เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 340 อวี๋เซี่ยงตงปกป้องโจวจินหนาน
บทที่ 340 อวี๋เซี่ยงตงปกป้องโจวจินหนาน
หม่าเสวี่ยหลานจ้องตาสวี่ชิง เห็นเธอไม่ตกใจเลยสักนิด ก็ดูเหมือนเรื่องที่ตำรวจสองคนมาตรวจสอบจะเป็นความจริงแล้ว
หล่อนยิ้มอย่างดีใจ “พวกเราเองก็ถามเหมือนกัน ตำรวจบอกว่าไม่อาจปล่อยคนร้ายไปได้สักคนเดียว ทำให้คนดีไม่ได้รับความเป็นธรรม ถ้าล้างมลทินให้เธอได้ไม่ใช่ว่าก็ทำให้คนดี ๆ ชื่นใจหรอกเหรอ?”
สวี่ชิง ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าเหตุใดเรื่องที่มันผ่านไปกว่าครึ่งปีแล้วจู่ ๆ พลิกผันเช่นนี้ เป็นไปได้ไหมว่าโจวจินหนานจะเป็นคนทำ?
หม่าเสวี่ยหลานถอนหายใจ “คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนกันก็ทนไปได้นะ ทำไมเธอถึงไม่พูดตั้งแต่ตอนนั้น”
สวี่ชิงยิ้ม “ถ้าตอนนั้นฉันพูด ก็ใช่ว่าจะมีคนเชื่อฉันนี่คะ”
หม่าเสวี่ยหลานพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “นั่นก็ใช่นะ ถึงยังไงฉันก็แค่มาบอกเธอเท่านี้แหละ ฉันไปก่อนนะ”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็ดื่มนมธัญพืชที่เหลือจนหมดในคำเดียว ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปอย่างมีความสุขในขณะที่พูดกับสวี่ชิงว่า “งั้นฉันจะกลับไปก่อนนะ ถ้ามีเวลาก็ไปเล่นที่บ้านฉันบ้างล่ะ”
แท้จริงแล้ว จุดประสงค์ของการวิ่งมาถึงที่นี่ก็เพื่อเพียงจับผิดคำพูดของสวี่ชิงว่าสิ่งที่ตำรวจพูดนั้นคือเรื่องจริงหรือไม่?
เมื่อมองสีหน้าของสวี่ชิงในตอนนี้ หล่อนก็รู้แล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง!
หล่อนต้องรีบกลับไปบอกข่าวใหม่ล่าสุดแก่เพื่อนบ้านเสียแล้ว
สวี่ชิงยืนอยู่หน้าประตูและเฝ้าดูหม่าเสวี่ยหลานจากไป จากนั้นหันกลับมาช้า ๆ พลางขมวดคิ้ว สงสัยว่าจะเป็นโจวจินหนานหรือไม่
เมื่อเห็นโจวจินหนานออกมาจากครัว เธอก็เดินไปจับมือเขา “คุณเป็นคนทำเองเหรอ? เมื่อกี้ป้าหม่าเสวี่ยหลานบอกว่ามีคนถามเรื่องเกี่ยวกับฉัน พวกเขายังบอกว่าทำเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงให้ฉันด้วย”
แม้พวกเขาจะกลับไปด้วยเสื้อผ้าที่ขาดวิ่น คนหนึ่งกลับถูกทำลายชื่อเสียง
แต่พอเป็นการเสียสละเพื่อช่วยเหลือวีรบุรุษ ผลลัพธ์ที่ได้ก็แตกต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด
โจวจินหนานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย อวี๋เซี่ยงตงเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้เลยหรือ เขาส่ายหน้า “ถ้าพูดให้ถูกต้อง คนที่ทำก็คืออวี๋เซี่ยงตง”
สวี่ชิงรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเดิม “อวี๋เซี่ยงตงเหรอคะ? ทำไมเขาต้องใจดีช่วยฉันด้วย?”
