เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 515 เพื่อนร่วมทีมจอมโง่เขลา
บทที่ 515 เพื่อนร่วมทีมจอมโง่เขลา
เหยียนจี้ชวนเงยหน้าขึ้นและอ้าปากรอให้ฉินเฟยเขยิบเข้ามาตรวจสอบ
ฉินเฟยแอบถอนหายใจเบา ๆ รู้สึกประหม่าเสียยิ่งกว่าตอนที่หล่อนต้องเข้าห้องผ่าตัดครั้งแรก หล่อนยืนอยู่ข้างหน้าเหยียนจี้ชวนทั้งที่ปลายนิ้วสั่นไหว
ราวกับเวลาหยุดนิ่งไป นานทีเดียวกว่าที่ฉินเฟยจะโน้มตัวเข้าไปหาเหยียนจี้ชวน จับคางของเหยียนจี้ชวนให้เชิดขึ้นเล็กน้อย และใช้อีกมือหนึ่งถือแหนบคาไว้
เหยียนจี้ชวนรู้สึกประหม่าเช่นกัน ทั้งที่เขาอายุสามสิบกว่าแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใกล้ชิดผู้หญิงขนาดนี้
นิ้วที่จับคางอยู่เย็นวาบเล็กน้อย ทว่าในใจกลับกำลังแผดเผาราวกับไฟลุกโชน จนฝ่ามือที่วางอยู่เหนือหัวเข่าเปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อ
สวี่ชิงมองดูทั้งสองคนที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง แสงแดดร่ำไรสาดส่องผ่านบานหน้าต่างเข้ามากระทบกับไหล่ทั้งสอง เผยให้เห็นฉากสวยงามดั่งภาพวาด
เธออมยิ้มและเดินถือผักออกไปทำความสะอาด
ฉินเฟยคาดไม่ถึงว่าบาดแผลของเหยียนจี้ชวนจะร้ายแรงมากขนาดนี้ หล่อนใช้นิ้วหัวแม่มือกดทับริมฝีปากล่างของเขาเบา ๆ จนบาดแผลภายในเริ่มเปิดออก เผยให้เห็นเลือดคั่งและรอยฟกช้ำอยู่ด้านใน ปากแผลไม่สม่ำเสมอและดูลึกมาก
ถึงแม้จะไม่พบเศษแก้วที่บริเวณบาดแผลในปาก แต่การรักษากลับไม่ง่ายเลย และยังเจ็บปวดมาก
“อดทนไว้นะ ฉันจะทำความสะอาดรอยฟกช้ำบางส่วน แล้วค่อยทายาให้ ถ้าแผลลึกเกินไปอาจจะต้องไปเย็บแผลที่โรงพยาบาล”
เหยียนจี้ชวนไม่ได้ฟังที่ฉินเฟยพูดแม้แต่น้อย เขาเพียงรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่พุ่งเข้ามาปะทะใบหน้า พร้อมกับกลิ่นหวานของลูกอมรสส้มและเรียวนิ้วที่กดทับบนริมฝีปากล่างของเขา ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงจนไม่เป็นจังหวะ
จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเสียใจที่ขอให้ฉินเฟยมาทำแผลให้ หากเขาไปทำแผลในห้องพยาบาลของทางมหาวิทยาลัย เขาคงจะไม่ทุกข์ทรมานเท่านี้เลย
ถึงกระนั้นเขากลับรู้สึกดีขึ้นมาก และมันคงจะดีกว่านี้หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป
ฉินเฟยทำความสะอาดบาดแผลอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงเอาผงยาหยวนหนานไป๋เย่ามาทาให้ ซึ่งผงยาดังกล่าวมีรสค่อนข้างขม “ขมหน่อยนะคะ อดทนเอาไว้ อย่าบ้วนออกมาล่ะ แล้วจากนี้ก็กินของเบา ๆ พอ”
ในขณะนี้ฉินเฟยกลายเป็นคุณหมอตัวน้อยที่กำลังรักษาเหยียนจี้ชวนในแบบกับคนไข้ทั่วไป
ไม่รู้ว่าเสี่ยวเป่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขายืมมองอยู่ที่หน้าประตู เฝ้าดูคุณน้าคนสวยเทผงบางอย่างใส่ปากคุณตาเล็ก และเผลอคิดว่าคุณน้าคนสวยกำลังป้อนของอร่อย ๆ ให้อีกฝ่ายกิน
ไม่อย่างนั้นทำไมปากของคุณตาเล็กถึงได้เปิดกว้างขนาดนั้น!
