เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 56 ความลับแห่งปี
บทที่ 56 ความลับแห่งปี
โจวจินหนานนั่งอยู่ที่โต๊ะ เมื่อได้ยินซูฮุ่ยหรูเดินเข้าประตูมา เขาก็ไม่ได้สนใจที่จะหันไปทักทาย
ซูฮุ่ยหรูปิดประตูและยืนตรงหน้าโจวจินหนานห่างออกไปประมาณหนึ่งเมตร จ้องมองลูกชายด้วยความขุ่นเคือง “นี่ก็ผ่านมากว่าสิบปีแล้ว แม่รู้ว่าลูกเกลียดแม่ แต่อย่างน้อยลูกก็ควรบอกเหตุผลเพื่อที่แม่จะได้เข้าใจ”
โจวจินหนาน ‘จ้องมอง’ ซูฮุ่ยหรู ริมฝีปากเม้มสนิทด้วยความโกรธ กำหมัดแน่นโดยไม่พูดอะไร
ซูฮุ่ยหรูไม่ต้องการปล่อยผ่าน “ไม่ว่ายังไงแม่ก็เป็นแม่ของลูก แม่คิดว่าตัวเองมีคุณสมบัติเพียงพอและพยายามทำหน้าที่อย่างดีที่สุดเพื่อลูกและน้องชาย”
โจวจินหนานแสยะยิ้มพลางกล่าว “เอาล่ะ ถ้าอย่างงั้นผมขอถามได้ไหมว่าโจวจินซวนเป็นลูกของใคร? ลูกของพ่อผมจริง ๆ รึเปล่า?”
ซูฮุ่ยหรูมองโจวจินหนานด้วยความตกใจ มือและเท้าของหล่อนพลันเย็นเฉียบ “ลูกหมายความว่าไง…”
เสียงของหล่อนสั่นเครือโดยไม่ได้ตั้งใจ
หล่อนไม่คาดคิดว่าโจวจินหนานจะรู้ทุกอย่าง!
โจวจินหนานเยาะเย้ย “คุณถามผมไม่ใช่เหรอว่าทำไมผมถึงเฉยเมยต่อคุณนัก? นั่นแหละคือคำตอบ! คุณไม่จำเป็นต้องแสร้งทำตัวใสซื่อต่อหน้าผม ผมไม่บอกความลับของคุณกับโจวเฉิงเฉียนให้ใครรู้หรอก”
ซูฮุ่ยหรูกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “อย่าพูดจาไร้สาระ เขาเป็นลุงของลูกนะ”
โจวจินหนานยิ้มอย่างประชดประชัน “ใช่ เขาเป็นลุงของผม และโจวจินซวนก็เป็นน้องชายต่างพ่อของผม สิ่งที่คุณทำมันน่าขยะแขยงมาก”
เมื่อได้ยินดังนั้นซูฮุ่ยหรูก็เข้าใจทันทีว่าโจวจินหนานรู้ทุกอย่างแล้ว บางทีอาจรู้มากกว่าที่หล่อนคาดเดาไว้
ดวงตาของซูฮุ่ยหรูพลันแดงก่ำพลางกล่าวด้วยความรู้สึกสมเพช “จินหนาน แม่เองก็รู้สึกผิดและขมขื่นที่เคยทำแบบนั้น แต่ตอนนี้แม่กับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว”
อย่างไรก็ตาม โจวจินหนานไม่เคยลืมว่าเมื่อครั้งอายุสิบสี่หรือสิบห้าปี พ่อของเขาถูกส่งไปยังเมืองหลวงเพื่อศึกษาต่อ จากนั้นซูฮุ่ยหรูก็พาเขาและจินซวนกลับไปอาศัยอยู่ที่บ้านเกิดในชนบท
ลุงโจวเฉิงเฉียนมักจะมาหาพวกเขาอยู่บ่อยครั้งพร้อมนำของติดไม้ติดมือมาให้ บางก็เป็นบะหมี่ บ้างก็เป็นข้าวโพดป่น ในขณะนั้นพวกเขากำลังหิวโหย ไม่ว่าอาหารชนิดใดก็ถือว่าล้ำค่า
โจวจินหนานรู้สึกมาตลอดว่าลุงเป็นคนดี แม้พ่อของเขาจะไม่อยู่บ้าน แต่โจวเฉิงเฉียนก็ยังทำหน้าที่ดูแลครอบครัวของพวกเขาแทน
วันหนึ่งโจวเฉิงเฉียนมาพร้อมกับหมูหนึ่งชิ้นหนาสี่นิ้ว เนื้อล้วนไม่ติดมัน สีแดงสด มองแล้วดูน่าอร่อยเป็นอย่างมาก
ซูฮุ่ยหรูยังคงทำเหมือนเดิม ทุกครั้งที่โจวเฉิงเฉียนเดินทางมาหา หล่อนมักจะส่งเขาและโจวจินซวนไปเก็บเห็ดหรือหาฟืนในป่าพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่าจะทำเกี๊ยวให้พวกเขากินเป็นอาหารเย็น
