เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 51 ความเห็นแก่ตัวของคุณย่าเฟิง
บทที่ 51 ความเห็นแก่ตัวของคุณย่าเฟิง
โจวจินหนานส่ายศีรษะ “ไม่ครับ ยกเว้นหลังตื่นนอนทุกเช้าจะรู้สึกไม่สบายตาเล็กน้อย”
เฟิงซูฮวาโยนเปลือกแตงโมทิ้งและเช็ดมือด้วยผ้าเช็ดหน้า “ส่งมือขวาของเธอมาให้ฉันซิ”
โจวจินหนานยื่นมือขวาของเขาให้เฟิงซูฮวาตรวจชีพจร
ผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงหดนิ้วกลับแล้วแย้มยิ้มเล็กน้อย “โชคดีที่การควบคุมตัวเองของเธอแข็งแกร่งเพียงพอ พิษจึงแพร่กระจายช้ามาก”
เกาจ้านรู้สึกประหม่าเล็กน้อย “คุณย่าสามารถรักษาได้ไหมครับ?”
เฟิงซูฮวาครุ่นคิด “ถ้ารักษาหายแล้วเธอจะกลับไปไหม?”
โจวจินหนานพยักหน้า “นั่นเป็นความรับผิดชอบของผม ผมต้องกลับไปครับ”
เฟิงซูฮวายิ้ม “ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ แค่ต้องใช้เวลา”
หญิงชราเองก็มีความเห็นแก่ตัวเช่นกัน นางได้ยินมาว่าหน่วยของโจวจินหนานอยู่ใกล้กับชายแดนที่สถานการณ์เลวร้ายมาก ไม่ต้องพูดถึงสภาวะที่ไม่เอื้ออำนวยของที่นั่น
หากดวงตาของโจวจินหนานหายดีแล้ว เขาคงรีบจากไป นั่นจะไม่ปล่อยให้หลานสาวของนางอยู่คนเดียวในเมืองหลวงเหรอ?
อดใจรออีกสักนิด เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่มั่นคงหลังจากแต่งงานกัน ให้สวี่ชิงได้เรียนรู้ทักษะบางอย่างแล้ว จะตามโจวจินหนานไปที่ชายแดนก็ไม่ต้องกลัวคนเลี้ยงกู่
โจวจินหนานไหนเลยจะเดาได้ว่าหญิงชรากำลังครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง นางบอกว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่ต้องใช้เวลา เขาก็ไม่คิดมาก หากสามารถรักษาดวงตาของเขาให้หายได้ก็นับเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย
ถ้าเขาสามารถฟื้นฟูสายตาได้อีกครั้งในปลายปีนี้ และตามทันการเปลี่ยนแปลงการป้องกันครั้งใหญ่ คาดว่าเขาคงถูกย้ายไปยังถิ่นที่ทุรกันดารที่สุด เมื่อถึงเวลานั้นสวี่ชิงคงถูกทิ้งให้อยู่ที่บ้านตามลำพัง
เขาพลันรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ตอนนี้ผู้คนเพิ่งได้รับการปล่อยตัวจากการถูกจองจำสิบปี หากมีการผ่อนคลายแล้ว หลายคนที่มีเจตนาไม่ดีก็ย่อมใช้โอกาสนี้ออกมาสร้างปัญหา
นอกจากนี้เหล่าปัญญาชนจำนวนมากยังกลับมาในเมือง แต่เมื่อไม่ได้เตรียมหน้าที่การงานไว้ให้ จึงมีพวกอันธพาลว่างงานมากมายตามท้องถนน
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าถึงเวลาจำเป็นต้องหาเครื่องมือป้องกันตัวที่มีประโยชน์ให้สวี่ชิงแล้ว
สวี่ชิงกำลังยุ่งอยู่ในครัวและสับไส้เกี๊ยวเสียงดังมาก จึงไม่ได้ยินการสนทนาข้างนอก
เธอสับเนื้ออย่างรวดเร็วพร้อมกับนวดแป้ง ก่อนจะออกไปที่สวนเพื่อดึงหัวไชเท้าขนาดใหญ่ออกมาสองหัว ล้างทำความสะอาดที่บ่อน้ำ และกลับเข้าไปในครัวเพื่อสับมันอีกครั้ง
สวี่ชิงคิดว่าโจวจินหนานและเกาจ้านต่างก็ทำงานในหน่วยรักษาความปลอดภัยแนวหน้า พวกเขาควรต้องกินอาหารให้มากหลังฝึกฝนอย่างหนัก
ดังนั้นเธอจึงห่อเกี๊ยวเพิ่มขึ้น
เกาจ้านล้างมือเข้าไปในครัว เมื่อเห็นว่าสวี่ชิงเตรียมไส้ไว้แล้วและกำลังนวดคลึงแป้ง เขาจึงยิ้มแล้วกล่าว “ฉันจะช่วยเธอทำเกี๊ยวเอง”
สวี่ชิงตอบ “ได้เลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นต้องรบกวนพี่แล้วล่ะ”
เกาจ้านเหลือบมองดูไส้เกี๊ยว เนื้อสับเนียนนุ่มผสมกับต้นหอมสีเขียวและหัวไชเท้าขาวสับละเอียด สีสวยเป็นเงางาม เห็นเพียงแวบเดียวก็รู้ชัดว่าใส่น้ำมันลงไปด้วย ทันใดนั้นก็เกิดความสงสัย “ฉันได้ยินโจวจินหนานบอกว่าเธอวางแผนจะทำธุรกิจ อยากทำธุรกิจประเภทไหนเหรอ?”
