เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 45 เมียนายลายมือสวยมาก
บทที่ 45 เมียนายลายมือสวยมาก
โจวจินหนานไม่รู้ว่าทำไมความตื่นเต้นของสวี่ชิงจึงปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน น้ำเสียงของเธอราวกับคาดหวังบางอย่าง ท่าทางแห่งความสุขใจดุจเด็กเล็กบังเกิดชัด
เขาเดินตามสวี่ชิงไปยังซอยฮวยซู่โดยไม่ถามอะไร
เมื่อสวี่ชิงมาถึงบ้าน หญิงสาวก็กล่าวทักทายเฟิงซูฮวา จากนั้นเดินไปยังโต๊ะอาหารขนาดเล็กในห้องครัว กางกระดาษสีขาวขนาดใหญ่ออกก่อนจะเริ่มเขียนด้วยแปรงจุ่มหมึก
ในชีวิตที่แล้ว สวี่ชิงชื่นชอบการอ่าน วาด และเขียนจนเรียกได้ว่าเป็นงานอดิเรกของเธอ ดังนั้นลวดลายของตัวอักษรที่บรรจงเขียนจึงงดงาม
การตวัดแปรงของเธอลื่นไหลดุจสายน้ำ แต่ละตัวอักษรก็วิจิตรบรรจง
โจวจินหนานได้กลิ่นฉุนของหมึกลอยโชยมาจึงเกิดความสงสัย “คุณจะเขียนอะไรครับ?”
สวี่ชิงกล่าวโดยไม่คิด “รายงานครั้งใหญ่”
หลังพูดออกไปเธอก็ตระหนักได้ว่า โจวจินหนานอาจรังเกียจการกระทำเช่นนี้จึงรีบอธิบาย “หมายถึงป้ายประกาศน่ะค่ะ”
โจวจินหนานไม่ได้ถามอะไรต่อ สวี่ชิงก็ตั้งใจต่อสิ่งที่กำลังทำอย่างมาก
สวี่ชิงเขียนป้ายประกาศจำนวนสามฉบับเกี่ยวกับสวี่หรูเยว่ว่า หล่อนได้ทำการโกงคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยสลับข้อสอบของผู้อื่น แต่กลับอ้างว่าตัวเองเผาน้ำมันตะเกียงตอนเที่ยงคืน *(1)และตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น*(2) คนเช่นนี้สมควรได้รับการศึกษาที่ดีได้อย่างไร!
หากทางมหาวิทยาลัยและกระทรวงศึกษาธิการไม่ตรวจสอบอย่างเข้มงวด จะต้องเป็นที่ครหาของนักเรียนคนอื่นอย่างแน่นอน
เธอแทรกคำยั่วยุมากมายลงไปในจดหมาย
สวี่ชิงเคยบริหารจัดการองค์กรขนาดใหญ่ เธอจึงรู้วิธีดึงดูดผู้คนเป็นอย่างดี
แน่นอนว่าผู้ใดได้อ่านจดหมายนี้จะต้องเกิดความไม่พอใจและโกรธเคือง!
หลังเขียนและอ่านอย่างระมัดระวังถึงสองครั้งเพื่อตรวจทานให้แน่ใจว่าไม่มีข้อความใดผิดหรือตกหล่น เธอก็ทำให้หมึกแห้งสนิทอย่างประณีต
โจวจินหนานถาม “คุณจะส่งจดหมายนี้ไปที่มหาวิทยาลัยใช่ไหมครับ?”
สวี่ชิงจ้องมองโจวจินหนานด้วยความประหลาดใจ “พี่รู้ได้ยังไงคะ?”
โจวจินหนานยื่นมือออกมา “เอามันมาให้ผมดีกว่าครับ ผมจะหาคนที่ไว้ใจได้นำไปส่ง เพื่อให้แน่ใจว่าป้ายประกาศจะไม่ถูกทำลายและไม่มีใครรู้ว่าคุณเป็นคนเขียน”
สวี่ชิงเห็นด้วย หากเธอนำส่งด้วยตัวเอง สวี่หรูเยว่ต้องทำลายทิ้งอย่างแน่นอน ความจริงของเรื่องนี้ก็จะไม่ถูกเปิดโปง
แต่การที่ถูกจับได้ว่าเป็นคนเขียนนั้น สวี่ชิงไม่ได้เกรงกลัว
เพราะหากมีอะไรเกิดขึ้น ฟางหลานซินก็จ้องสงสัยเธอเป็นคนแรกอยู่แล้ว
“จะไม่ถามถึงเนื้อหาที่ฉันเขียนหน่อยเหรอคะ?”
โจวจินหนานยิ้ม “ไม่ว่าคุณจะเขียนอะไร ผมก็เชื่อว่าคุณจะไม่ทำร้ายผู้อื่นโดยไม่มีหลักฐาน”
สวี่ชิงเองก็หัวเราะเช่นกัน เธอรู้สึกดีที่เขาเชื่อใจ “ฉันกำลังจะเปิดโปงสวี่หรูเยว่เรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของเธอ คุณจะโกรธไหมคะ?”
