เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 44 ดึงโจวจินหนานให้มาทำเรื่องแย่ ๆ ด้วยกัน
บทที่ 44 ดึงโจวจินหนานให้มาทำเรื่องแย่ ๆ ด้วยกัน
พวกเขานั่งรับประทานอาหารกลางวันอยู่ใต้ซุ้มเถาองุ่นอย่างสบายใจ
ระหว่างรับประทานอาหาร สวี่ชิงมองดูโจวจินหนานและเฟิงชูฮวา ขณะที่ลมเย็นพัดโชย แสงแดดส่องลอดช่องว่างระหว่างใบองุ่น
ทุกอย่างช่างเงียบสงบและสวยงามจริง ๆ
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะใช้ชีวิตแบบนี้มานานหลายปีแล้ว!
หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน สวี่ชิงต้องการให้โจวจินหนานพักผ่อนในเวลาพักกลางวันโดยที่ไม่ต้องเดินทางไปที่ไหน
แต่สุดท้ายแล้วเธอก็อยากเห็นบ้านหลังใหม่ที่โจวจินหนานซื้อเอาไว้
เธอพาไป๋หลางขึ้นรถบัสไปด้วยไม่ได้ แต่สวี่ชิงไม่อาจทนเห็นโจวจินหนานเดินท่ามกลางแสงแดดแผดเผาได้ ดังนั้นเธอจึงเรียกรถสามล้อมารับแล้วให้ไป๋หลางวิ่งตามข้างหลัง
โจวจินหนานไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะเขาไม่อยากให้สวี่ชิงต้องทนทุกข์ ในตอนที่ฝึกรบอยู่แถวทะเลจีนใต้กับแถวทะเลทราย สถานที่เหล่านั้นแดดร้อนกว่านี้ด้วยซ้ำ
แม้แต่การฝึกธรรมดาก็ยังยากลำบากกว่านี้จนเทียบไม่ติด
ดังนั้นแสงแดดจึงไม่มีความหมายสำหรับเขา แต่เมื่อคิดถึงสาวน้อยอย่างสวี่ชิงแล้ว เขาจึงต้องเดินตามเธอขึ้นไปบนรถโดยไม่คัดค้าน
บนรถสามล้อมีพื้นที่ไม่มาก โจวจินหนานที่มีรูปร่างสูงโปร่งและขายาวจึงใช้พื้นที่นั่งมากกว่าครึ่ง ขณะที่สวี่ชิงนั่งอยู่บนขอบรถอย่างไม่ได้ตั้งใจ เธอคิดในใจว่าพวกตนเป็นคู่สามีภรรยากันแล้ว และในอนาคตทั้งคู่จะต้องมีการกระทำที่ใกล้ชิดกว่านี้มาก
ดังนั้นทั้งสองจึงเขยิบเข้าไปนั่งใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่าย
ครั้นคนขับรถเริ่มออกรถ บรรยากาศรอบข้างก็ปลอดโปร่งขึ้นกว่าเดิม
โจวจินหนานพลันได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่เหมือนกับกลิ่นลูกท้อที่เขาเคยกินหรือกลิ่นหอมของดอกไม้ในตอนที่เขาเดินทางไปยังตอนใต้
คำว่า ‘กลิ่นหอมของสาวแรกแย้ม’ ปรากฏขึ้นในความคิดของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้ริมฝีปากของโจวจินหนานแห้งผากและหน้าแดงทันที
สวี่ชิงหันไปคุยกับโจวจินหนาน เขานั่งตัวตรง วางมือไว้บนเข่า แต่ใบหูกลับแดงก่ำอย่างน่าแปลกใจ
จิตใจของเธอคิดหาเหตุผลต่าง ๆ นานา แต่ทันใดนั้นเธอก็คาดเดาได้แล้วว่าเพราะเหตุใด ความจริงก็คือมีความคิดไม่ดีบางอย่างผุดขึ้นมาในสมองของโจวจินหนานสินะ
