เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 560 เรื่องคอขาดบาดตาย
บทที่ 560 เรื่องคอขาดบาดตาย
ฉินเหมียวเหมียวรู้สึกกังวลเล็กน้อย จึงเดินหาที่ห้องพักผู้ป่วยอีกรอบหนึ่ง แต่พบว่าแม้กระทั่งคนดูแลประจำของซ่งจิ่นสือก็ไม่อยู่ ตู้ตรงหัวเตียงยังมีหนังสืออยู่เต็ม
แม้แต่ในตู้เสื้อผ้าก็เปลี่ยนเสื้อที่ซักเรียบร้อยแล้ววางเอาไว้เต็มทั้งตู้ ดังนั้นน่าจะไม่ใช่การออกจากโรงพยาบาล หรือว่าเพียงออกไปเดินเล่น
ฉินเหมียวเหมียวมาถึงที่นี่แล้ว อย่างไรก็ต้องเห็นคนถึงจะกลับไปคิดวิธีการได้ จึงเดินหาในสวนของโรงพยาบาลรอบหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็หาซ่งจิ่นสือไม่เจอ
สิ่งที่ทำให้หล่อนคิดไม่ออกก็คือ ตอนซ่งจิ่นสือออกไป ทำไมไม่มีใครเห็นเลย!
ฉินเหมียวเหมียวรอจนกระทั่งผ่านมื้อเที่ยงไปแล้ว ก็ไม่เห็นว่าซ่งจิ่นสือจะกลับมา ในใจพลันรู้สึกวูบโหวง หรือว่าจะออกไปหาเพื่อนกินข้าวด้วยกันแล้วถึงค่อยกลับมาอะไรแบบนี้กันนะ?
แต่ด้วยนิสัยของซ่งจิ่นสือ และจากการสังเกตการณ์มาเป็นเวลานานขนาดนั้น ก็พบว่าเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะมีเพื่อน?
ฉินเหมียวเหมียวไม่เข้าใจ หอบหิ้วซุปนกพิราบไปหาสวี่ชิง ถึงอย่างไรที่นี่ก็ห่างจากบ้านของสวี่ชิงไม่ไกล ตอนนี้เป็นเวลาพักเที่ยง สวี่ชิงก็น่าจะอยู่บ้าน
เมื่อเข้ามาในพื้นที่เขตวิทยาลัย เธอก็พุ่งตรงไปที่บริเวณหมู่บ้านทันที แต่คิดไม่ถึงว่าระหว่างทางจะเจอซูซ่านเข้า
ซูซ่านเห็นฉินเหมียวเหมียวก็ประหลาดใจมากเช่นกัน กอดกระเป๋านักเรียนอย่างเคอะเขินเล็กน้อย แล้วทักทายฉินเหมียวเหมียว “วันนี้เธอไม่ได้ทำงานเหรอ? แล้วนี่ไปหาสวี่ชิงหรือเปล่า?”
ฉินเหมียวเหมียวพยักหน้าติดกัน “ใช่ ๆ คุณก็จะไปหาสวี่ชิงเหมือนกันเหรอ?”
ซูซ่านคิดถึงจุดประสงค์ของหล่อนแล้วก็พยักหน้า “อืม ถือว่าใช่แล้วกัน งั้นพวกเราไปด้วยกันไหม?”
