เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 42 ไป๋หลางเพื่อนร่วมทีมระดับเทพ
บทที่ 42 ไป๋หลางเพื่อนร่วมทีมระดับเทพ
กลางเดือนมิถุนายน อากาศร้อนขึ้นเรื่อย ๆ
ธุรกิจของคุณป้าก็ดีขึ้นมากเช่นกัน นางขายไอติมแท่งหนึ่งกล่องหมดเกลี้ยงในช่วงก่อนเที่ยง อีกทั้งในตอนบ่ายยังเข้าไปขายได้อีกกล่อง
เมื่อสวี่ชิงผ่านไป คุณป้าก็กำลังนับเงินอย่างมีความสุข ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินหนึ่งหรือสองเฟิน มูลค่าสูงสุดที่นางขายได้ต่อวันคือหนึ่งหรือสองเหมา
ถึงกระนั้นคุณป้าก็แสดงออกมาราวกับมีเงินล้าน ดวงตาหรี่ลงด้วยความปิติยินดี
เมื่อเห็นสวี่ชิง นางก็รีบยัดเงินลงในกระเป๋าอกเสื้อและโบกมือให้เธอ “เธอมาได้เวลาพอดี ฉันเพิ่งเห็นว่าแม่เลี้ยงของเธอตามศาสตราจารย์ติงไปที่ร้านอาหารข้าง ๆ ตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย ช่วงนี้พวกเขาเจอกันบ่อยมาก”
สวี่ชิงเห็นไอติมในกล่องของคุณป้าถูกขายหมดแล้วและยังมีน้ำหยดจากด้านล่าง จึงรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย “ไอติมละลายแล้วเหรอคะ?”
คุณป้าโบกมืออย่างร่าเริง “เปล่าหรอก เพราะอากาศร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ป้าเลยซื้อน้ำแข็งก้อนใหญ่จากโรงงานไอติมมาวางไว้ตรงกลาง ใส่ไอติมรอบ ๆ แล้วคลุมด้วยผ้าห่ม ไอติมจะละลายช้าลง”
สวี่ชิงยังคงกังวลว่าในสภาพอากาศร้อนเช่นนี้จะไม่สามารถเก็บพะโล้ไว้ได้ หากจะซื้อตู้เย็นก็มีราคาแพงเกินไป
หลังได้ฟังวิธีของคุณป้าก็เกิดความคิดในใจ “น้ำแข็งก้อนแบบนี้แพงไหมคะ?”
คุณป้าส่ายหัว “ไม่แพงเลย หลานชายของป้าทำงานอยู่ในนั้น ราคาหนึ่งหยวนห้าเหมาเอง”
ถึงอย่างไรการนำถังน้ำประปาไปแช่ในช่องแช่แข็งให้น้ำแข็งตัวเป็นก้อนก็ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ
หลังสิ้นคำก็มองสวี่ชิง “เธอไม่สนใจเรื่องแม่เลี้ยงเหรอ? ฉันจะบอกให้ ภรรยาของศาสตราจารย์ติงกลับมาแล้วและยังอยู่ในตรอกเหนือสถานี หากภรรยาของเขารู้เข้าจะต้องเกิดเรื่องไม่น่าดูขึ้นอย่างแน่นอน”
สวี่ชิงแสร้งเป็นกังวลทันที “ฉันกังวลจะตายอยู่แล้ว อีกสักครู่จะไปดูนี่แหละค่ะ”
จากนั้นเธอก็พูดคุยกับคุณป้าสองสามคำ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีสำหรับความสะดวกในการซื้อก้อนน้ำแข็งในอนาคต
หลังจากบอกลากันแล้วเธอก็ไม่รีบร้อนไปที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้าม ก่อนเข้าไปรอในที่ที่ไม่เป็นจุดเด่น
หลังจากรอนานกว่าสิบนาที เฟิงหลานซินกับติงชางเหวินก็ออกมาจากร้านอาหาร สีหน้าทั้งคู่ดูย่ำแย่และรีบเดินไปทางทิศเหนือ
สวี่ชิงสงสัยว่านี่เป็นความขัดแย้งระหว่างคนทั้งสองหรือไม่? จึงตามไปอย่างช้า ๆ อยู่ห่าง ๆ
เมื่อเห็นทั้งสองเข้าไปในสวนสาธารณะใกล้ ๆ ก็เดินตามไปด้วย
จนกระทั่งไปถึงมุมที่เงียบสงบ ฟางหลานซินและติงชางเหวินจึงหยุดเดิน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ฟางหลานซินก็ระเบิดความขุ่นเคืองออกมา “ติงชางเหวิน ตอนนี้คุณหมายความว่ายังไง? คุณไม่สนใจเรื่องของหรูเยว่แล้วงั้นเหรอ?”
ติงชางเหวินดันแว่นตาด้วยสีหน้าเข้มขึ้น “ผมต้องทำยังไง? ตอนนี้โจวจินซวนไม่ยอมแต่งงาน จะให้โจวเฉิงเหวินกดดันเขาเรื่องแต่งงานได้ยังไงล่ะ?”
ฟางหลานซินรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย “แล้วหรูเยว่ล่ะจะทำยังไง? คุณจะทำแค่ดูหล่อนมีชีวิตล้มเหลวไปอย่างงั้นเหรอ?”
ติงชางเหวินก็โมโหมากเช่นกัน “คุณมักจะบอกว่าสั่งสอนลูกเป็นอย่างดี แล้วสอนกันยังไงถึงได้ทำเรื่องพรรค์นั้นได้”
ฟางหลานซินกล่าวเสียงสูง “คุณโทษว่าฉันไม่สั่งสอนลูกให้ดี? แล้วหลายปีมานี้คุณได้ทำหน้าที่พ่อที่ดีบ้างไหม? ตอนนี้คุณมีสิทธิ์อะไรมาโทษฉัน?”
ติงชางเหวินกลัวว่าเสียงโวยวายของฟางหลานซินจะเป็นที่สนใจของผู้คน ดังนั้นเขาจึงรีบลากหล่อนเข้าไปในพุ่มไม้ ซึ่งสะดวกกว่าสำหรับสวี่ชิงที่จะแอบฟัง
“คุณจะเสียงดังอะไรขนาดนั้น? กลัวไม่มีใครรู้เหรอ? อย่าลืมสิว่าถ้าไม่ใช่เพราะผม หรูเยว่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เหรอ? สอบวัดระดับเข้ามหาวิทยาลัย แต่ทำคะแนนได้แค่ไม่กี่สิบคะแนนเนี่ยนะ!”
เห็นได้ชัดว่าฟางหลานซินไม่อาจทนฟังได้ “ยังไงก็แล้วแต่ ถ้าหรูเยว่แต่งงานกับโจวจินซวนไม่ได้ ฉันไม่จบกับคุณแค่นี้แน่”
น้ำเสียงของติงชางเหวินเป็นกังวลเล็กน้อย “คุณจะไม่ไร้เหตุผลไปหน่อยเหรอ? ผู้ชายทั่วไปคนไหนจะยินดีแต่งงานกับหล่อน! ผมว่าแค่หรูเยว่ได้แต่งงานกับหลี่ต้าหย่งก็ดีถมไปแล้ว”
ฟางหลานซินยิ้มหยัน “ถ้าหรูเยว่ไม่ได้แต่งงานกับโจวจินซวน อย่ามาโทษฉันแล้วกันที่พูดว่าเกิดอะไรขึ้นในปีนั้น! คุณน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเย่หนานตายยังไง”
“พอได้แล้ว! คุณให้ผมคิดหาวิธีหน่อย!”
ติงชางเหวินทั้งโกรธและร้อนใจจนอยากจะฆ่าฟางหลานซินให้ตาย เพื่อที่เขาจะได้อยู่อย่างสงบสุข
สวี่ชิงตกตะลึง สวี่หรูเยว่เป็นลูกสาวของฟางหลานซินกับติงชางเหวิน และการที่สวี่หรูเยว่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้ ก็ดูเหมือนว่าหล่อนจะโกงโควต้าของคนอื่น
สิ่งที่ทำให้เธอตกใจยิ่งกว่านั้นก็คือการตายของเย่หนานมารดาผู้ให้กำเนิด เกี่ยวข้องกับติงชางเหวินจริง ๆ
มีความลับมากมายในชีวิตที่แล้วที่พวกเขาเก็บซ่อนไว้
จนกระทั่งฟางหลานซินกับติงชางเหวินจากไปเป็นเวลานานแล้ว สวี่ชิงจึงเพิ่งได้สติ
เธอออกจากสวนสาธารณะทันทีโดยไม่ลังเล ไปที่ร้านค้าเพื่อซื้อเครื่องเขียน ปากกาและหมึก จากนั้นจึงนั่งยอง ๆ ริมถนนเพื่อเขียนจดหมายรายงาน โดยรายงานว่าสวี่หรูเยว่เข้ามหาวิทยาลัยด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสม
จดหมายเขียนขึ้นทั้งหมดสามฉบับ และส่งไปยังแผนกต่าง ๆ สามแห่ง
เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบเอกสารและข้อสอบของผู้เข้าสอบในปี 1979!