เธอสามารถสัมผัสได้ว่าร่างกายของเขาแข็งทื่อเล็กน้อย สุดท้ายแล้วเธอก็อดอมยิ้มไม่ได้ ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นแล้วเอื้อมมือออกไปแล้วใช้นิ้วเกาหลังมือของเขาเบา ๆ
เมื่อเห็นว่าใบหูของโจวจินหนานแดงก่ำกว่าเดิม เธอก็คลี่ยิ้มแล้วก่อนวางฝ่ามือของเขาลงบนมือของตนเอง
พวกเขาคือสามีและภรรยา ดังนั้นในอนาคตพวกเขาคงจะคุ้นชินกับการกระทำที่ใกล้ชิดสนิทสนมเหล่านี้
โจวจินหนานเงียบไปชั่วครู่ ก่อนหันฝ่ามือไปจับมือของสวี่ชิงไว้ในฝ่ามือใหญ่ของตน
สวี่ชิงมองโจวจินหนานแล้วพบว่าเขายังคงนั่งหลังตรง ขบกรามแน่น และแสดงสีหน้าเคร่งขรึม แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ปล่อยมือเธอ
เธอจึงอดยิ้มออกมาไม่ได้
อย่างไรก็ตามการกระทำเพียงเล็กน้อยสามารถทำให้ความรู้สึกของคนทั้งสองใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
เมื่อไปถึงที่นั่น สวี่ชิงก็จับมือของโจวจินหนานและพบกับบ้านของติงชางเหวินเป็นลำดับแรก จากนั้นไปยังบ้านที่โจวจินหนานโอ้อวดเอาไว้
ที่ดินผืนนี้อยู่ไม่ไกลจากบ้านของติงชางเหวินจริง ๆ ซึ่งเส้นแบ่งของพื้นที่ทั้งสองบ้านคือถนนที่พาดผ่าน
ที่ดินผืนนี้เล็กกว่าบ้านของติงชางเหวิน ภายในบ้านมีห้องโถงสามห้อง ห้องด้านข้างหนึ่งห้อง และห้องเก็บของขนาดเล็ก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ลานบ้านเหลือพื้นที่น้อย ภายในลานบ้านมีต้นเจดีย์(1)เก่าแก่สูงตระหง่าน แผ่กิ่งก้านสาขาปกคลุมทั่วบริเวณ ทำให้ลานบ้านถูกปกคลุมไปด้วยเงาไม้
แม้จะเป็นฤดูร้อน แต่อากาศกลับเย็นสบายเป็นพิเศษ
เมื่อเห็นว่าสวี่ชิงไม่พูดอะไร โจวจินหนานจึงอธิบาย “ผมฟังคำอธิบายจากเกาจ้านแล้ว แต่น่าเสียดายที่ที่นี่ปลูกผักไม่ได้ เพราะต้นเจดีย์มันแผ่พุ่มกว้างเกินไปจึงบังแสงแดดจนหมด ผมว่าเราคงต้องจ้างใครสักคนมาตัดกิ่งต้นไม้แล้วล่ะ”
สวี่ชิงจับมือโจวจินหนานแน่นพลางกล่าวว่า “ฉันว่ามันสวยมากเลยค่ะ! ขอบคุณพี่มากที่ซื้อบ้านหลังนี้ให้ฉัน ฉันชอบบ้านหลังนี้มาก”
โจวจินหนานถูกสะกดด้วยน้ำเสียงของสวี่ชิง ตอนนั้นเองริมฝีปากของเขาพลันถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “ถ้าคุณชอบ ก็เดินดูได้เลยว่าเราต้องเพิ่มอะไรบ้าง อีกสองวันผมจะจ้างช่างมาทาสีอีกครั้ง ถ้าผมใช้บ้านหลังนี้เป็นเรือนหอ คุณจะเสียใจไหม?”
สวี่ชิงมองโจวจินหนานด้วยความประหลาดใจ “พี่หมายความว่าเราจะย้ายมาอยู่ที่นี่หลังแต่งงานเหรอ?”
