เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 512 ความกังวลของคนแก่เฒ่า
บทที่ 512 ความกังวลของคนแก่เฒ่า
สวี่ชิงมองดูแผ่นหลังของฉินเสวี่ยเหมยด้วยความงุนงงอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งโจวจินหนานส่งเสียงเรียกเธอ เธอที่กำลังขมวดคิ้วอยู่จึงหันหลังกลับมา
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ผลกระทบทางอารมณ์มากนัก ยังคงกระตือรือร้นที่จะไปซื้อเนื้อแกะ กระเพาะแกะ เต้าหู้ และปลาอีกหนึ่งตัว โดยวางแผนจะกลับไปทำลูกชิ้นปลาให้กับลูกทั้งสอง
นอกจากนี้ยังซื้อผักใบเขียวมาอย่างละนิดละหน่อย
ระหว่างทางกลับบ้าน สวี่ชิงหันไปพูดกับโจวจินหนานว่า “ไปเรียกคุณปู่คุณพ่อมาด้วยสิคะ จะได้มีคนมากินหม้อไฟเยอะ ๆ”
โจวจินหนานตอบรับ และเอ่ยถามอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นสีหน้าเรียบนิ่งของสวี่ชิง “คุณกำลังอารมณ์เสียอยู่หรือเปล่า?”
สวี่ชิงส่ายหน้า “ก็แค่เศร้านิดหน่อย แต่ไม่ได้อารมณ์เสียอะไรหรอก ยังไงซะชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป แม้จะมีเพื่อนบางคนหายไประหว่างทางบ้างก็เถอะ แต่มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย ได้หวังว่าเสวี่ยเหมยจะคิดให้ดีก่อน และต่อให้หล่อนมีปัญหาอะไร ฉันก็จะช่วยหล่อนอยู่ดี”
หลังจากผ่านช่วงเวลาเหล่านี้ไปแล้ว เธอเกรงว่าจะย้อนกลับไปในอดีตไม่ได้อีก
และเธอยังคงเสียใจอยู่ในจุดนี้
โจวจินหนานพยักหน้า “ไม่เศร้าก็ดีแล้ว”
สวี่ชิงยิ้มรับ “แล้วคุณล่ะคะ? ต่อจากนี้ไปคุณจะทำยังไงกับหย่วนตง?”
โจวจินหนานงุนงง “พวกเราไม่ได้มีเรื่องอะไรกันสักหน่อย ยังไงต่อจากนี้ไปอะไรก็คงจะเหมือนเดิม ผู้ชายไม่ได้คิดอะไรละเอียดอ่อนเหมือนพวกผู้หญิงหรอก”
สวี่ชิงถอนหายใจ “น่าจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ”
ในขณะที่กำลังกินหม้อไฟ สวี่ชิงบอกกับโจวคังอันและโจวเฉิงเหวินว่าครอบครัวของพวกเธอกำลังจะย้ายไปอยู่ใกล้มหาวิทยาลัย “คุณปู่ คุณพ่อคะ พวกฉันยังมีห้องว่างอยู่ มาอยู่กับพวกฉันสิคะ”
โจวเฉิงเหวินส่ายหน้า “ไม่เป็นไร พ่อกับปู่อยู่ที่นี่ก็มีความสุขกันดี”
สวี่ชิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้างั้นรอให้พวกฉันย้ายไปที่นั่นก่อน พอหาบ้านหลังที่เหมาะสมได้แล้ว พวกคุณพ่อค่อยย้ายตามมาดีไหมคะ?”