โจวจินหนานพาสวี่ชิงกลับไปที่ห้องและอธิบายว่า “เขาไม่ได้อยากช่วยคุณหรอก เขาแค่อยากหลีกเลี่ยงการเปิดเผยความลับที่ไม่สามารถบอกได้ และทำให้ผมกลืนไม่เข้าคายไม่ออก”
“เราอยู่เขตเดียวกัน แม้เขาจะไม่ชอบผม แต่ก็ไม่อาจป้ายหมึกดำมาที่ตัวผมโดยตรงได้ ดังนั้นเขาต้องกระทำการลับหลัง และยังสามารถประจานผมได้ด้วย”
สวี่ชิงไม่เข้าใจ “แต่ตอนนี้เขากำลังช่วยพวกเราอยู่นะคะ คุณเห็นไหม ไม่มีใครสนใจหรอกว่าวีรบุรุษคนนั้นเป็นใคร และทุกคนพูดถึงสิ่งที่ฉันทำว่าน่าเชิดชูขนาดนั้น”
โจวจินหนานลูบผมสวี่ชิงเบา ๆ “อืม ผมช่วยเขานิดหน่อยด้วย พวกอันธพาลสองคนที่ฟางหลานซินจ้างมา ผมเป็นคนส่งให้เขาเอง ดังนั้นตอนที่ผมจับกุมสองคนนั้น ก็จงใจทำให้เพื่อนบ้านรู้ด้วย”
สวี่ชิงรู้สึกว่าสมองเธอยังตามไม่ทัน “ถ้าอย่างนั้น เราก็เป็นหนี้บุญคุณของอวี๋เซี่ยงตงน่ะสิคะ”
ข่าวลือนั้นแพร่กระจายอย่างรวดเร็วเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องไหนก็ไม่จำเป็นต้องตรวจให้ทราบความจริง และต่อไปเรื่องมันก็จะถูกคนเล่าต่อไปได้อีกสองอย่าง ตามที่พวกเขาอยากจะเชื่อว่าเป็นอย่างไหน
สิ่งที่สวี่ชิงไม่คาดคิดก็คือวันรุ่งขึ้น หนังสือพิมพ์ประจำมณฑลก็ได้เผยแพร่ข่าวหน้าหนึ่ง
พูดให้ถูกเนื้อหาคือการยกย่องอวี๋เซี่ยงตง หัวหน้าแผนกสืบสวนคดีอาชญากรรม
เพื่อสืบสาวคดี นายตำรวจผู้นี้ไม่กลับบ้านติดต่อกันหลายเดือน ไขคดีล่อลวงข่มขืนผู้หญิง โดยมีผู้ต้องหาหลักในคดีนี้ 2 คนให้การรับสารภาพ
มีรูปถ่ายของคนร้ายสองคนในรูปภาพประกอบ และรูปถ่ายขณะปฏิบัติการของอวี๋เซี่ยงตง
สวี่ชิงรู้สึกประหลาดใจเนื้อหาในหนังสือพิมพ์นั้นกลับไม่ได้เขียนอย่างชัดเจนเท่าไรนัก อ่านแล้วชวนทำให้คนรู้สึกสับสน
แต่เมื่ออวี๋เซี่ยงตงเห็น เขาก็ระเบิดลงทันที!
เขาฉีกหนังสือพิมพ์แล้วขว้างลงพื้นด้วยความโกรธ ตามด้วยกระทืบซ้ำอย่างขมขื่น
นี่เขาทำอะไรอยู่? สิ่งที่เขาต้องการคือทำให้โจวจินหนานอับอายจนดูไม่ได้ต่างหาก!
