลให้แล้ว ตอนนี้กินข้าวไปเข้าห้องน้ำด้วยตัวเองได้แล้ว ลุกขึ้นมาเดินบนพื้นได้ด้วย อาเองก็ไม่เป็นไรอะไร มาช่วยกันจะได้ไม่ยุ่ง”
จากนั้นจึงย่อตัวลงไปมองเสี่ยวเป่า จ้องมองอย่างพิถีพิถัน คลี่ยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวเป่านี่เอง ดูหน้าดูตาสิ เหมือนเธออย่างกับแกะ ตอนนี้เริ่มจะจำไม่ได้แล้วสิ โตเร็วจังเลยนะ รู้สึกว่าโตขึ้นเยอะเลย”
สวี่ชิงยิ้มและลูบหัวเสี่ยวเป่า “ใช่ ฉันก็คิดว่าโตไวมากค่ะ ว่าแต่วันนี้สองคนนั้นไม่มาเหรอคะ?”
ซุนเชียวเฟิ่งส่ายหัว “พวกเราก็แปลกใจเหมือนกัน ตอนนี้ยังเรื่องนี้กันอยู่เลย ปกติสองคนนั้นมาเฝ้าทุกวันอย่างกับเทวาลัยพิทักษ์ประตู เล่นเอาคนไม่กล้าเข้ามาซื้อของกันเยอะเลย แต่พอวันนี้ไม่เตรียมของออกมาเยอะ กลับไม่มาซะงั้น”
สวี่ชิงขมวดคิ้ว หรือว่าคนเหล่านั้นจะมีกลอุบายใหม่? วันนี้ถึงได้ไม่มากัน
ชบ
เธอรอจนกระทั่งผางเจิ้งหัวว่าง จึงบอกกับผางเจิ้งหัวว่าเมื่อสองคนนั้นกลับมา จะต้องหาวิธีการตามพวกนั้นไป และอย่าให้พวกเขาจับได้
ผางเจิ้งหัวอารมณ์ดีขึ้นมาเนื่องจากทั้งสองคนนั้นไม่ได้แวะมา เขาคุยกับสวี่ชิงแล้วจึงพาเสี่ยวเป่าไปนั่งพักที่ด้านหลัง “เสี่ยวเป่าอยากกินอะไร? ลุงทำข้าวผัดเนื้อให้ดีไหม?”
เสี่ยวเป่ารีบพยักหน้าราวกับไก่จิกเมล็ดข้าวทันทีที่ได้ยินว่ามีเนื้อ “กิน เสี่ยวเป่ากิน”
ผางเจิ้งหัวเข้าไปทำข้าวผัดเนื้อให้เสี่ยวเป่าอย่างมีความสุข ในขณะที่สวี่ชิงเข้าไปพูดกับซุนเถียนอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเข้าไปกินข้าวในร้าน หลังจากเสี่ยวเป่ากินเสร็จ เขาก็ขอซาลาเปาไส้เนื้อเพิ่มสองลูก ก่อนจะเตรียมเดินลงบันไดไปป้อนให้ไป๋หลาง
ทว่าด้านล่างกลับไร้วี่แววของไป๋หลาง
สวี่ชิงจำได้ว่าไป๋หลางนั่งยอง ๆ อยู่ใกล้กับถังขยะในสถานี ไม่มีใครอยู่ที่นั่น มีเพียงแสงแดดสาดส่อง เธอจึงพาเสี่ยวเป่าไปเดินหารอบ ๆ แต่ก็ยังไร้วี่แววของไป๋หลาง
เสี่ยวเป่าหันหน้าไปมองหาไป๋หลางทั่วทุกหนทุกแห่ง อีกทั้งยังร้องตะโกนว่าต้าไป๋ กินเปาเนื้อ
สวี่ชิงเดินค้นหารอบลานจัตุรัสของทางสถานี หวาดกลัวว่าไป๋หลางจะแอบเข้าไปในห้องรับรอง เธอจึงเข้าไปหาในห้องรับรองอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่เห็นไป๋หลางอยู่ดี
หลังจากเดินค้นหามาเกือบสองชั่วโมง ผางเจิ้งหัวก็ลงมาช่วยค้นหาเช่นกัน แต่กลับไม่เห็นไป๋หลางเลย
ผางเจิ้งหัวรีบพูดปลอบเมื่อเห็นท่าทางวิตกกังวลของสวี่ชิง “ไป๋หลางอาจจะรอเธอไม่ไหว เลยกลับไปก่อนก็ได้”
ทั้งที่มีเรื่องเกิดขึ้นกับร้านค้า ทว่าเขากลับไม่เคยเห็นสีหน้ากระวนกระวายใจแบบนี้ของสวี่ชิงมาก่อน
สวี่ชิงส่ายหัว “ไม่ ไป๋หลางอยู่รอพวกเราเสมอ มันจะไม่ออกไปไหนก่อน ถ้าพวกเราไม่ออกมา มันก็จะไม่กระดิกตัวไปไหนแน่นอน เว้นแต่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับมัน”
ผางเจิ้งหัวรู้ดีว่าไป๋หลางเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของสวี่ชิง เขาจึงทำได้เพียงพูดปลอบใจ “ไม่ต้องห่วงหรอก ไป๋หลางเก่งจะตาย จะต้องไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับมันแน่”
สวี่ชิงทำได้เพียงหาเสี่ยวเป่าไปหาโจวจินหนาน
โจวจินหนานชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินว่าไป๋หลางหายไป เขามองดูสวี่ชิงที่อุ้มเสี่ยวเป่าเข้ามาในหน่วยงาน ร้องไห้ด้วยท่าทางกระวนกระวายใจ เขาจึงเอื้อมมือออกไปอุ้มเสี่ยวเป่า “ไม่ต้องห่วง ไป๋หลางน่าจะไปเจอบางอย่างเข้า ถ้ามีใครเอามันไป มันจะต้องขัดขืนแล้ว นอกเสียจากมันเต็มใจจะไปเอง”
สวี่ชิงรู้สึกถึงความอันตราย “ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ แล้วมีคนพามันไปจัดการในที่ที่ไม่มีคนล่ะ? ไป๋หลางเอาแต่อยู่บ้านจนน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น มันคงจะเคลื่อนไหวได้ไม่คล่องตัวเหมือนเมื่อก่อน”
โจวจินหนานทำอะไรไม่ถูก “คุณประเมินไป๋หลางต่ำไป ไม่ต้องห่วงมันไม่เป็นไรหรอก พวกคุณขึ้นไปนั่งพักกันก่อนเถอะ หรือว่าให้ผมพากลับบ้านเอาไหม?”