เธอคิดว่าเขาจะใช้ห้องหอเป็นห้องที่บ้านพักในมหาวิทยาลัยประจำมณฑลเสียอีก แต่ถึงอย่างนั้นห้องที่อยู่ปีกเหนือก็ยังเป็นห้องของโจวจินหนานอยู่ดี
โจวจินหนานส่ายหน้า “หากคุณมาอาศัยอยู่ที่นี่แล้ว จงจำไว้ว่าไม่จำเป็นต้องใส่ใจใครและอย่าโทษตัวเองอีก ขอแค่คุณมีความสุขก็พอแล้ว”
สวี่ชิงจ้องมองโจวจินหนานด้วยดวงตากลมโต ‘แบบนี้เรียกว่าความรักใช่ไหม?’
จู่ ๆ เธอก็หันกลับมาและสวมกอดเขาแน่น “โจวจินหนาน ขอบคุณมากนะคะ!”
“โอ้ พวกคุณทำอะไรกันน่ะ!”
ก่อนที่โจวจินหนานจะได้ตอบโต้ เขาก็ได้ยินเสียงเล็กแหลมดังขึ้น จึงรีบจับไหล่ของสวี่ชิงเพื่อช่วยให้เธอลุกยืนขึ้น
สวี่ชิงหันมองไปทางประตูแล้วก็พบกับหญิงวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบปี ผิวคล้ำ รูปร่างแข็งแรง เรือนผมถูกตัดจนสั้นกุด หากไม่ใส่เสื้อแขนยาวลายดอกไม้ สวี่ชิงคงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย!
หญิงวัยกลางคนมองสวี่ชิงและโจวจินหนานด้วยสายตาดูถูก พลางกล่าวว่า “กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันกลางวันแสก ๆ ไม่อายชาวบ้านบ้างเหรอ”
สวี่ชิงไม่คุ้นชินกับนิสัยของเธอ “คุณเป็นใครเหรอคะ? นี่คือลานบ้านของพวกเรา พวกเราจะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ แล้วคุณมีปัญหาอะไรเหรอคะ?”
หญิงวัยกลางคนแค่นเสียง “ฉันมาที่นี่เพื่อทักทายและดูว่าเพื่อนบ้านในอนาคตของฉันเป็นยังไง แต่สุดท้ายก็ต้องมาเห็นภาพนี้”
พูดจบ สายตาของหญิงวัยกลางคนก็เต็มไปด้วยแววดูถูกเหยียดหยาม
สวี่ชิงต้องการใช้ชีวิตอย่างความสุข แต่แล้วทำไมจู่ ๆ คนที่เพิ่งโผล่มาจากที่ไหนไม่รู้ถึงทำตัวเหนือกว่าเธอล่ะ?
ขณะที่เธอกำลังจะตอบโต้ หญิงชราคนหนึ่งก็เดินงก ๆ เงิ่น ๆ เข้ามาหาผู้หญิงวัยกลางคน
เธอคือแม่เฒ่าติงแม่ของติงชางเหวินนั่นเอง
สวี่ชิงคาดเดาได้ทันทีว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอคงจะเป็นหวังไก๋ฮวาภรรยาของติงชางเหวินตามคำบอกเล่าของคุณป้าขายไอติม
เมื่อแม่เฒ่าติงสังเกตเห็นสวี่ชิงและโจวจินหนาน ใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นไม่สู้ดีทันที “พวกเธอเป็นคนซื้อบ้านต่อจากครอบครัวหลิวเองเหรอ”
ครั้งล่าสุดนางเกือบจะปล่อยบ้านให้สวี่ชิงเช่าแล้ว เพราะราคาเช่าสมเหตุสมผลทีเดียว
แต่ผลสุดท้ายสวี่ชิงก็ปฏิเสธที่จะเช่า แม้สองสามวันที่ผ่านมาจะมีผู้คนแวะเวียนมาดูบ้านเช่าอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครแบกรับค่าเช่าแปดหยวนได้ ซึ่งบางคนไม่มีเงินจ่าย แม้จะลดให้เหลือห้าหยวนด้วยซ้ำ
แม่เฒ่าติงรู้สึกเสียดายเป็นที่สุดเมื่อได้ยินว่าบ้านของครอบครัวหลิวถูกซื้อไปในราคาที่สูงถึงสองพันหยวน ดังนั้นพวกเขาจึงมาที่นี่เพื่อดูคนคนนั้น
ทว่าไม่คาดคิดว่าจะเป็นสวี่ชิงและแฟนหนุ่มตาบอดของเธอ
เมื่อหวังไก๋ฮวาเห็นว่าแม่เฒ่าติงรู้จักสวี่ชิง หล่อนจึงพ่นลมหายใจแล้วถาม “ คุณแม่รู้จักพวกเขาเหรอคะ?”
