เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 306 แตงโมสองลูกในเถาเดียว
บทที่ 306 แตงโมสองลูกในเถาเดียว
เหยียนป๋อชวนเห็นเย่หนานออกมา สีหน้าที่เคยเย็นชาก็แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอบอุ่น “คุณกลับเข้าบ้านไปก่อนดีไหม ผมจัดการเอง ครั้งนี้ผมจะไม่ทำให้คุณต้องกล้ำกลืนอีกแล้ว”
เย่หนานทำเป็นไม่ได้ยิน จ้องหยวนฮวานิ่ง ทำให้สวี่ชิงรู้สึกร้อนใจนิดหน่อย กลัวว่าวินาทีต่อไปหล่อนจะกระโจนไปฆ่าหยวนฮวา
หยวนฮวาตื่นตกใจกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูแก่กว่าตัวเองเสียอีก และคิดไม่ถึงว่าหล่อนคือเย่หนาน “เธอคือเย่หนานเหรอ?”
น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือและดูแคลน
ลูกชายของนางทำไมถึงชอบผู้หญิงที่แก่กว่าตัวเองมากขนาดนี้?
เหยียนป๋อชวนยื่นมือไปประคองเย่หนานให้อยู่ด้านหลัง “ผมไม่รู้ว่าทำไมแม่ถึงยังต้องสร้างความลำบากให้หล่อนอยู่เรื่อย แต่ถ้าแม่กล้าทำร้ายหล่อนอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหน ผมจะไม่ปล่อยไว้แน่”
ตอนนี้เมื่อเห็นเหยียนป๋อชวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ก็ยิ่งยืนยันว่าเขาได้ขีดเส้นแบ่งให้กับนางแล้ว จู่ ๆ ก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก
นางเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าตนกลัวจะเสียลูกชายไปหรือกลัวสายตาเยือกเย็นเป็นน้ำแข็งของเย่หนานที่จ้องมองมากันแน่
หลังนิ่งเงียบอยู่นานมาก หยวนฮวาก็ใช้ความดื้อรั้นสุดท้ายมองเหยียนป๋อชวน “ลูกยังดึงดันจะอยู่กับหล่อนให้ได้ใช่ไหม?”
เหยียนป๋อชวนขมวดคิ้ว “ผิดแล้ว ไม่ใช่ผมดึงดันจะอยู่กับหล่อนทั้งนั้น นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะใช้ชีวิตปกป้องหล่อน ใครก็อย่าคิดจะทำร้ายหล่อนได้อีกเลย”
หยวนฮวาจ้องเหยียนป๋อชวน แล้วก็พลันแค่นหัวเราะขึ้นมา “ฉันนี่เลี้ยงลูกชายได้ดีจริง ๆ เพื่อผู้หญิงแบบนี้คนหนึ่ง แม้แต่แม่แท้ ๆ ก็ไม่ต้องการแล้ว”
ขณะที่พูดก็หันหลังแล้วจากไป ไหล่ลู่ตกลงราวกันคนหมดเรี่ยวแรง
เหยียนจี้ชวนมองเหยียนป๋อขวน แล้วก็มองหยวนฮวาอีก รู้สึกจนใจเล็กน้อย “พี่ใหญ่ พี่พูดกับพี่สะใภ้ก่อน ผมจะไปดูแม่สักหน่อย”
แม้หยวนฮวาจะทำไม่ถูก แต่ก็ไม่อาจปล่อยให้เกิดเรื่องอะไรกับนางได้
หลังจากเหยียนจี้ชวนตามไปแล้ว เย่หนานก็มองเหยียนป๋อชวน ก่อนจะหันหลังกลับเข้าบ้าน
สวี่ชิงยังคงมึนงง หยวนฮวาในตอนขามาวางท่าเสียใหญ่โต ทำท่าราวกับจะหาเรื่องแม่เธอให้ได้ในทันทีที่พบหน้า ผลลัพธ์พอเห็นคนแล้ว กลับจากไปเงียบ ๆ ไม่พูดอะไรสักคำ
เห็นพ่อแม่กลับเข้าบ้านไปแล้ว เธอเองก็ตามเข้าไปด้วย ถามอย่างสงสัยประโยคหนึ่ง “ก่อนอาเล็กจะไปบอกให้พ่อพูดกับแม่ เขาพูดเรื่องอะไรเหรอคะ”
เย่หนานปรายตามองเหยียนป๋อชวนแวบหนึ่ง “ใครจะรู้ว่าพวกเขาจู่ ๆ ก็เป็นโรคประสาทอะไรขึ้นมา จะพาแม่ไปยูนนานด้วยกันให้ได้”
ปฏิกิริยาแรกของสวี่ชิงคือโจวจินหนานก็อยู่ที่ยูนนานด้วย “ไปจริงเหรอคะ? งั้นฉันไปด้วย”
เย่หนานเคาะศีรษะสวี่ชิงทีหนึ่ง “ไปอะไรกัน ท้องแล้วยังจะไปนู่นไปนี่? ช่วงนี้ยังต้องทำธุรกิจอะไรนั่นด้วยไม่ใช่เหรอ เป็นเด็กดีอยู่ในเมืองนี้แหละ ไม่ต้องวิ่งวุ่นไปไหนทั้งนั้น”
สวี่ชิงหัวเราะเหอะ ๆ พลางกอดแขนเย่หนาน “งั้นทำไมจู่ๆ พวกท่านถึงต้องไปยูนหนานด้วย ครอบครัวเราอยู่ด้วยกันในเมืองไม่ดีกว่าเหรอคะ? หรือว่าพ่ออยากพาแม่กลับอำเภอเฉียนอวิ๋นกันสองต่อสอง?”
