เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 566 ความปรารถนาที่ยังไม่สำเร็จ
บทที่ 566 ความปรารถนาที่ยังไม่สำเร็จ
การพบเจอฉินเสวี่ยเหมยทำให้สวี่ชิงรู้สึกหดหู่ใจมากขึ้น
ในใจไม่รู้ควรจะรู้สึกอย่างไร เธอเคยคิดอยากจะดึงฉินเสวี่ยเหมยออกจากโคลนตม เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายต้องทุกข์ทรมานเหมือนในชาติที่แล้ว
ไม่อยากให้ลงเอยเหมือนชาติที่แล้ว ทว่าทำไมมันกลับกลายมาเป็นอย่างนี้
เธอรู้สึกเสียใจที่ไม่น่าไปแนะนำฉินเสวี่ยเหมยให้รู้จักกับสวีหย่วนตงเลย
โจวจินหนานสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันของสวี่ชิง อุบัติเหตุในร้านค้าไม่ได้ทำให้เธอตกอยู่ในสภาวะซึมเศร้าแม้แต่น้อย และไม่ได้ทำให้แสงสว่างในดวงตาเธอพร่ามัวลงด้วยซ้ำ
แต่หลังจากที่เห็นฉินเสวี่ยเหมย อารมณ์ของเธอกลับเศร้าหมองลงทันที
เขาเงียบไปครู่หนึ่งและพูดขึ้นว่า “คุณไม่ต้องโทษตัวเองหรอก สวีหย่วนตงยังเป็นคนดีอยู่ แค่บางครั้งคนเราก็หลงลืมตนเองไป จนผยองและหยิ่งยโสขึ้น”
สวี่ชิงถอนหายใจขณะรู้ว่าเขากำลังพูดถึงฉินเสวี่ยเหมยอยู่ “เสวี่ยเหมยมีคุณธรรมมากนะคะ ตอนนั้นไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับฉันด้วยซ้ำ แต่หล่อนกลับคอยตามติดฉันและเชื่อว่าฉันเป็นผู้บริสุทธิ์ พ่อแม่หล่อนพร่ำด่าอยู่ตั้งหลายครั้ง แต่หล่อนก็ยังไปมาหาสู่กับฉันทุกครั้งที่ว่าง”
“ฉันจะไม่มีวันลืมมิตรภาพนี้ไปอีกตลอดชีวิต แต่ไม่รู้ว่าสุดท้ายมันมาลงเอยแบบนี้ได้ยังไง? ถ้าเป็นคนอื่น ฉันคงจะตัดเพื่อนไปแล้ว เพราะงั้นเสวี่ยเหมยถึงได้มีความหมายแตกต่างออกไปสำหรับฉันมาก”
โจวจินหนานตบเบาะหลังรถจักรยาน “ขึ้นมานั่งสิ กลับถึงบ้านแล้วค่อยคุยกัน ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายใจ หล่อนเองก็คงจะรู้สึกไม่สบายใจเหมือนกัน เพราะงั้นค่อยหาเวลาไปคลี่คลายปมในใจคุณทีหลังเถอะนะ”
สวี่ชิงขึ้นไปนั่งบนเบาะหลังอย่างเชื่อฟัง โอบมือรอบเอวโจวจินหนานและเอนตัวพิงหลังของเขา “โจวจินหนาน คุณว่าเราจะทะเลาะกันไหมคะ?”
โจวจินหนานไม่รู้ว่าควรจะตอบคำถามนี้อย่างไรดี หลังจากคลุกคลีกันมายาวนาน เขาก็รู้ดีว่าหญิงสาวด้านหลังจะต้องยกประเด็นบางอย่างซึ่งเต็มไปด้วยกับดักขึ้นมา และเขาจะต้องระมัดระวังตัวด้วยการทำเป็นตอบคำถามไม่ได้
สวี่ชิงถอนหายใจเบา ๆ “คุณพอจะรู้ไหมคะว่าตอนนี้เสวี่ยเหมยกับหย่วนตงเข้ากันได้ดีหรือเปล่า?”
โจวจินหนานไม่รู้จริง ๆ “ช่วงนี้หย่วนตงงานยุ่งมาก พวกเราพบปะกันแค่ช่วงเวลาทำงานเท่านั้น ไม่ได้คุยอะไรกันเลย หรือว่าให้ผมไปถามให้คุณดีไหม?”
สวี่ชิงระเบิดเสียงหัวเราะ จะไปถามเจาะจงแบบนั้นได้อย่างไร?