โจวจินหนานออกไปด้วยความสุขได้เพียงครึ่งทางก็นึกขึ้นได้ว่าตนลืมหยิบเคียวออกมาด้วย จึงรีบกลับบ้านเพื่อไปเอาเคียว
เมื่อกลับไปถึงบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงครวญครางของซูฮุ่ยหรูจากห้องนอนของหล่อน ราวกับว่าหล่อนรู้สึกเจ็บปวดจนทานทนไม่ไหว
โจวจินหนานตกตะลึงเป็นอย่างมาก จึงเดินไปยังห้องนอนของผู้เป็นแม่ เนื่องจากประตูห้องแง้มอยู่ เด็กหนุ่มจึงมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แม่และลุงของเขากำลังเปลือยกายอยู่บนเตียง ทุกสิ่งที่ได้เห็นทำให้โจวจินหนานแทบจะอาเจียน
ขณะที่เขาปิดปากเตรียมจะจากไปก็พลันได้ยินโจวเฉิงเฉียนกล่าวพลางหอบหายใจกับซูฮุ่ยหรู “คุณต้องดูแลลูกชายของเราให้ดี ครั้งหน้าหากจินซวนอยากกินอะไรก็ให้บอกผม”
โจวจินหนานรีบเดินจากไปพร้อมเคียวในมือ
เมื่อกลับมาถึงบ้านในยามเย็น อาหารก็ถูกจัดเตรียมไว้แล้ว โจวจินหนานเพียงดื่มน้ำโดยไม่คีบเกี๊ยวสักชิ้นก่อนจะเข้านอนทันที
นับตั้งแต่วันนั้น ทัศนคติของโจวจินหนานที่มีต่อซูฮุ่ยหรูก็เปลี่ยนไป แต่เนื่องจากเขาเย็นชาและเงียบขรึมมาตั้งแต่เด็ก ซูฮุ่ยหรูจึงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติ
จนกระทั่งถึงวันที่โจวจินหนานโตพอที่จะออกไปทำงาน ซูฮุ่ยหรูจึงรับรู้ได้ว่ามีช่องว่างในความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับลูกชายที่ไม่อาจเชื่อมต่อกันได้อีก แต่หล่อนไม่เคยรู้เลยว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร
ซูฮุ่ยหรูจ้องมองโจวจินหนาน ปากของเขาเม้มแน่นโดยไม่มีทีท่าจะพูดอะไร เมื่อเห็นดังนั้นหล่อนจึงกล่าวต่อ “ลูกก็รู้ว่าในปีนั้นเรายากลำบากกันมากขนาดไหน พ่อของลูกไม่สามารถหาเงินจุนเจือครอบครัวเราได้ ปู่กับย่าของลูกก็ไม่อยู่ แม่ไม่มีงานทำ ไม่มีใครคอยช่วยเหลือเรา แม่ทำแบบนั้นเพราะทนเห็นลูกทั้งสองอดตายไม่ได้”
โจวจินหนานหัวเราะอย่างเยือกเย็นพลางเหยียดหยาม “เห็นผมเป็นเด็กสามขวบเหรอ? คิดว่าผมจะเชื่อในสิ่งที่คุณพูดรึไง? เอาเป็นว่าไม่ต้องห่วง ผมจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”
ซูฮุ่ยหรูรู้ดีถึงอารมณ์ของโจวจินหนานและรู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะพูดต่อ ดังนั้นหล่อนจึงทำได้เพียงหันหลังเดินจากไปอย่างเงียบงัน
หล่อนกลัวเป็นอย่างยิ่งว่าโจวเฉิงเหวินจะรู้ เพราะหากเขารู้ ทุกอย่างของหล่อนอาจต้องจบลง
…
หลังรอให้โจวจินหนานและเกาจ้านจากไป สวี่ชิงก็พาเฟิงซูฮวาเดินทางกลับบ้าน “คุณย่าคะ คุณย่ารู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับดวงตาของพี่จินหนาน?”
เฟิงซูฮวาไม่ได้ปิดบัง “ย่ารู้ แต่ไม่ต้องห่วง มีย่าอยู่ที่นี่แล้ว เขาจะไม่เป็นอะไร”
สวี่ชิงครุ่นคิดครู่หนึ่ง “คุณย่าช่วยสอนวิธีป้องกันไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตให้ฉันได้ไหมคะ?”