น้ำลายเริ่มไหลลงมา คิดว่าของดังกล่าวจะต้องอร่อยมากแน่ ๆ
เขารีบวิ่งเข้าไปกอดท่อนขาของหล่อน และร้องตะโกนว่า “คุณน้า เสี่ยวเป่ากิน เสี่ยวเป่ากิน”
เขาพุ่งเข้าไปหาฉินเฟยเหมือนกับลูกวัวตัวน้อย วิ่งเข้ามาชนขาหล่อนจากทางด้านหลัง
ฉินเฟยไม่ทันตั้งตัว และไม่คาดคิดว่าแรงของเจ้าตัวเล็กจะมหาศาลเช่นนี้ ร่างกายพลันโงนเงนและล้มคะมำใส่เหยียนจี้ชวน
มือทั้งสองข้างกดทับหัวไหล่ของเหยียนจี้ชวน ในขณะที่ร่างกายแนบแน่นอยู่กับร่างของเหยียนจี้ชวน
และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือใบหน้าของเหยียนจี้ชวนที่ซุกอยู่ในอ้อมแขนของฉินเฟย…
เป็นภาพที่น่าอับอายยิ่งนัก
ฉินเฟยรู้สึกราวเปลวไฟกำลังแผดเผาร่างกายของหล่อน ทุกอณูเต็มไปด้วยความร้อนระอุ
เหยียนจี้ชวนตกตะลึงเช่นกัน ความนุ่มหยุ่นที่กดทับกับใบหน้าของเขาทำให้เขาตกตะลึงอย่างสมบูรณ์แบบ
โชคดีที่เสี่ยวเป่าขยันขันแข็ง คอยร้องตะโกนมาจากด้านหลัง “ผมอยากกิน คุณน้าป้อนเสี่ยวเป่า”
ฉินเฟยกดไหล่ของเหยียนจี้ชวนเพื่อดันหลังออก ถึงกระนั้นกลับไม่ขยับเขยื้อนเพราะกลัวว่าจะเหยียบเสี่ยวเป่าที่อยู่ทางด้านหลัง “เสี่ยวเป่า ออกไปก่อนจ้ะ”
สวี่ชิงเดินเข้ามาทันทีที่ได้ยินเสียง และเห็นฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจตรงหน้าพอดี
เธอพยายามระงับเสียงหัวเราะ และอุ้มเสี่ยวเป่าเดินออกไป “เจ้าคนดื้อ มาเล่นสนุกอะไรในนี้ ของอร่อยที่ไหนกันล่ะ คุณน้าทายาให้คุณตาเล็กต่างหาก เจ้าจอมตะกละเอ๊ย”
เสี่ยวเป่าไม่เชื่อและร้องตะโกน “แม่ กินหนม แม่ เสี่ยวเป่ากินหนม”
ทั้งสองออกไปพร้อมกับเสียงเจื้อยแจ้ว และภายในห้องก็ตกอยู่ในความสงบทันที
ฉินเฟยยืนตัวตรงด้วยสีหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าควรจะออกไปหรืออยู่ต่อดี
เหยียนจี้ชวนก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน รู้สึกเหมือนกับชายเฒ่าตัณหากลับ เขาควบคุมตัวเองไม่อยู่ ใบหูแดงก่ำและพูดอะไรไม่ออก
ปฏิกิริยาทางร่างกายดูผิดปกติจนจะตายอยู่แล้ว
ทำได้เพียงนั่งเอนตัวลงเล็กน้อย เพื่อไม่ให้ฉินเฟยได้เห็นอะไรที่ผิดปกติ
ฉินเฟยพยายามควบคุมสติของตนเองให้สงบลง “เอ่อ ทำแผลเสร็จแล้ว ฉันออกไปช่วยสวี่ชิงล้างผักก่อนนะ คุณนั่งพักไปสักพัก ถ้าเกิดมีน้ำลายก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับออกเอา อย่าบ้วนทิ้ง เพราะผงยายังติดอยู่ในปาก”
เหยียนจี้ชวนส่งเสียงตอบรับด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง เนื่องจากมีแผลอยู่ในปาก จึงไม่สะดวกพูดอะไรในตอนนี้
ฉินเฟยสูดลมหายใจเข้าลึก ส่งของคืนให้สวี่ชิง ก่อนจะเดินไปล้างมือและไปช่วยล้างผัก
เหยียนจี้ชวนนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ในห้องเป็นเวลานาน ไม่กล้าขยับเขยื้อน และอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด!
สวี่ชิงกลัวว่าฉินเฟยจะรู้สึกอาย เธอจึงไม่ได้ถามไถ่ถึงเหตุการณ์ในห้องครัว “แผลของอาเล็กร้ายแรงมั้ยคะ?”