ฉินเหมียวเหมียวชอบผูกมิตร อีกทั้งยังรู้สึกเหมือนผู้แข็งแกร่งปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่าด้วย เมื่อมองซูซ่านที่ดูนุ่มนิ่ม ทั้งยังสวยเหมือนตุ๊กตากระเบื้องเคลือบที่มีท่าทางถูกคนอื่นรังแกได้ง่าย บวกกับซูซ่านเองก็มีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับสวี่ชิงด้วย จึงยินยอมให้ซูซ่านมาอยู่ใต้ปีกตัวเองเป็นธรรมดา
พอคิดว่าอยากปกป้องซูซ่านก็เข้าไปคล่องแขนของซูซ่านอย่างสนิทสนม “ปิดเทอมสองเธอจะกลับบ้านไหม? ถ้าไม่กลับบ้านมาฉลองปีใหม่ที่บ้านฉันไหม ครอบครัวฉันมีพ่อฉันแม่ฉันแล้วก็พี่สาวฉัน เป็นคนดีมากเลยนะ”
ซูซ่านได้รับความกระตือรือร้นของฉินเหมียวเหมียวจนทำตัวไม่ถูก ส่ายหน้าอย่างซื่อๆ “ไม่กลับจ้ะ ปิดเทอมสองสั้นนิดเดียว เดินทางกลับบ้านก็ปาเข้าไปสิบวันแล้ว แต่ว่าถึงตอนนั้นครอบครัวฉันคงจะมาหาฉันนั่นแหละ”
ฉินเหมียวเหมียวออกไปตะลอนข้างออกหลายเดือน จึงย่อมเข้าใจความรู้สึกจากบ้านไปไกลดี โดยเฉพาะเมื่อถึงช่วงเทศกาลปีใหม่แล้วไม่สามารถกลับบ้านได้ ก็พลันปวดใจแทนซูซ่าน “ถึงตอนนั้นมหาวิทยาลัยคงไม่มีข้าวกลางวันกินแล้วใช่ไหม? งั้นเธอไปอยู่บ้านฉันสิ ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
ซูซ่านเม้มปากกลั้นยิ้ม ไม่รู้ว่าควรจะปฏิเสธความหวังดีของฉินเหมียวเหมียวอย่างไรดี แต่หล่อนชอบความตรงไปตรงมาและใจดีของฉินเหมียวเหมียวมาก
อีกฝ่ายช่างใจดีอย่างจริงใจนัก และยังเปิดเผยความห่วงใยแบบนั้นกับความชอบออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ หล่อนยกยิ้มแล้วเปลี่ยนเรื่อง “วันหยุดวันนี้เธอไม่ได้ไปหาอาจารย์ซ่งที่โรงพยาบาลเหรอจ๊ะ?”
ฉินเหมียวเหมียวยังรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ไปมาแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ทำไม อาจารย์ซ่งกลับไม่อยู่ที่โรงพยาบาล คิดว่าคงออกไปหาเพื่อนมั้ง”
ซูซ่านถามอีกประโยคหนึ่ง “ร่างกายของอาจารย์เป็นยังไงบ้างคะ ดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
ฉินเหมียวเหมียวเองก็ไม่ชัดเจนนัก “ฉันก็ไม่ได้มาเยี่ยมสองสามวันแล้วเหมือนกัน น่าจะยังเหมือนกันมั้ง? ได้ยินว่าผลมาจากโรคเรื้อรังตั้งแต่เด็ก กว่าจะดีขึ้นไม่ใช่เรื่องง่าย”
ซูซ่านยกยิ้ม “อาจารย์ซ่งเป็นคนที่โดดเด่นมากคนหนึ่งเลย”
แต่ใครก็ตามที่มีส่วนร่วมในงานวิจัยยุคสมัยนี้ต่างก็โดดเด่นไม่ธรรมดากันทั้งนั้น
ฉินเหมียวเหมียวครุ่นคิด จู่ ๆ ก็รู้สึกคุ้นเคยคำพูดแบบนี้ แต่คิดไม่ออกว่าเคยได้ยินที่ไหน? หรือว่าจะเคยได้ยินจากในละครจำพวกนั้นกันนะ?
หล่อนเพียงสงสัยเล็กน้อย แล้วก็พลันลืมไปเสียสนิท เนื่องจากหล่อนมักจะพบเรื่องราวบางอย่างกับคำพูดบางอย่างที่ทำให้รู้สึกเหมือนเคยได้ยินหรือได้เจอมาก่อนเสมอ
ท้ายที่สุดก็เดินคล้องแขนกับซูซ่านตลอดทางเดินไปหาสวี่ชิง
สวี่ชิงประหลาดใจมากที่เห็นซูซ่านมากันฉินเหมียวเหมียว “ทำไมพวกเธอสองคนถึงมาด้วยกันล่ะ?”