เย่หนานมองเหยียนป๋อชวนอย่างรังเกียจแวบหนึ่ง “ใครจะไปใช้ชีวิตอยู่แบบสองต่อสองกับเขากัน?”
เหยียนป๋อชวนยกยิ้ม “แต่ผมอยากอยู่กับคุณนะ”
สวี่ชิงกลับคิดว่าเรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เธอกดความสงสัยเอาไว้ในใจ หัวเราะกอดแขนเย่หนาน “ฉันก็อยากไปเหมือนกัน งั้นรอให้ฉันคลอดลูกแล้วพวกเราไปด้วยกันดีไหมคะ?”
เย่หนานส่งเสียงหึคำหนึ่ง หันกายอุ้มแมวดำที่นอนอยู่บนเตียงมาลูบเล่น
เหยียนป๋อชวนเองก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ และถามว่าสวี่ชิงอยากกินอะไร เขาจะไปทำมื้อเที่ยง
สวี่ชิงเองก็ไม่เกรงใจ “อยากกินแป้งทอดค่ะ ข้างในใส่หมูกรอบด้วยนะคะ”
เหยียนป๋อชวนพยักหน้ายิ้ม “ได้”
รอจนเหยียนป๋อชวนเข้าห้องครัวทำกับข้าวแล้ว สวี่ชิงถึงค่อยนั่งลงข้างกายเย่หนานแล้วคล้องแขนของหล่อน “เมื่อกี้ตอนที่หยวนฮวามา ทำไมแม่ต้องออกมาด้วยคะ”
เย่หนานเหยียดยิ้มมุมปาก “อยากทำให้หล่อนตกใจกลัวน่ะ”
สวี่ชิงไม่ค่อยเข้าใจนิดหน่อย “ทำไมล่ะคะ? แม่ไม่เคยเจอหล่อนเสียหน่อย รู้ได้ยังไงว่าหล่อนจะกลัว”
เย่หนานแค่นหัวเราะ “เพราะหน้าตาแม่แก่สินะ ไม่ใช่ว่าหล่อนเอาแต่พร่ำบอกว่าแม่เป็นนังแม่มดหรอกเหรอ แม่มดก็ต้องหน้าตาเหมือนปีศาจจิ้งจอก ดังนั้นหล่อนถึงนึกว่าลูกชายถูกแม่มดทำเสน่ห์ใส่ ผลลัพธ์พอเห็นว่าฉันแก่คราวย่าของลูกชายหล่อน ลูกคิดว่าหล่อนจะกลัวไหมล่ะ?”
สวี่ชิง “…..”
คิดไม่ถึงว่าแม่เธอจะมุมซุกซนแบบนี้ด้วย
“พอกินข้าวเที่ยงเสร็จ ฉันว่าจะไปหาคุณย่าแล้วพาคุณย่ากลับมา ต่อไปหลายวันนี้ฉันคงต้องยุ่งมากแน่ ๆ ต้องทำงานร่วมกับสถานีรถไฟจริง ๆ แล้ว น่าจะยุ่งอีกพักใหญ่เลย ให้คุณย่าอยู่คนเดียวที่ซอยฮวยซู่แล้วไม่วางใจเลยค่ะ”
เย่หนานพยักหน้า “ก็ดีเหมือนกัน เพียงแต่ว่ากิจการของลูกจะไม่ลำบากเกินไปเหรอ?”