ตอนนี้คนที่ได้ประโยชน์กลับเป็นโจวจินหนาน อาศัยเขาออกหน้าแก้ไขชื่อเสียงให้สวี่ชิง
ดูเหมือนโจวจินหนานจะรู้อยู่แล้วว่าเขากำลังจะทำอะไร ดังนั้นเขาจึงไปที่เขตที่อยู่ของโรงงานรถยนต์เพื่อตรวจสอบ แล้วได้พบกับคุณตาเฝ้าประตูคนหนึ่ง อีกฝ่ายแนะนำคนที่รู้จักจนสุดท้ายก็ได้นำไปสู่การจับกุมตัวอันธพาลทั้งสอง
ทั้งหมดนี้โจวจินหนานเป็นคนวางแผน จูงจมูกให้เขาเดินตามเกมของอีกฝ่ายทีละก้าว ๆ
อวี๋เซี่ยงตงยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เขาโกรธแทบบ้าตายจริง ๆ แล้ว!
เพื่อคำนึงถึงชื่อเสียงของโจวจินหนาน เขาถึงต้องสวมหน้ากากเสแสร้งมาโดยตลอด เพราะว่าโจวจินหนานเป็นเพียงคู่แข่งของเขาไม่ใช่ศัตรูที่แท้จริงของเขา!
ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เขาเตะเก้าอี้อีกสองสามทีแล้วเดินออกไปด้วยความโมโห
พอดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาและแสดงความยินดีกับอวี๋เซี่ยงตงด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ผู้กองอวี๋ ครั้งนี้ได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ด้วยนี้ ทางสำนักงานต้องชมเชยคุณอย่างแน่นอน”
อวี๋เซี่ยงตงมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหี้ยมโหด “ชมเชยผายลมอะไรวะ!”
หลังจากออกจากที่ทำงานเขาก็นั่งรถสามล้อออกไป เดิมทีเขาคิดจะไปหาโจวจินนหาน แต่เพราะยังโมโหไม่หายสุดท้ายจึงตัดสินใจกลับบ้านไปสงบอารมณ์ก่อน
เมื่อลับถึงบ้าน ทั้งเหมยซู่เฟินและอวี๋เจาหยวนต่างก็อยู่กันครบ
อวี๋จิ้งกำลังเอนกายอยู่บนโซฟาโดยมีผ้าห่มคลุมขาเอาไว้ โดยมีเหมยซู่เฟินกำลังป้อนส้มกระป๋องให้หล่อนไปด้วย
เมื่อเห็นอวี๋เซี่ยงตงกลับมา อวี๋เจาหยวนก็โมโหใส่ทันที “แกยังรู้จักกลับมาอีกเหรอ บ้านนี้เคยอยู่ในสายตาแกบ้างไหม?”
อวี๋เซี่ยงตงมองเขาแวบหนึ่ง เดินนั่งลงบนโซฟาแล้วมองไปทางอวี๋จิ้งด้วยสายตาดำทะมึน
ถ้าไม่ใช่เพราะยัยสวะไร้สมองนี่ยั่วยุโจวจินหนาน อีกฝ่ายคงไม่ใช้ประโยชน์จากเขาเร็วขนาดนี้กระมัง?
อวี๋จิ้งสบตากับอวี๋เซี่ยงตงไม่ทันไรก็รีบหลบตาอย่างรวดเร็ว
เหมยซู่เฟินขมวดคิ้วหันไปมองอวี๋เซี่ยงตง “เซี่ยงตง ฉันรู้ว่าเธอไม่พอใจฉัน แต่จิ้งจิ้งเป็นน้องสาวของเธอ เมื่อวันก่อนเธอทำหล่อนตกใจจนไข้สูงตลอดทั้งคืน เธอพูดสิว่าเธอทำร้ายคนในในครอบครัวปกป้องคนนอกได้อย่างไร”
อวี๋เซี่ยงตงเย้ยหยัน “ผมยังมีครอบครัวอยู่อีกเหรอ?”