ฉินเหมียวเหมียวยกกล่องข้าวในมือมาแกว่ง “ ฉันอยากให้เสี่ยวเป่าลองชิมซุปนกพิราบของฉันดูว่าฝีมือฉันพัฒนาบ้างหรือเปล่าน่ะ”
สวี่ชิงยกยิ้ม “งั้นก็ไม่บังเอิญเท่าไหร่ เสี่ยวเป่ากับต้าเป่ากำลังนอนหลับอยู่ แต่ดูจากอารมณ์ของเธอช่วงนี้ ฝีมือการทำอาหารคงจะก้าวหน้าขึ้นมาก เมื่อกี้ไปเยี่ยมซ่งจิ่นสือมาหรือจ๊ะ?”
ประโยคสุดท้ายน้ำเสียงแฝงความหยอกล้ออย่างชัดเจน
ฉินเหมียวเหมียวก็หน้าหนา ไม่ได้ปิดบังสวี่ชิงเรื่องที่ชอบซ่งจิ่นสือเช่นกัน หัวเราะเหอะ ๆ “ใช่จ้ะ ตอนแรกฉันว่าจะเอาไปให้อาจารย์ซ่ง แต่ว่าสุดท้ายอาจารย์ซ่งก็ไม่อยู่”
สวี่ชิงยิ้มแล้วเรียกทั้งสองเข้าบ้าน สุดท้ายก็มองซูซ่านอย่างลังเลเล็กน้อย ด้วยรู้ว่าหล่อนมาหาอวี๋เซี่ยงตง จึงพยักเพยิดหน้าไปทางห้องของอวี๋เซี่ยงตง “ซูซ่าน เธอต้องไปตรวจขาของอวี๋เซี่ยงตงใช่ไหม? เขาเพิ่งกลับเข้าห้องไปน่ะ”
ซูซ่านรู้สึกเขินเล็กน้อย ใบหน้าแดงก่ำขณะเดินไปหาอวี๋เซี่ยงตง
ฉินเหมียวเหมียวเข้าไปในห้องตามสวี่ชิง ถึงค่อยกระแอมไอถามอย่างอดไม่อยู่ “ซูซ่านกับอวี๋เซี่ยงตงคบกันแล้วเหรอ?”
สวี่ชิงส่ายหน้า “ยังหรอก พวกเขาอยุ่ด้วยกัน เธอนึกเสียใจหรือเปล่า?”
ฉินเหมียวเหมียวหัวเราะเยาะเย้ย “ฉันจะเสียใจอะไรล่ะ ตอนนี้ฉันไม่ได้ชอบอวี๋เซี่ยงตงแล้ว เธอเองก็รู้ว่าตอนนี้ฉันชอบซ่งจิ่นสือ เธอไม่รู้หรอกว่าท่าทางเวลาซ่งจิ่นสืออ่านหนังสือมันน่าหลงใหลมากขนาดไหน ไอหยา จริงสิ เธอเห็นรึยังว่าเสียงที่ซ่งจิ่นสือพูดก็เพราะมากเลย”
หล่อนนั่งลงเท้าคางพูดอย่างไม่อายแม้แต่น้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยความหลงใหล
สวี่ชิงรู้สึกร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก นี่มันอะไรกันเนี่ย? เป็นเพียงความชอบชั่ววูบเท่านั้นเองเหรอ กระทั่งความเสียใจก็ยังไม่มี
ฉินเหมียวเหมียวเห็นสวี่ชิงไม่พูดไม่จาก็จี้ถามเธอต่อ “ทำไมเธอถึงไม่พบว่าเสียงของซ่งจิ่นสือเพราะมาก ๆ ล่ะ เขาพูดภาษาจีนกลางได้ดีมากเลยนะ ไหนจะน้ำเสียงนุ่มเย็นที่ฟังแล้วรู้สึกสบายนั่นอีก”
สวี่ชิงเออออห่อหมกตามความเพ้อเจ้อของหล่อน “จ้ะ ๆ เพราะมาก จริงสิ ทำไมซ่งจิ่นสือไม่ไปโรงพยาบาลล่ะ?”