หล่อนตั้งตัวเป็นศัตรูกับผู้หญิงสวยทุกคน
เนื่องจากหล่อนไม่ได้เป็นคนหน้าตาดี แต่กลับได้แต่งงานกับติงชางเหวินผู้สง่างามและมีการศึกษาดี ต่อให้ติงชางเหวินจะเป็นคนโรแมนติก แต่เขาก็มีบ้านเล็กบ้านน้อยอยู่ข้างนอกเช่นกัน
หลายปีที่ผ่านมาเธอก็ยังไม่หยุดที่จะต่อสู้กับเรื่องพรรค์นั้น ดังนั้นเมื่อเธอเห็นสาวสวยคนไหนก็มักจะคิดว่าผู้หญิงตั้งใจจะยั่วยวนติงชางเหวิน
แม่เฒ่าติงตอบ “ใช่”
จากนั้นแม่เฒ่าก็เดินงก ๆ เงิ่น ๆ กลับไป นางเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะถ้าตนเองขายบ้านให้สวี่ชิงตั้งแต่แรก ป่านนี้นางคงมีเงินล้นมือแล้ว
หวังไก๋ฮวาปรายตามองสวี่ชิงและโจวจินหนานอีกครั้ง ก่อนหันหลังกลับแล้วเดินออกไป
โจวจินหนานรู้สึกเสียใจ “ในอนาคตพวกเราจะต้องเป็นเพื่อนบ้านกับพวกเขาสินะ”
เมื่อคิดถึงระยะห่างระหว่างบ้านทั้งสองหลัง ตราบใดที่ไม่มีการติดต่อสื่อสาร ก็จะไม่มีการแตกหัก เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาหาเรื่องทะเลาะพวกเขาก่อน
สวี่ชิงรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากที่ได้เจอหวังไก๋ฮวา “ไม่หรอกค่ะ ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องดีซะมากกว่า บางทีในอนาคตเราอาจจะเข้ากันได้ดีก็ได้”
โจวจินหนานไม่รู้ว่าความตื่นเต้นของสวี่ชิงมาจากที่ใด “ทำไมคุณถึงคิดว่ามันเป็นเรื่องดีล่ะ?”
สวี่ชิงอดใจรอไม่ไหว “พี่จินหนาน หลังพวกเราสำรวจลานบ้านเสร็จแล้ว ฉันจะกลับไปเขียนอะไรบางอย่าง แล้วค่อยเจอกันที่มหาวิทยาลัยประจำมณฑลนะคะ”
เธอจะรีบกลับไปเขียนประกาศตัวโตๆ ให้สวี่หรูเยว่อย่างไรล่ะ!
…………………………………………………………………………………………………………………………
ต้นไม้ใหญ่ชนิดหนึ่ง ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sophora japonica Linn. นิยมปลูกให้ร่มเงา (ภาพจาก https://baike.baidu.com/item/%E5%8F%A4%E6%A7%90/14694331)
สารจากผู้แปล
ต่อไปคงมีเรื่องบันเทิงเกิดขึ้นแล้วล่ะมั้ง ดันเป็นเพื่อนบ้านกับครอบครัวชู้ของแม่เลี้ยง แถมเมียหลวงชู้ก็กลับมาอยู่บ้านแม่สามีด้วย ไหนจะนังหรูเยว่ที่จะโดนแฉว่าใช้เส้นเข้ามหาวิทยาลัยอีก
ไหหม่า(海馬)