สวี่ชิงไม่คิดปิดบัง “ฉันอยากขายอาหารที่สถานีรถไฟก่อน แล้วค่อยมองหาโอกาสทางธุรกิจอื่น ๆ ค่ะ”
แม้เธอจะมีประสบการณ์มากมาย แต่มันก็ไร้ประโยชน์หากสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย และเธอที่เกิดใหม่เพียงคนเดียวก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการพัฒนาของยุคสมัยได้
เกาจ้านไม่เข้าใจเรื่องนี้และยังสงสัยเล็กน้อย “ที่สถานีมีอาหารขายเยอะมาก จะทำเงินได้เหรอ?”
สวี่ชิงหัวเราะ “พี่อย่าดูถูกธุรกิจขนาดเล็กนะคะ ไม่ใช่มีคำกล่าวที่ว่า มีครอบครัวร่ำรวยไม่สู้มีกิจการร้านค้าเหรอคะ”
ยิ่งกว่านั้น นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในอนาคตหลายคน ล้วนได้โชคลาภความร่ำรวยมาจากแผงขายของริมถนนในปัจจุบัน หรือแม้แต่ออกไปเข็นรถขายของ
เธอเชื่อว่าตัวเองมีประสบการณ์จากอนาคต ตอนนี้ตราบใดที่เธอแข็งแกร่ง ขยัน และรอโอกาส ย่อมสามารถคว้าโอกาสในการก้าวนำคนอื่นได้อย่างแน่นอน
เกาจ้านเลิกคิ้ว “เธอดูมั่นใจมากนะ แต่เคยคิดถึงปัญหานี้ไหม? ว่าถ้าดวงตาของโจวจินหนานดีขึ้น เขาจะต้องกลับไปทางตะวันตกเฉียงใต้”
สวี่ชิงหยุดสิ่งที่เธอทำและถือไม้นวดแป้งค้างอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่เคยคิดถึงปัญหานี้เลย
“ฉันตามไปได้ไหมคะ?”
เกาจ้านส่ายศีรษะ “ไม่ได้ สถานการณ์ระหว่างชายแดนที่นั่นตึงเครียดมาก สมาชิกในครอบครัวไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่น”
สวี่ชิงยิ้ม “งั้นไม่เป็นไรค่ะ ฉันจะรอเขาอยู่ที่เมืองหลวง”
เธอแอบกล่าวเสริมในใจว่าจะอยู่รอเขาที่เมืองหลวงพร้อมกับลูกที่เคยสูญเสียไป เธอเชื่อว่าลูกที่เคยเสียไปแล้วจะกลับมาอีกครั้งในชีวิตนี้
เกาจ้านยิ้มและก้มศีรษะลงจดจ่อกับการห่อเกี๊ยว
สวี่ชิงพบว่าเกี๊ยวที่เกาจ้านทำนั้นดูดีมาก เมื่อสองมือบีบตรงกลางก็ได้เกี๊ยวกลม ๆ อ้วน ๆ ออกมา จึงอดกล่าวชมไม่ได้ “คิดไม่ถึงว่าพี่จะปั้นเกี๊ยวได้ดูดีขนาดนี้นะคะ”
เกาจ้านยิ้ม “คนที่ประจำการอยู่ในโรงอาหารต่างกินเกี๊ยวได้ในช่วงตรุษจีน ทั้งหมดก็มีแต่ผู้ชาย ทำหนึ่งรอบสามารถกินได้หนึ่งครั้ง ดังนั้นจึงต้องหาวิธีห่อเกี๊ยวที่แป้งบางไส้เยอะ อันที่จริงน่าจะใส่ไส้เนื้อน้อยกว่านี้นะ”
สวี่ชิงเข้าใจการทำงานหนักแบบนี้ “ไม่เป็นไรค่ะ วันนี้ฉันทำเกี๊ยวเยอะมาก เราสามารถเพิ่มไส้ได้อีกเพื่อให้แป้งบางและไส้แน่น”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน ก็ได้ยินเสียงใครบางคนมาจากลานบ้าน
สวี่ชิงยืดตัวขึ้นฟัง ปรากฏว่าเป็นเสียงของสวี่จื้อกั๋ว
สวี่จื้อกั๋วเข้ามาพร้อมกับถุงตาข่ายใส่แอปเปิ้ล และยังมีบิสกิตอีกสองห่อ โดยไม่คาดคิดว่าจะเจอโจวจินหนานนั่งพูดคุยกับหญิงชราอยู่ใต้ซุ้มองุ่น
สวี่จื้อกั๋วผ่อนคลายอารมณ์ของเขาและทักทายโจวจินหนานด้วยรอยยิ้ม “จินหนานก็อยู่ที่นี่ด้วยเหรอ?”