โจวเฉิงเหวินมีความสุขมากที่สวี่ชิงสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ในสายตาของเขา เขาเชื่อเสมอว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญมาก และเขาชอบที่คนหนุ่มสาวตั้งใจเรียนจนมีชีวิตที่ก้าวหน้า
เขากลัวว่าตนจะเป็นภาระของสวี่ชิง จึงยิ้มตอบรับอย่างอ่อนโยน “ไม่เป็นไรหรอก พวกลูกไปที่นั่นกันเถอะ พ่อกับปู่ว่างกันอยู่แล้ว เอาไว้จะนั่งรถบัสไปหาแต่เช้าตรู่”
เขาพูดและถอนหายใจ “คุณปู่เองก็อายุเยอะมากแล้ว ไม่ชอบออกไปไหนนักหรอก เวลาว่าง ๆ พ่อก็พาแกออกมาเดินเล่นบ้างเท่านั้น”
โจวคังอันรู้สึกไม่พอใจเมื่อได้ยินลูกชายบอกว่าตนอายุมากแล้ว อีกทั้งยิ่งแก่ก็ยิ่งทำตัวเด็กลง เขาจึงจ้องเขม็งไปที่โจวเฉิงเหวิน “ที่แกบอกว่าพ่ออายุเยอะมากแล้วหมายความว่ายังไง? มองดูสภาพแกก่อนยังไม่แข็งแรงเท่าพ่อด้วยซ้ำ เดินแค่สองสามก้าวก็จะหายใจไม่ทันอยู่แล้ว ตอนนี้ลองให้พ่อไปสนามรบยังคว้าปืนมายิงศัตรูได้อยู่เลย”
โจวเฉิงเหวินรีบพยักหน้าระรัวอย่างประนีประนอม “ครับๆๆ พ่อยังไม่แก่หรอก ผมสิควรจะออกไปเดินมากกว่า เพราะงั้นพ่อควรไปกับผมนะ”
โจวคังอันไม่สนใจเขา และส่งยิ้มให้สวี่ชิงแทน “ชิงชิง ถึงตอนนี้ปู่จะหูไม่ค่อยดี แต่ปู่ไม่ได้มีปัญหาอย่างอื่นหรอกนะ ไปหาหลานทุกวันยังได้ เพราะงั้นพวกหลานไปที่นั่นกันเถอะ ตั้งใจเรียนดี ๆ ในอนาคตจะได้กลายไปเป็นแพทย์หญิง”
สวี่ชิงยิ้มและพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “ค่ะคุณปู่ ฉันจะพยายามเป็นหมอที่ดีให้ได้”
ก่อนย้ายบ้าน สวี่ชิงได้เชิญครอบครัวของผางเจิ้งหัว ซุนเชียวเฟิ่ง และลี่ซิ่วเจินมารับประทานอาหารเย็นร่วมกันที่บ้าน เธอไม่ต้องการปล่อยเช่าบ้านหลังนี้ จึงไหว้วานขอให้ผางเจิ้งหัวแวะเข้ามาดูบ้านเป็นครั้งคราว
พวกเธอยังอยากย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ในช่วงวันหยุดฤดูหนาวกับฤดูร้อน เพราะรู้สึกว่าอยู่ที่นี่สะดวกสบายกว่าที่อื่น
ในวันที่ต้องย้ายบ้าน เหยียนจี้ชวนก็นำรถบรรทุกคันใหญ่เข้ามาขนของไปในคราวเดียว
สวี่ชิงมัวแต่ยุ่งอยู่กับการเก็บข้าวของและคอยมองดูลูกทั้งสองคน ทำให้เธอไม่ได้สังเกตท่าทางที่ผิดปกติของเฟิงซูฮวา
หลังขนของเข้ามาในลานบ้านหลังใหม่ เธอถึงเพิ่งสังเกตเห็นท่าทางที่ไม่ค่อยสู้ดีนักของเฟิงซูฮวา จึงวางของในมือลง และเดินเอามือไปสัมผัสหน้าผากของคุณย่า ก่อนจะแนบหน้าผากเข้ากับหน้าผากของนาง “คุณย่า ไม่สบายใจเหรอคะ? ทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลย?”
เฟิงซูฮวาส่ายหัว “ไม่เป็นไรหรอก ย่าคงจะเหนื่อย พักผ่อนเดี๋ยวก็หาย”
สวี่ชิงคิดว่าคุณย่าคงจะเหนื่อยเกินไป เธอจึงรีบจัดแจงข้าวของให้เสร็จก่อนรุ่งสาง และออกไปซื้อหมั่นโถวมากินเป็นอาหารกลางวันแก้ขัดไปก่อน จากนั้นจึงพาคุณย่าไปนั่งพักบนเก้าอี้หวาย “คุณย่า พักผ่อนก่อนนะคะ เดี๋ยวอีกสักพักพวกฉันก็จัดกันเสร็จแล้ว”
เฟิงซูฮวาไม่ได้พูดปฏิเสธ นางนั่งอยู่บนเก้าอี้หวายและเฝ้าดูสวี่ชิงกับเย่หนานเดินขนย้ายของ จนกระทั่งจัดของจนเสร็จ
หลังจากเฝ้าดูอยู่ครู่หนึ่ง นางก็หลับตาลงและเอนกายพิงกับเก้าอี้หวาย ภาพในอดีตแวบเข้ามาในหัวอีกครั้ง เห็นได้ว่าแม้จะผ่านไปหลายปี แต่ภาพจำยังคงชัดเจนเสมอ