ทั้งสองกลับมาถึงบ้านแล้ว และพบว่าเด็กน้อยทั้งสองคนยังไม่ยอมนอน ดวงตาของเสี่ยวเป่าค่อย ๆ หรี่ปรือลงอย่างยากที่จะควบคุม ศีรษะน้อย ๆ เริ่มสับปะหงกทีละนิด ถึงกระนั้นเขากลับยืนหยัดที่จะไม่ยอมนอน
ต้าเป่านั่งเงียบ ๆ อยู่บนที่นอน มองดูพ่อแม่เดินเข้าประตูมา ในขณะที่ปากน้อย ๆ เริ่มเปิดกว้าง เผยให้รอยยิ้มและฟันซี่ขาว
สวี่ชิงยิ้มขณะใช้เรียวนิ้วเย็นลูบไล้ใบหน้าที่นุ่มนวลและบอบบางของต้าเป่า มองดูเขาหดคอ หัวเราะคิกคักและดึงมือเธอออก “ทำไมไม่นอนกันล่ะลูก?”
เย่หนานทำอะไรไม่ถูก “ก็รอให้พวกลูกกลับมากันน่ะสิ เสี่ยวเป่าผล็อยหลับไปแล้ว แต่ตื่นขึ้นมาร้องหาแม่อีกรอบ เจ้าเด็กคนนี้ติดแม่แจแบบนี้ได้ยังไง”
สวี่ชิงยิ้มขณะหอมแก้มเสี่ยวเป่ากับต้าเป่า “ไม่เป็นไรค่ะ เด็กผู้ชายตอนเด็กก็ติดหนึบกันแบบนี้แหละ พอได้รับความรักจากแม่เพียงพอแล้ว โตขึ้นไปจะได้กลายเป็นคนมีความรับผิดชอบ”
เย่หนานถามทั้งสองคนว่ากินข้าวกันมาหรือยัง และสอบถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในร้าน
หล่อนขมวดคิ้วทันทีเมื่อได้ยินสวี่ชิงบอกว่าอาจจะเป็นฝีมือคน “ใครทำ?”
สวี่ชิงกดไหล่เย่หนานเพื่อให้หล่อนนั่งลง “ไม่ต้องกังวล เรากำลังเดากันอยู่ค่ะ แต่จะว่าไปฉันเองก็ทำให้ใครหลายคนขุ่นเคืองเหมือนกัน”
ใครจะไปรู้ว่าไปบังเอิญทำให้คนอื่นรู้สึกไม่พอใจตรงไหน
เย่หนานส่งเสียงฮึ่ม “แม่จะบอกให้นะ ลืมเรื่องร้านอาหารนั้นไปซะ ลูกจะได้ไปเรียนอย่างสบายใจ แค่เงินเดือนของจินหนานก็พอจะเลี้ยงทั้งสี่คนได้แล้ว เอาไว้แม่ว่างแล้วจะไปตั้งร้านขายแผงลอยบ้าง”
สวี่ชิงส่ายหน้า “ไม่ได้ค่ะ ถ้าฉันไม่ทำ แล้วพวกเจิ้งหัวจะทำยังไง? อีกอย่าง แม่คะ ช่วยทำขี้ผึ้งให้หน่อยได้ไหมคะ? เอาแบบที่ไม่ทิ้งรอยแผลเป็น”
เย่หนานเลิกคิ้ว “จะมีปัญหาอะไรอีก เว้นแต่ต้องหาสมุนไพรมีค่าและหายาก ซึ่งบางอย่างก็อยู่ในท้องทะเลลึกที่พวกเราไม่มี”
ดวงตาของสวี่ชิงเป็นประกาย “เยี่ยมไปเลยค่ะ แม่บอกมาได้เลยว่าแม่ต้องการอะไร จดใส่กระดาษไว้แล้วเดี๋ยวฉันจะไปหามาให้ แม่เคยเห็นหู่จือมาก่อนนี่คะ หน้าเขาโดนไฟลวก เขายังอายุไม่ถึงยี่สิบปีและยังไม่มีคู่ครองด้วย เดิมทีเขามีแผลเป็นบนใบหน้าอยู่แล้ว นี่มามีแผลจากไฟลวกอีก เขาจะต้องเศร้าแน่เลยค่ะ”
เย่หนานตอบตกลงอย่างง่ายดาย “เดี๋ยวแม่มาบอกลูกพรุ่งนี้ ลูกกับจินหนานไปกินข้าวกันก่อนเถอะ ยังพอมีข้าวเหลืออยู่ในหม้อ”
จากนั้นหล่อนก็พูดพึมพำขึ้นมาว่า “ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนใจดีไปแล้วสินะ”
สวี่ชิงหัวเราะฮ่าๆ ขณะโอบกอดเย่หนาน และอุ้มลูกน้อยทั้งสองกลับไปนอนที่ห้องตนเอง
ต้าเป่าที่ไม่ได้นอนกับแม่มานานรู้สึกเขินอายเล็กน้อย รีบเอื้อมมือเล็ก ๆ ออกมาปิดปาก และมองไปที่สวี่ชิงด้วยดวงตาแวววาว
สวี่ชิงยกยิ้มขณะมองดูลูกชาย “ต้าเป่ายังเขินอยู่เหรอ? ต่อจากนี้ไปมานอนกับแม่ไหมจ๊ะ?”