โจวจินหนานพยักหน้าเล็กน้อย ทันใดนั้นไป๋หลางซึ่งนอนอยู่ข้าง ๆ เขาก็ยืดตัวขึ้นและจ้องสวี่จื้อกั๋วอย่างดุร้าย
สวี่จื้อกั๋วก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว และทักทายเฟิงซูฮวาด้วยรอยยิ้ม “แม่ครับ ผมมาเยี่ยมแม่ ช่วงนี้แม่เป็นยังไงบ้างครับ?”
เฟิงซูฮวาที่เดิมยิ้มอย่างใจดีกลับมีสีหน้าดำทะมึนลงทันทีที่เห็นสวี่จื้อกั๋ว ก่อนจะพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “ต้องขอบคุณแกด้วย แต่ฉันยังไม่ตายหรอก!”
สวี่จื้อกั๋วรู้สึกอับอายในทันที เขาไม่สามารถกล่าวอะไรต่อได้ ทำได้แค่เปลี่ยนเรื่องอย่างตรงไปตรงมา “ผมมารับชิงชิงกลับบ้าน เด็กคนนี้กำลังมีปัญหากับที่บ้าน และไม่สามารถรบกวนคุณแม่ได้ตลอดเวลาน่ะครับ”
เมื่อวานนี้ฟางหลานซินกับสวี่หรูเยว่ออกไปจากบ้าน จนป่านนี้ยังไม่กลับมาเลย
สวี่จื้อกั๋วไปที่บ้านแม่ของฟางหลานซินแต่เช้า แต่ทั้งคู่ไม่ได้กลับไปที่นั่น
เขายังถูกฟางคุนด่าทอและกล่าวว่าสวี่ชิงเป็นตัวหายนะ ไม่ช้าก็เร็วครอบครัวของเขาจะถูกทำลาย
สวี่จื้อกั๋วต้องการตัวพาตัวสวี่ชิงกลับมาพูดคุยกันให้ดีก่อน และเกลี้ยกล่อมให้เธอหยุดสร้างปัญหา
รอจนกว่าเธอจะแต่งงานเข้าตระกูลโจว
ไม่อย่างนั้นคงไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก
เฟิงซูฮวาเหลือบมองสวี่จื้อกั๋ว “แกมารับชิงชิงกลับ? เป็นความคิดของฟางหลานซินหรือความคิดของแกกันล่ะ?”
สวี่จื้อกั๋วเงียบไปชั่วขณะ “เป็นความคิดของผมครับ”
“ฉันไม่กลับไปหรอกค่ะ!”
สวี่ชิงออกมาจากห้องครัวพร้อมกับไม้นวดแป้งและมองไปที่สวี่จื้อกั๋ว
สวี่จื้อกั๋วไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าโจวจินหนาน เขามองสวี่ชิงด้วยไฟสุมอยู่เต็มทรวง “ชิงชิง แกอาศัยอยู่บ้านคุณย่ามานานพอแล้ว ถึงแกจะโกรธพวกเรา แต่แกต้องกลับไปแก้ไข รอกลับไปแล้ว ฉันจะให้แม่แกขอโทษแก ตกลงไหม”
สวี่ชิงเยาะเย้ย “นั่นไม่ใช่แม่ของฉัน แม่ของฉันตายไปนานแล้ว”
สวี่จื้อกั๋วรู้สึกว่าเลือดกำลังจะทะลักออกมาจากลำคอ ทว่ายังพยายามอดทนซ้ำแล้วซ้ำเล่า “แกพูดแบบนี้ได้ยังไง? แกลืมไปแล้วเหรอว่าตอนเด็ก ๆ เวลาที่แกป่วยก็เป็นแม่แกที่คอยดูแล?”
สวี่ชิงคร้านเกินกว่าจะพูดเรื่องไร้สาระกับเขา “ฉันลืมบอกคุณไปอีกเรื่อง ตอนปลายเดือนนี้เป็นงานแต่งของฉัน ฉันจะแต่งออกจากบ้านของคุณย่านะคะ”
สวี่จื้อกั๋วไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไป จ้องมองสวี่ชิงอย่างเดือดดาล “แกว่าไงนะ!? แต่งงานตอนปลายเดือน?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อ้าว ถ้าพี่หนานตาดีขึ้นก็ต้องจากไปประจำการที่ชายแดนน่ะสิ แล้วชิงชิงจะอยู่ยังไงนี่
พ่อเลวนี่มาบ้านทีไร มู้ดดี ๆ ตั้งแต่ต้นตอนหายหมดเลย ไป๋หลางไล่ผู้ชายคนนี้ออกไปทีลูก
ไหหม่า(海馬)