นางไม่ได้หวาดกลัวความตาย และพอจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกนาน เพียงแต่นางต้องการกลับไปสู่โชคชะตาชีวิตดั้งเดิม
นางรู้สึกเศร้าเสียใจที่ไม่สามารถไปใช้ชีวิตหลังความตายกับสวี่ฉงกวงได้
และทุกการเกิดใหม่ก็ไม่เคยตามทันเขาเลย
สวี่ชิงทำความสะอาดเสร็จแล้ว เธอมองดูเวลาและพบว่ามันยังสว่างอยู่ อาหารกลางวันไม่ค่อยถูกปากมากนัก เธอจึงตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารเย็น
เธอนวดแป้งบะหมี่อย่างคล่องแคล้ว และเตรียมเกี๊ยวไส้ผักสามเซียน*(1)
เย่หนานยุ่งอยู่กับการจัดระเบียบห้องของหล่อนกับเฟิงซูฮวา เดิมทีสวี่ชิงต้องการให้พวกหล่อนแยกกันอยู่คนละห้อง ทว่าเย่หนานกลับไม่เห็นด้วย และต้องการเหลือห้องพักเอาไว้หนึ่งห้อง เพื่อที่โจวคังอันกับโจวเฉิงเหวินจะได้เดินทางมาพักผ่อนที่นี่ได้
ดังนั้นหล่อนจึงเลือกนอนห้องเดียวกับเฟิงซูฮวา แต่ไม่บอกความจริงที่ว่าเฟิงซูฮวากำลังแก่ตัวลง และไม่สามารถนอนคนเดียวเพียงลำพังในยามกลางค่ำกลางคืนได้
โจวจินหนานยุ่งอยู่กับการจัดห้องของพวกเขาเช่นกัน อีกทั้งยังทำเตียงขนาดเล็กให้กับลูกทั้งสอง
ไป๋หลางเฝ้าดูเด็กน้อยทั้งสองใช้พลั่วขุดดินเล่นอยู่ในสนามบ้าน
ในขณะที่สวี่ชิงกำลังทำเกี๊ยวอยู่ในห้องครัว ตู้หว่านอิ๋งก็เข้ามาพร้อมกับองุ่นจานใหญ่ และกล่าวทักทายเฟิงซูฮวาที่กำลังนั่งอยู่ในลานบ้านด้วยรอยยิ้ม “ใช่คุณย่าของเสี่ยวสวี่หรือเปล่าคะ ต่อจากนี้ไปเรามาเป็นเพื่อนบ้านกันนะคะ นี่คือองุ่นจากลานบ้านฉันเอง เก็บเอามาฝากพวกคุณค่ะ”
เฟิงซูฮวารู้สึกราวกับตายทั้งเป็นหลังจากได้ยินน้ำเสียงของตู้หว่านอิ๋ง นางตกตะลึงไปชั่วขณะและค่อย ๆ พยุงไม้เท้าลุกขึ้นยืน
ตู้หว่านอิ๋งยังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน “ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหมคะ? มีอะไรให้ช่วยไหม?”
สวี่ชิงที่ได้ยินเสียงคุยพูดคุยกันก็เดินออกมาจากห้องครัวทั้งที่มือยังเปื้อนไปด้วยผงแป้ง “อาจารย์ตู้ เกรงใจแย่เลยค่ะ แต่ไหน ๆ ก็เก็บมาให้แล้ว ฉันขอเชิญอาจารย์มากินข้าวเย็นด้วยกันนะคะ”
ตู้หว่านอิ๋งรีบโบกมือ “ไม่ต้องเกรงใจหรอก ฉันว่างพอดีเลยแวะมาเยี่ยม”
สวี่ชิงเชิญชวนตู้หว่านอิ๋งให้นั่งลง ขณะที่เฟิงซูฮวายังคงเงียบกริบ แววตาที่ผ่านความยากลำบากมานานนมของนางส่องประกายแวววาว มองไปที่ตู้หว่านอิ๋งอย่างอ่อนโยน
ตู้หว่านอิ๋งรอให้เฟิงซูฮวานั่งลงก่อนจึงนั่งลงตาม และยกยิ้มขณะมองไปที่เฟิงซูฮวา “คุณพี่ดูสุภาพดีจังนะคะ แถมยังโชคดีที่มีหลานสาวเก่งขนาดนี้”
เฟิงซูฮวาที่นั่งอยู่ยิ้มตอบรับ “ใช่ค่ะ ฉันเองก็ดีใจมาก”
ตู้หว่านอิ๋งมองไปรอบ ๆ “พวกคุณต้องการอะไรเพิ่มอีกไหม ไปหาเอาที่บ้านของฉันได้นะคะ เราเก็บของมากมายเอาไว้นานนม แต่ตอนนี้ไม่ได้ใช้แล้วล่ะค่ะ”
สวี่ชิงรีบโบกมือ “ไม่เป็นไรค่ะ เรามีทุกอย่างในบ้านครบแล้ว จะทำให้คุณเป็นกังวลใจเปล่า ๆ”
ตู้หว่านอิ๋งโบกมือ “คุณก็เกรงใจเกินไป อยากได้อะไรก็มาหาฉันได้นะคะ”
นางพูดและหันไปมองเฟิงซูฮวา ก่อนจะจดจ่อกับบุคคลตรงหน้า “คุณพี่ ฉันตรวจชีพจรให้เอาไหมคะ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
*(1) ผักสามเซียน ประกอบไปด้วยมะเขือ มันฝรั่งและพริกหยวก
สารจากผู้แปล
ย่าเฟิงมาเกิดใหม่จริงๆ ด้วย แล้วกับหมอตู้ในชาตินี้จะมีความสัมพันธ์เป็นยังไงบ้างนะ
ไหหม่า(海馬)