ฉินเฟยพยักหน้า “ร้ายแรงอยู่ค่ะ พาไปเย็บแผลที่โรงพยาบาลน่าจะดีกว่า”
หล่อนตอบพลางอธิบายสภาพบาดแผลของเหยียนจี้ชวนให้สวี่ชิงฟัง
สวี่ชิงถึงกับตกใจ “ร้ายแรงมากเลยนี่คะ? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
มันช่างน่าปวดใจมาก ทั้งที่ตกอยู่ในอาการบาดเจ็บแบบนี้ กลับต้องมานั่งกินข้าวแทนที่จะไปโรงพยาบาล
เธอคิดว่ามันเป็นอาการบาดเจ็บที่ผิวหนังเท่านั้น และนึกไม่ถึงว่ามันจะรุนแรงจนลามเข้าไปในปาก
สวี่ชิงปรุงซุปให้เหยียนจี้ชวนเป็นพิเศษ นึ่งไข่ตุ๋นจนเนียนละเอียด โดยที่เขาจะได้กลืนโดยไม่ต้องเคี้ยว
ขณะรับประทานอาหาร เหยียนจี้ชวนมองดูโต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยเมนูหลากหลาย ทว่าอาหารตรงหน้าเขากลับเป็นน้ำซุปกับไข่ตุ๋น ดูน่าเวทนายิ่งนัก และที่สำคัญไปกว่านั่นคือทั้งปากของเขาขมมาก
“ให้อากินแค่นี้เองเหรอ?”
สวี่ชิงหัวเราะเบา ๆ “อาคิดว่าตัวเองจะกินอะไรได้คะ? อีกอย่างปากอากำลังเป็นแผลอยู่ แค่พูดได้ชัดเจนก็น่าทึ่งมากแล้วค่ะ”
นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอประหลาดใจมากที่สุด
โจวจินหนานชำเลืองมองเหยียนจี้ชวน “เขามีประสบการณ์จากอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อน ทำให้เขาอดทนต่ออาการบาดเจ็บได้ ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรหรอก”
เหยียนจี้ชวนอยากจะสบถด่า ร่างกายของเขาประกอบด้วยเลือดเนื้อ จะไม่รู้สึกเจ็บปวดได้อย่างไร เพียงแค่เขาอดทนต่อความเจ็บปวดได้เท่านั้น
เขารีบพยักหน้าตอบรับทันทีเมื่อเห็นดวงตาที่เย็นชาของโจวจินหนาน “ใช่ๆๆ เหตุการณ์ในตอนนั้นทำให้อาถูกวางยาสลบอยู่หลายครั้ง ส่งผลให้ประสาทรับความรู้สึกไม่ค่อยดี เลยอดทนต่อความเจ็บปวดได้ดีน่ะ”
สวี่ชิงไม่รู้ว่ามันคือเรื่องเท็จจริงแค่ไหน และได้แต่มองไปที่เหยียนจี้ชวนด้วยความประหลาดใจ “เมื่อสี่ปีที่แล้ว งั้นก็เป็นอุบัติเหตุเมื่อห้าปีก่อนที่อากับฉินเฟยถูกฝังอยู่ใต้แผ่นหินหรือเปล่าคะ?”
เหยียนจี้ชวนพยักหน้าด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ใช่ ตอนนั้นหัวของเขาได้รับการกระทบกระเทือนด้วย”
ฉินเฟยหันไปมองเหยียนจี้ชวนด้วยความประหลาดใจ คาดไม่ถึงว่าผลกระทบดังกล่าวจะรุนแรงเช่นนี้?
เหยียนจี้ชวนถอนหายใจ “ความทรงจำบางส่วนหายไปด้วย เพราะงั้นชิงชิง ต่อจากนี้ไปต้องเป็นหมอที่เก่งให้ได้นะ ทำทุกวิถีทางเพื่อลดความทรมานของผู้ป่วย”
สวี่ชิง “…”
โจวจินหนานกระแอบเบา ๆ เมื่อรู้สึกว่าเหยียนจี้ชวนกำลังพูดออกนอกประเด็นไปเรื่อย “อดทนต่อความเจ็บปวดได้ดีก็ไม่ใช่เรื่องดีนักหรอก ปฏิกิริยาของเส้นประสาทที่เกี่ยวข้องบางส่วนจะช้าลง”
ไม่เพียงแค่สวี่ชิงเท่านั้นที่เชื่อ ฉินเฟยก็เชื่อเช่นกัน “ร่างกายมีปฏิกิริยาอะไรไหมคะ?”
เหยียนจี้ชวนพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง “วันนี้อาพูดไม่ได้มาก รออีกสักสองวันเดี๋ยวอาจะมาเล่าให้ฟัง…”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เสี่ยวเป่าคือกามเทพตัวน้อยของคุณตาเล็กสินะคะ
ไหหม่า(海馬)