หลังจากที่สวี่ชิงเขียนเสร็จในชั่วอึดใจเดียว เธอก็ไปที่ทำการไปรษณีย์เพื่อส่งจดหมาย นอกจากนี้เธอยังวางแผนจะเขียนโปสเตอร์ประกาศขนาดใหญ่อีกใบหนึ่งแปะไว้ที่ประตูมหาวิทยาลัยประจำมณฑล เพื่อทำให้สวี่หรูเยว่โด่งดัง
ยิ่งปัญหาใหญ่เท่าใด ฟางหลานซินกับติงชางเหวินก็ยิ่งกังวลมากขึ้นเท่านั้น
จากนั้นความลับของทั้งคู่ก็ไม่สามารถปิดบังเอาไว้ได้ บางทีอดีตที่พวกเขาตั้งใจปกปิดไว้ก็อาจปรากฏขึ้นเช่นกัน
สวี่ชิงไปซื้อกระดาษสีขาวแผ่นใหญ่และพู่กัน พร้อมจะนำกลับมาเขียนที่บ้าน
เนื่องจากมีหลายสิ่งที่ต้องทำ จึงตัดสินใจที่จะไม่เจอโจวจินหนานในช่วงนี้
ขณะที่ถือกระดาษขาวและพู่กันเขียนกลับบ้านด้วยความตื่นเต้น ไม่คาดคิดว่าโจวจินหนานจะนั่งอยู่ใต้ซุ้มองุ่นที่บ้านของคุณย่า และช่วยคุณย่าบดสมุนไพร
เมื่อเห็นสวี่ชิงกลับมา เฟิงซูฮวาก็โบกมืออย่างร่าเริง “จินหนานอยู่ที่นี่มาสักครู่หนึ่งแล้ว ช่วยงานย่าได้เยอะเลยล่ะ”
สวี่ชิงเห็นโจวจินหนานกําลังเอียงศีรษะ ขณะที่มือขยับเล็กน้อยและออกแรงบดยา เธอจึงยิ้มแล้วนั่งยองลงตรงหน้าโจวจินหนาน “พี่มาที่นี่ได้ยังไงคะ? ฉันเพิ่งเจอคนรู้จักเลยเสียเวลาคุยกับเขาอยู่ครู่หนึ่ง”
จินหนานพูดอย่างอ่อนโยน “เกาจ้านพาผมมาส่งที่ประตู ไม่ได้มีเรื่องอะไร ไม่ต้องรีบร้อน”
เขายังได้ยินน้ำเสียงที่แฝงได้ด้วยความสุขเล็กน้อยของสวี่ชิง เห็นได้ชัดว่าเธอกำลังอารมณ์ดีขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากที่สวี่ชิงพูดจบ เธอก็เห็นรอยถลอกบนใบหน้าของโจวจินหนาน บาดแผลนั้นกลายรอยแผลเป็นแล้ว จึงดูตกใจยิ่งกว่าเดิม “หน้าพี่เป็นอะไรไปคะ?”
เธอผุดลุกยืดตัวตรง เอื้อมมือไปสัมผัสโดยไม่คิดมาก
โจวจินหนานต้องการปิดบังแต่ถูกรั้งไว้ นิ้วอันเย็นเฉียบแต่อ่อนนุ่มแตะลงบนใบหน้าของเขา พร้อมกับกลิ่นดอกกุ้ยฮวาหอมหวานอวลอยู่ในโพรงจมูก
พลันเขาก็รู้สึกคอแห้ง ลูกกระเดือกสะท้อนขึ้นลงอย่างไม่ตั้งใจ
สวี่ชิงเพียงดูอาการบาดเจ็บที่ใบหน้าของโจวจินหนานเท่านั้น ไม่ได้ใส่ใจกับความไม่เป็นธรรมชาติของเขาเลย ขณะพูดด้วยความลำบากใจ “นี่โดนเพราะว่าไม่ระวังรึเปล่าคะ? พี่ทายาหรือยัง?”
ด้วยระยะห่างนั้นใกล้เกินไป เมื่อเธอพูด ลมหายใจอุ่น ๆ อันแผ่วเบาจึงกระทบบนใบหน้าของโจวจินหนานอย่างชัดเจน
เขาอดไม่ได้ที่จะหน้าแดง มือที่กำโกร่งบดยาก็ค่อย ๆ กำแน่นขึ้น
แม้ว่าเขาจะสนิทสนมกับสวี่ชิงมากขึ้น แต่ในขณะนั้นเขาก็ไม่รู้ตัว
ในตอนที่รู้ตัว เขาเคยได้พูดคุยกับเพศตรงข้ามอย่างใกล้ชิดที่ไหนกัน จึงรู้สึกประหม่าอย่างคาดไม่ถึง
สวี่ชิงสัมผัสรอยแผลเป็นของโจวจินหนานอีกครั้ง และหันไปมองเฟิงซูฮวา “คุณย่า มีขี้ผึ้งที่ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไหมคะ?”
ขณะที่กำลังจะหันไป ไป๋หลางก็ลุกขึ้นและพุ่งตัวเข้ากระแทกเอวของสวี่ชิง
สวี่ชิงที่เดิมนั่งยอง ๆ อยู่ การทรงตัวจึงไม่ค่อยเสถียร ส่งผลให้ร่างของเธอเซถลาไปทางโจวจินหนานทันที…
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ชิงชิงได้ความคิดในการเก็บพะโล้ยามหน้าร้อนแล้วสินะ
ส่วนเรื่องของแม่เลี้ยงกับชู้ก็เริ่มเข้มข้นแล้ว ตายยกครัวแน่นอน
ไป๋หลางคือกัปตันเรือสินะคะ ชงแรงมากค่ะ
ไหหม่า(海馬)