ฉินเหมียวเหมียวส่ายหน้า “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน น่าจะออกไปหาเพื่อนอะไรแบบนี้มั้ง ถึงอย่างไรก็ต้องออกไปเดินเล่นบ้าง วัน ๆ เอาแต่อยู่โรงพยาบาลคงเป็นบ้าตายก่อน”
สวี่ชิงมุ่นคิ้ว รู้สึกว่าท่าทางของซ่งจิ่นสือดูไม่น่ามีเพื่อนในเมืองเอกได้ ผ่านมานานขนาดนี้ ยังไม่เคยมีคนมาเยี่ยมเขาเลย
ฉินเหมียวเหมียวเองก็ไม่ได้ทำให้เสียเวลานาน ที่สำคัญคือกลัวว่าจะกระทบการเข้าเรียนของสวี่ชิง จึงวางซุปนกพิราบเอาไว้ กำชับสวี่ชิงว่ารอให้เสี่ยวเป่าตื่นแล้วให้เขาลองชิมดู
ดูสิว่าซุปนกพิราบของหล่อนมีพัฒนาการบ้างไหม
ทั้งสองพูดไปด้วยเดินออกมาจากห้องไปด้วย ก็เจอซูซ่านออกมาจากห้องของอวี๋เซี่ยตงพอดี ใบหน้าแดงไปทั้งแถบราวกับคนเป็นไข้
เมื่อเห็นสวี่ชิงกับฉินเหมียวเหมียว ใบหน้าก็ยิ่งแดงหนักเข้าไปอีก แต่ก็แกล้งทำเป็นปกติแล้วบอกลาทั้งสอง
สวี่ชิงกับฉินเหมียวเหมียวประหลาดใจ แล้วก็กลัวว่าซูซ่านจะรู้สึกเขิน จึงกดความรู้สึกสงสัยเอาไว้ในใจแล้วตามซูซ่านออกมาหน้าประตูใหญ่
อวี๋เซี่ยงตงที่อยู่ภายในห้องก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันเท่าใดนัก ตัวร้อนผ่าวราวกับเป็นไข้
ตั้งแต่เมื่อไรกันที่เขาไม่เคยรู้สึกขายหน้าคนขนาดนี้มาก่อน?
สองสามวันก่อนหน้านี้มีเพื่อนร่วมงานมาเยี่ยมเขา แล้วเอานิตยสารที่ได้มาจากฮ่องกงจากทางนั้นสองสามเล่ม ผู้หญิงบนหน้าปกสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น มองแล้วทำให้คนรู้สึกหน้าแดงไม่ได้
บอกให้เขาฆ่าเวลา เขาพลิกดูสองสามหน้าก็ปิดแล้วเอาไว้ใต้หมอน
ใครจะคิดว่าวันนี้เขาว่างไม่มีอะไรทำ หยิบมันออกมาเปิดดู เตรียมจะเอาไปให้โจวจินหนาน จะได้ลากโจวจินหนานลงเรือลำเดียวกัน
ยังคิดอีกว่าเดี๋ยวจะเอาแบบเป็นวีดีโอมาให้โจวจินหนานดูด้วย ได้ยินว่าตอนนี้มีวิดีโอที่อาจหาญแบบนั้นด้วย
ผลสุดท้ายตอนซูซ่านเคาะประตูทำเขาตกใจรีบซ่อนเอาไว้ในผ้าห่ม บนต้นขา
หลังซูซ่านเข้ามาก็พูดกับเขาสักพัก แล้วก็หยิบเสื้อสเวตเตอร์ที่ถักใหม่มาให้เขาลอง และกลายเป็นว่าพอผ้าห่มสะบัดออก นิตยสารเล่มนั้นก็กางออกในตำแหน่งที่ไม่ควรเห็น…..
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เซี่ยงตงโดนวางยาเข้าแล้ว งานนี้ก็มีเขินน่ะสิ
ไหหม่า(海馬)