ต้าเป่าเหยียดมือสองข้างขึ้นเหนือหัว กุมศีรษะและพยักหน้าด้วยท่าทางน่ารัก
หายากนักที่สวี่ชิงจะปล่อยไป เธอหอมและกอดลูกชายตัวน้อยทั้งสองเอาไว้ในอ้อมแขน ในที่สุดเรื่องเลวร้ายในวันนี้ก็สงบลงเสียที
ในวันรุ่งขึ้น สวี่ชิงขอลาหยุดและมาจัดการกับค่าชดเชยต่าง ๆ อีกทั้งยังขอให้หน่วยงานดับเพลิงตรวจสอบรายงานอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
โจวจินหนานยุ่งมากเช่นกัน เขาต้องแปลเอกสารต่างๆ รวมถึงทำงานที่ได้รับมอบหมายจากเบื้องบน
ตามคำพูดของเหยียนจี้ชวนแล้ว คนอย่างพวกเขาครั้งเมื่อมีชีวิตอยู่ ผู้อื่นก็ไม่อาจรู้ได้ว่ากำลังทำอะไร ครั้งเมื่อตายแล้วก็ยังไม่ได้เข้าสุสานของผู้กล้า
ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะความชอบและความทุ่มเทล้วน ๆ
เหยียนจี้ชวนกำลังยุ่งอยู่กับการตามหาซ่งจิ่นสือ เนื่องจากเขารู้เรื่องมากเกินไป หากมีใครลักพาตัวเขาไป ผลลัพธ์ที่ตามมาจะเลวร้ายยิ่งกว่า
ทั้งสองยุ่งมากจนกินข้าวไม่ตรงเวลา ออกจากบ้านแต่เช้าและกลับบ้านมืดค่ำ
เหยียนจี้ชวนยุ่งมากเสียจนไม่มีเวลาแวะไปเยี่ยมฉินเฟย ทั้งที่ได้รับฉายานามว่าจิ้งจอกเฒ่า แต่กลับไม่สามารถจัดการกับหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ได้ มันช่างน่าละอายเกินกว่าจะพูดออกไปเสียอีก
อีกทั้งยังรู้สึกว่าความคิดเห็นของสวี่ชิงไม่น่าเชื่อถือ เขาจึงรอให้เรื่องนี้จบลงก่อน
ขณะที่ทุกคนกำลังยุ่งมาก เย่หนานกับเฟิงซูฮวาคอยดูแลต้าเป่ากับเสี่ยวเป่าอยู่ที่บ้าน
โชคดีที่ไป๋หลางกับแมวดำคอยช่วยดูแลเด็กน้อยทั้งสองได้ดี พวกมันคอยปกป้องกันไม่เด็กน้อยล้มลง และเป็นผู้แรกที่วิ่งออกไปช่วยเหลือเมื่อเด็กน้อยตกอยู่ในอันตราย
สิ่งเดียวที่ทำให้เย่หนานรู้สึกลำบากใจคือแมวดำที่ชอบทำตัวไร้เหตุผล เมื่อใดก็ตามที่คนนอกเข้ามาแตะต้องต้าเป่ากับเสี่ยวเป่า มันจะรีบกระโดดออกไปข่วนคนคนนั้นทันที
เพื่อความปลอดภัย ต้าเป่ากับเสี่ยวเป่าจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอก เกรงว่าแมวดำจะเผลอไปข่วนใครสักคนเข้า แม้การจ่ายค่ารักษาพยาบาลย่อมเป็นเรื่องเล็กน้อย ทว่ามันอาจถูกคนที่เกลียดชังฆ่าตายได้
เฟิงซูฮวานั่งอาบแดดอยู่ที่ลานบ้าน เฝ้าดูเด็กน้อยทั้งสองที่แต่งตัวเหมือนกับลูกบอล ใบหน้าจิ้มลิ้มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อขณะเดินไปหยิบลูกบอลหิมะมาเล่น เธอยิ้มและพูดขึ้นว่า “อาหนาน ไว้ชิงชิงเสร็จงานแล้ว ป้าว่าจะออกไปข้างนอกหน่อยนะ”
เย่หนานตกใจ “ป้าจะไปไหน? ไม่ได้ออกจากตัวเมืองเอกมาตั้งหลายปีแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เฟิงซูฮวาจ้องมองไปทางด้านหน้าด้วยท่าทางสบาย ๆ “ป้าว่าจะไปขอพรที่ปักกิ่งสักหน่อย”
เย่หนานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ให้ฉันไปด้วยไหมคะ? ถ้าป้าออกไปแบบนี้ อย่าว่าแต่สวี่ชิงจะไม่เป็นห่วงเลย ฉันเองก็เป็นห่วง”
เฟิงซูฮวาไม่ปฏิเสธ “ได้ งั้นเธอก็ควรไปท่องเที่ยวที่ปักกิ่งซะบ้าง!”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ย่าเฟิงมีอะไรติดค้างในใจจนต้องไปปักกิ่งกันนะ
ไหหม่า(海馬)