โจวจินหนานส่ายหัว “ไม่ เพราะหล่อนกระทำผิดจริง ตอนนี้คุณช่วยโทรหาเกาจ้านให้มารับผมได้ไหม คุณจะได้ไม่ต้องไปที่นั่นด้วยตัวเอง”
สวี่ชิงครุ่นคิดพลางเห็นด้วยกับข้อเสนอของเขา
เธอรีบวิ่งไปยังที่ทำการไปรษณีย์เพื่อโทรหาเกาจ้านตามหมายเลขโทรศัพท์ที่โจวจินหนานมอบให้ จากนั้นก็รุดไปซื้อกาวมาให้เขาเพื่อเตรียมการ
เกาจ้านมาถึงอย่างรวดเร็ว หลังโจวจินหนานขึ้นรถ เขาก็รีบบึ่งออกไปทันที
วันรุ่งขึ้นสวี่ชิงอดไม่ได้ที่จะไปดูที่มหาวิทยาลัย แต่เธอไม่รู้ว่าโจวจินหนานติดป้ายประกาศเหล่านั้นหรือยัง
และไม่รู้ว่าปฏิกิริยาของทุกคนเป็นอย่างไร
แต่ในที่สุดก็ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้ เธอบอกเฟิงซูฮวาว่าจะเดินทางไปยังมหาวิทยาลัยประจำจังหวัด
ประตูมหาวิทยาลัยเงียบสงัด สวี่ชิงคิดว่าโจวจินหนานอาจส่งติดป้ายประกาศไว้ที่หน้าประตู
ถ้าไม่ใช่ตรงนี้แล้วเขาเอาไว้ตรงไหน?
เธอเดินเข้าไปในมหาวิทยาลัยด้วยความสงสัย เมื่อตรงไปยังอาคารเรียนก็บังเอิญได้ยินเหล่านักศึกษาที่เดินผ่านไปมากระซิบกระซาบกัน
“เมื่อกี๊ฉันเดินผ่านตึกเฉอเต๋อเห็นป้ายประกาศที่ติดไว้บนกระดานโฆษณา เขียนว่ามีคนฉ้อโกงคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยแหละ”
“ฉันก็เห็น แต่มีผู้ชายสองคนไปยืนอยู่ด้านหน้าป้ายประกาศนั้น ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้เลย และไม่ยอมให้ใครทำลายด้วย”
เมื่อได้ยินดังนั้นสวี่ชิงก็วิ่งไปยังอาคารเฉอเต๋อทันที
เธอเห็นกลุ่มคนยืนล้อมรอบป้ายประกาศพร้อมพูดคุยกันจากระยะไกล
สวี่ชิงวิ่งเข้าหาฝูงชน เห็นป้ายประกาศถูกติดอย่างเรียบร้อยกลางกระดานโฆษณา มีชายสองคนยืนเฝ้าเพื่อไม่ให้ใครบุกเข้าไปทำลายมัน
เมื่อคิดว่านี่เป็นผลงานชิ้นเอกของตัวเอง โจวจินหนานก็อดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะหัวเราะพลางได้ยินเสียงพูดคุยมากมาย
“โกงคะแนนสอบ น่าขยะแขยง”
“ใช่ เรานอนกันวันละสองสามชั่วโมงเพื่ออ่านหนังสือสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่คนคนนี้กลับโกงคะแนนเพื่อมาแทนที่คนอื่นเนี่ยนะ”
“น่ารังเกียจเกินไปแล้ว!”
“คนแบบนี้ไม่สมควรได้รับการศึกษา”
โจวจินหนานและเกาจ้านเองกำลังเฝ้ามองจากระยะไกลเช่นกัน จากนั้นเกาจานก็กล่าวขึ้น “เมียนายก็อยู่ที่นี่ด้วย”
โจวจินหนานทำตัวไม่ถูก “เธอไม่กลัวอะไรเลยจริง ๆ”
เกาจ้านกอดอกกล่าวกับโจวจินหนานต่อ “แต่เมียนายลายมือสวยมาก ยังกับฝึกฝนมานานหลายปีเลย”
โจวจินหนานภาคภูมิใจต่อคำชมเชยที่มีต่อสวี่ชิงอย่างอธิบายไม่ได้ “เธอยอดเยี่ยมอยู่แล้ว”
เกาจ้านถอนหายใจ “นายหลงรักเธอแล้วสินะ!”