อวี๋เจาหยวนตบโต๊ะ “สารเลว ดูที่แกพูดสิ! อะไรเรียกว่าแกยังมีครอบครัวอยู่อีกเหรอ? หรือว่าฉันไม่ใช่พ่อของแกแล้ว?”
อวี๋เซี่ยงตงเอนพิงโซฟาอย่างไม่ใส่ใจ และมองไปที่อวี๋เจาหยวนอย่างเย็นชา “มีพ่ออย่างคุณน่ะไม่มียังดีกว่า!”
อวี๋เจาหยวนยืนขึ้นทันที “อวี๋เซี่ยงตง นี้แกคิดจะก่อกฎบอย่างนั้นเหรอ! ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน แกจะยังกินอิ่มมีที่ซุกหัวนอนอยู่ไหม ตอนนี้แกกล้าปีกกล้าขาแข็งแล้วใช่ไหม!”
อวี๋เซี่ยงตงเลิกคิ้วขึ้น โทสะพลุ่งพล่านเต็มอก ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว “ทำไม พ่อจะตบตีผมเหรอ? ถ้าอย่างนั้นผมขอดูสิว่าพ่อจะเอาชนะผมได้ไหม”
อวี๋เจาหยวนมองไปทางลูกชายตัวเองที่สูงกว่าตัวเขาครึ่งศีรษะ ใบหน้าก็สั่นระริกด้วยความโกรธ “แก แก อวี๋เซี่ยงตง นี่แกไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาจริง ๆ ใช่ไหม”
อวี๋เซี่ยงตงยิ้มเย้ยหยัน “ผมขอเตือนพ่อประโยคหนึ่ง คนที่นอนข้างหมอนของพ่ออาจไม่ใช่คนก็ได้ แต่เป็นงูพิษที่อาจฆ่าพ่อสักวันหนึ่ง”
เหมยซู่เฟินหน้าซีด มองอวี๋เจาหยวนด้วยดวงตาแดงก่ำ “เจาหยวน คุณดูเซี่ยงตงสิคะ…”
อวี๋เจาหยวนโกรธอยากจะเข้าไปตบอวี๋เซี่ยงตงสักฉากสองฉากแต่เขาไม่กล้า จึงพูดอย่างโมโหว่า “ไปให้พ้น! ไอ้ลูกทรพี!”
อวี๋เซี่ยงตงตบชายเสื้อ “ไปก็ได้ แต่ก่อนไปผมมีเรื่องจะพูดสักสองสามคำ”
พูดจบก็จ้องไปที่อวี๋จิ้ง “เก็บกรงเล็บของเธอไว้ให้ดี ต่อให้โจวจินหนานตาบอด เขาก็ไม่ชอบคนอย่างเธอ! ถ้าฉันรู้ว่าเธอใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร ฉันจะขยี้เธอให้ตาย”
สิ้นสุดคำพูดดุร้าย เขาก็หันกายจากไปและมองเหมยซู่เฟินอย่างมีความหมาย
เหมยซู่เฟินอดสั่นสะท้านในใจไม่ได้ ลูกเลี้ยงคนนี้ยิ่งนานวันขึ้นก็ยิ่งอำมหิต!
อวี๋เซี่ยงตงไม่ได้สนใจพวกเขาอีก ตอนนี้เขาต้องรีบตามหาโจวจินหนาน
เขาจะทำให้โจวจินหนานรังเกียจตนไม่ได้ จึงต้องคิดวิธีอื่นเพื่อหาผลประโยชน์จากโจวจินหนาน เพราะสุดท้ายการล้างมลทินให้สวี่ชิงก็ยังจำเป็นต้องมีเขาอวี๋เซี่ยงตงอยู่!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เดาไม่ผิดว่าเรื่องล้างมลทินต้องเกี่ยวข้องกับเซี่ยงตง แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีต่อชิงชิงล่ะค่ะ จะได้มีฐานคะแนนความนิยมเพิ่มขึ้น
ไหหม่า(海馬)