เธอมีความคิดที่ชาญฉลาดและกล้าหาญ ในชีวิตก่อนหน้า ดวงตาของโจวจินหนานก็ได้รับการรักษาโดยเฟิงซูฮวา
ทว่าดูเหมือนจะไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะในเวลานั้นเฟิงซูฮวาเสียชีวิตก่อนที่ดวงตาของโจวจินหนานจะหายดี
แต่เธอยังคงรู้สึกว่ามีความเชื่อมโยงบางอย่างระหว่างพวกเขา บางทีคำตอบทั้งหมดอาจถูกเปิดเผยในชีวิตนี้
อย่างน้อยในชีวิตนี้ สวี่ชิงก็ตั้งใจจะดูแลเฟิงซูฮวาเป็นอย่างดี และจะไม่ปล่อยให้นางจากไปด้วยอุบัติเหตุ
เมื่อเฟิงซูฮวาเห็นสวี่ชิงขมวดคิ้วราวกับกำลังครุ่นคิด จึงจับมือเธอด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ตราบใดที่มีย่าอยู่ที่นี่ ย่าสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้โจวจินหนานได้รับบาดเจ็บอะไรอีก พวกเธอทั้งสองคนเป็นเด็กดีมากสำหรับย่า”
สวี่ชิงฟื้นคืนสติทันที กระพริบตาพลางยื่นมือโอบกอดเฟิงซูฮวา “คุณย่า ทำไมฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยล่ะคะว่าคุณย่าน่ารักขนาดนี้?”
จากนั้นเธอจึงเริ่มถามเฟิงซูฮวาเกี่ยวกับพิษในร่างกายของโจวจินหนาน “คุณย่าคะ คุณย่ารู้ไหมว่าพิษที่อยู่ในร่างกายของพี่จินหนานคืออะไร?”
เฟิงซูฮวาพยักหน้า “รู้สิจ๊ะ แต่ตอนนี้สมุนไพรที่จะใช้รักษายังมีไม่เพียงพอ ย่าจะจดสูตรการปรุงยาแล้วขอให้เขาส่งคนไปยังทางใต้ของยูนนาน ที่นั่นมีสมุนไพรถอนพิษมากมาย เดิมทีหมู่บ้านที่นั่นเป็นหมู่บ้านที่เคร่งครัดในกฎของเผ่า สิ่งเหล่านี้จึงไม่สามารถนำออกมานอกบริเวณหมู่บ้านได้ ย่าคิดว่าคงมีใครบางคนที่เห็นแก่ผลประโยชน์บางอย่างจึงใช้พิษเหล่านี้ทำให้โจวจินหนานตาบอด”
สวี่ชิงกล่าวด้วยความโกรธ “ทำไมคนเราถึงเลวทรามได้ขนาดนั้น จิตใจทำด้วยอะไร!”
เฟิงซูฮวาจ้องมองสวี่ชิงด้วยรอยยิ้ม “แต่พิษนี้ก็มีคุณสมบัติอื่นเช่นกัน”
สวี่ชิงถามด้วยความสงสัย “คุณสมบัติอะไรคะ?”
เฟิงซูฮวากลัวว่าสวี่ชิงจะเขินอายจึงกล่าวอย่างแผ่วเบา “หลังจากที่หลานทั้งสองเป็นสามีภรรยากันแล้ว เขาอาจไม่สามารถควบคุมเรื่องอย่างว่าได้ บางครั้งก็อาจล้มป่วยกะทันหันราวกับถูกวางยา”
สวี่ชิงตกตะลึงชั่วครู่ ใบหน้าของหล่อนพลันแดงก่ำ “หรือว่าวันนั้นที่พี่จินหนานล้มป่วยกะทันหันก็เป็นเพราะพิษร้ายนี้?”
เฟิงซูฮวายิ้มให้กับใบหน้าแดงก่ำของสวี่ชิง “แต่ต้องบอกว่าจินหนานเป็นคนมีความอดทนสูง ไว้ย่าจะบอกหลานให้รู้ถึงแผนการ แต่หากไม่ได้ผลจริง ๆ เราคงต้องฝังด้วยเข็มทองคำ”
สวี่ชิงกล่าวด้วยความกระตือรือร้นทันที “คุณย่าคะ เรามาพูดถึงวิธีรักษากันเถอะ”
ขณะที่สวี่ชิงกำลังเรียนรู้จากเฟิงซูฮวาอย่างตั้งใจ เรื่องราวที่สวี่จื้อกั๋วและฟางหลานซินทะเลาะวิวาทเนื่องจากหล่อนไปขุดศพของเย่หนานก็แพร่สะพัดออกไปทั่วโรงงาน
ไม่มีใครคิดว่าหญิงผู้อ่อนโยนอย่างฟางหลานซินจะกระทำเช่นนี้
หม่าเสวี่ยหลานยืนอยู่หน้าประตูบ้าน แทะเมล็ดแตงโมพลางกล่าวอย่างมีความสุข “ฉันเคยบอกไปแล้วว่าฟางหลานซินไม่ใช่คนดี แล้วตอนนี้เป็นไงล่ะ หางจิ้งจอกโผล่ออกมาให้เห็นแล้ว มารอดูเถอะว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป ฉันว่าพวกเขาจะต้องหย่ากันแน่นอน…”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เป็นเรื่องที่ร้ายแรงฝังใจพี่หนานจริงๆ ค่ะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีท่าทางแบบนั้นกับแม่ตัวเอง
คืนนั้นเป็นเพราะพิษกำเริบสินะคะ พี่เลยควบคุมตัวเองไม่ได้
ส่วนทางบ้านสวี่ก็บันเทิงแล้วล่ะค่ะ ฉาวโฉ่ไปทั้งบางแล้ว
ไหหม่า(海馬)