โจวจินหนานไม่สนใจ เขาเพียงเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัยเท่านั้น
เขาไม่รู้ถึงสาเหตุแห่งความคับข้องใจระหว่างสวี่ชิง ฟานหลานซิน และสวี่หรูเยว่ แต่ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจทำอะไร โจวจินหนานก็จะสนับสนุนโดยไม่มีเงื่อนไข
เกาจ้านจ้องมองด้วยความตื่นเต้นพลางสนทนากับโจวจินหนานด้วยเสียงทุ้มต่ำ เขาไม่เคยคาดหวังว่าอีกฝ่ายจะแต่งงานกับหญิงผู้นี้
มหาวิทยาลัยเกิดความโกลาหลตั้งแต่เช้า ทำให้เหล่าผู้บริหารตื่นตระหนก
ผู้บริหารสั่งให้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยฉีกทำลายป้ายประกาศ แต่พวกเขากลับหวาดกลัวชายสองคนที่เฝ้าดูอยู่
สวี่ชิงเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยไม่สามารถทำลายป้ายประกาศได้ พวกเขาก็เดินกลับไปด้วยท่าทางอับอาย
ผู้บริหารไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเรียกประชุมฉุกเฉิน
อันที่จริงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้คนจะโกงคะแนนหรือใช้ชื่อปลอมในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
มีช่องโหว่มากมายในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่จะได้เปรียบต่อเหล่าผู้มีความสามารถ
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนที่หัวไชเท้าเติบโตในหลุมของมัน*(3) ทุกคนต่างได้รับการศึกษา
ดังนั้นสิ่งที่ทางมหาวิทยาลัยเพิกเฉยและปกปิดมาโดยตลอดจึงได้รับการเปิดโปงโดยไม่อาจยับยั้งได้
หากนักศึกษาเหล่านี้รวมตัวกันเพื่อเคลื่อนไหว ประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอยอย่างแน่นอน
เมื่อซ่งหลิงหลิงเพื่อนสนิทของสวี่หรูเยว่เห็นป้ายประกาศก็รุดไปยังบ้านของอีกฝ่ายทันที
เมื่อสวี่หรูเยว่ได้ยินว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยของหล่อนถูกเปิดโปงบนกระดานโฆษณาก็แทบเข่าทรุด จ้องมองซ่งหลิงหลิงอย่างเหลือเชื่อ “เธอพูดจริงเหรอ?”
ซ่งหลิงหลิงพยักหน้า “ตอนนี้ทุกคนในมหาวิทยาลัยรับรู้ข่าวนี้และโกรธมาก พวกเขาบอกว่าการโกงคะแนนสอบของเธอเพื่อแทนที่คนอื่นเป็นเรื่องน่ารังเกียจ!”
ฟางหลานซินที่ผ่านมาได้ยินตกใจจนถ้วยชาในมือหล่น แต่ยังคงพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไร้สาระ!! หรูเยว่ของเราสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ด้วยความสามารถของเธอเอง”
ซ่งหลิงหลิงกล่าวอย่างลังเล “ทำไมคุณน้าไม่ไปดูที่มหาวิทยาลัยล่ะคะ? ตอนนี้ผู้คนมากมายต่างหลั่งไหลเข้ามาอ่านป้ายประกาศ พวกเขาโกรธมาก เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาที่นั่นเพื่อจะฉีกทำลายป้ายประกาศ แต่ก็ถูกขวางไว้”
ความคิดแรกของฟานหลานซินคือ สวี่ชิงเป็นคนทำเรื่องนี้
แต่สวี่ชิงจะรู้ได้อย่างไรว่าสวี่หรูเยว่โกงคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัย?
ในตอนแรก ฟางหลานซินเน้นย้ำให้สวี่หรูเยว่ขะมักเขม้นในการอ่านหนังสือเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ไม่ว่าจะพยายามเพียงใด หล่อนก็สอบได้เพียงห้าสิบคะแนนเท่านั้น
ดังนั้นติงชางเหวินจึงทำการสลับข้อสอบของหล่อนกับนักศึกษาคนอื่น
แน่นอนว่าไม่มีใครรู้เรื่องนี้ นับประสาอะไรกับสวี่ชิง
สวี่หรูเยว่ตื่นตระหนกมากขึ้น “แม่คะ เราจะทำยังไงดี?”
ฟางหลานซินจ้องมองลูกสาว “จะกลัวอะไร? อย่าลืมสิว่าลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ด้วยความสามารถของตัวเอง ไปดูกันเถอะว่าใครใส่ร้ายเรื่องไร้สาระแบบนี้ให้กับลูก!”
……………………………………………………………………………………
สำนวน หมายถึงอยู่อ่านหนังสือหรือทำงานจนดึกดื่น
สำนวน หมายถึงเหน็ดเหนื่อยทำอะไรสักอย่าง โดยไม่ได้รับผลประโยชน์หรือผลดีใดเลย และบางทีผลประโยชน์ที่คาดหวังจะได้รับก็กลับกลายเป็นของผู้อื่น
สำนวน หมายถึงทุกคนมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ไม่มีผู้ใดสนใจเรื่องของคนอื่น
สารจากผู้แปล
ความสามารถตัวเองอะไร โกงเขาชัดๆ นังหรูเยว่ยังไม่รอดแน่ค่ะ
ไหหม่า(海馬)