เสี่ยวเป่าสงสัยเกี่ยวกับสถานที่ทำงานของพ่อเป็นอย่างมาก คุณลุงที่ยืนเฝ้าหน้าประตูอยู่ดูน่าเกรงขามไม่เบา ในมือถือปืนไม้ นิ้วเล็ก ๆ จึงชี้ไปทางดังกล่าว “เสี่ยวเป่าอยากเห็น ปืนไม้”
สวี่ชิงรู้สึกไม่ดีที่แวะมารบกวนโจวจินหนานตลอดหลายวันนี้ “มันจะส่งผลกระทบต่องานคุณหรือเปล่า? เรากลับกันก่อนเถอะ”
เสี่ยวเป่าดีดดิ้น “อยากเห็น เสี่ยวเป่าอยากเห็น”
โจวจินหนานอุ้มเสี่ยวเป่าเดินไปวนดูรอบ ๆ ทหารรักษาการณ์ เพื่อตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเขา ก่อนจะเดินกลับมาและพูดกับสวี่ชิงว่า “ไม่เป็นไร คุณขึ้นไปรอก่อน เดี๋ยวผมขับรถไปส่งล
ปฏิกิริยาแรกของสวี่ชิงคือ “มันไม่อันตรายเหรอ?”
โจวจินหนานยิ้ม “ไม่หรอก ครั้งนี้ผมไปประชุม พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว”
สวี่ชิงตามโจวจินหนานขึ้นบันไดไปที่ชั้นบน และบังเอิญเจอเหยียนจี้ชวนที่กำลังลงมาที่ชั้นล่างพอดี เขาเดินอย่างว่องไว และหยุดชะงักชั่วขณะเมื่อเห็นสวี่ชิงกับต้าเป่า ก่อนจะเอื้อมมือไปบีบแก้มของเสี่ยวเป่า “ทำไมเจ้าตัวแสบถึงมาอยู่ที่นี่ได้? ไหนลองเรียกคุณตาสิ”
เสี่ยวเป่าชื่นชอบคุณตาเล็กผู้นี้มาก และร้องตะโกนด้วยน้ำเสียงไพเราะ “คุณตา”
เหยียนจี้ชวนจิ๊ปาก “ดีมาก รอตาเล็กทำงานเสร็จก่อนนะ เดี๋ยวตาไปซื้อลูกอมมาให้”
เขาพูด ก่อนจะหันไปทักทายสวี่ชิงและเดินจากไป
จนกระทั่งเข้ามาถึงห้องรับแขก โจวจินหนานรู้สึกพึงพอใจกับจิตใจใฝ่รู้ของสวี่ชิงเป็นอย่างมาก “ผมได้เบาะแสของซ่งจิ่นสือมาแล้ว คิดว่าเดี๋ยวอีกวันสองวันก็หาตัวเจอ คุณรอผมอยู่ที่นี่ก่อนนะ ผมจะไปเตรียมของแล้วเราค่อยออกไปกัน”
โจวจินหนานเดินกลับเข้ามาอย่างว่องไว ในมือถือกระเป๋าเอกสารและเดินเข้ามาอุ้มเสี่ยวเป่า “ไปกันเถอะ ผมจะพาพวกคุณไปส่งบ้านก่อน จะไม่แวะกินข้าวที่บ้านนะ ส่วนไป๋หลางไม่ต้องไปห่วงมันหรอก มันทำธุระเสร็จแล้วเดี๋ยวก็กลับบ้านเอง”
สวี่ชิงรู้ดีว่าไป๋หลางฉลาด ทว่าการรู้วิธีกลับบ้านหลังเลิกมันดูค่อนข้างจะน่าสะพรึงกลัวเกินไป เพราะไม่ว่ามันจะฉลาดแค่ไหน มันก็ไม่ใช่มนุษย์อยู่ดี
แม้แต่ตอนที่โดนจับ ก็ไม่เคยส่งร้องขอความช่วยเหลือ!
เธอกลับบ้านไปพร้อมกับจินตนาการที่เริ่มฟุ้งซ่าน ทว่าไป๋หลางกลับไม่อยู่ที่นั่น มีเพียงแมวดำที่หมอบอยู่บนกำแพง แลเหมือนก้อนถ่านสีดำ จ้องมองมาด้วยสายตาเย็นชา…
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไป๋หลางหายไปไหนอีกแล้วอ่า ใจคอไม่ดีเลย กลัวน้องโดนฝ่ายตรงข้ามล่อลวงไป
ไหหม่า(海馬)