สวี่ชิงทอดถอนใจเบา ๆ “ตอนเริ่มก็ต้องลำบากหน่อย เพราะการเริ่มต้นเรื่องอะไรก็ตามย่อมยากเสมอ อีกอย่างตอนนี้ยังมีนโยบายควบคุมมากมาย ไม่ควรเล่นใหญ่เกินไป ดังนั้นจึงต้องทำงานร่วมกับสถานีรถไฟแบบนี้น่ะค่ะ”
เย่หนานมองสวี่ชิง “ชิงชิง มีความคิดจะเรียนแพทย์ไหมลูก”
สวี่ชิงมุ่นคิ้ว “คุณย่าเองก็เคยบอกกับฉันเหมือนกันค่ะ แต่ฉันกลัวเรียนไม่ไหว อีกทั้งฉันเองก็ไม่ค่อยเชี่ยวชาญ”
เย่หนานตบมือหล่อน ยกยิ้มขึ้น “ชิงชิงของเราฉลาดขนาดนี้ จะทำไม่ได้ได้ยังไง ลูกเคยได้ยินแพทย์เผ่าเหมียวพันปียาเผ่าเหมียวหมื่นปีบ้างใช่ไหม? เผ่าเหมียวของพวกเราดำรงอยู่อย่างเป็นปริศนามาโดยตลอด เทียบกับแพทย์แผนจีนแล้วไม่เหมือนกัน พวกเราเผ่าเหมียวทำให้คนภายนอกเข้าไม่ถึงมาโดยตลอด เพราะมีคนนับหมื่นนับพันอยากเรียน แต่ก็ไม่ง่ายขนาดนั้น”
สวี่ชิงเองก็รู้ว่าแพทย์เผ่าเหมียวน่าเป็นปริศนาอย่างมาก เธอเคยไปเที่ยวที่เผ่าเหมียวในชาติก่อน แต่เมื่อไปถึงก็พบแต่ของปลอม
ต่อมาก็มีเรื่องหลอกลวงเกี่ยวกับเผ่าเหมียวมากมายเต็มอินเตอร์เน็ต หากให้พูดถึงแพทย์เผ่าเหมียวอย่างแท้จริงแล้วก็ยากที่จะพบเห็น ที่พบมากที่สุดคือสมุนไพรชนิดไหนของเผ่าเหมียวใช้ดี
ตอนนี้พอได้ยินเย่หนานพูดแบบนี้เธอก็สนใจอย่างมาก “ถ้าแพทย์เผ่าเหมียวเจ๋งขนาดนี้จริง แล้วทำไมให้ประวัติศาสตร์ถึงไม่มีประวัติศาสตร์จารึกว่าเคยมีแพทย์เผ่าเหมียวเข้าไปเป็นแพทย์หลวงในวังเลยล่ะคะ?”
เย่หนานแค่นเสียงหึอย่างเย็นชา “ก็เพราะตลอดมาทางราชวงศ์คิดว่าพวกเราเผ่าเหมียวเป็นพวกบ้านป่าเมืองเถื่อน เลยดูถูกแพทย์จากเผ่าเหมียว”
สวี่ชิงยกยิ้มขึ้นมา “แต่คุณย่าเก่งมาก ฉันเรียนกับคุณย่าได้ความรู้ไปไม่น้อย ตอนนี้อย่างพวกฝังเข็มแก้เป็นหวัดแก้ปวดหัวพวกนั้นฉันก็ทำเป็นแล้ว เพียงแต่ยังรักษาอาการที่ยากกว่านี้ไม่ได้”
เย่หนานมองลูกสาวอย่างรักใคร่ “แม่บอกแล้วว่าชิงชิงของเราฉลาด แม่สอนลูกรับรองว่าสอนดีว่าคุณย่าของลูกเสียอีก เพราะแม่เดินทางสายนี้มาโดยตลอด ยายของลูกสอนแม่ให้รู้จักสมุนไพรเองเชียวนะ”
ดวงตาสวี่ชิงเป็นประกายขึ้นมาทันที “งั้นฉันจะเรียน ไว้รอให้ฉันคลอดลูกออกมาจนเดินได้แล้ว ก็จะสอนเขาให้รู้จักสมุนไพรไปพร้อมกันเสียเลย”
เย่หนานยิ้มไม่พูดอะไร ยื่นมือไปลูบท้องสวี่ชิงเบา ๆ “สี่เดือนแล้ว ขยับหรือยัง?”
สวี่ชิงส่ายหน้า “ยังเลยค่ะ ไม่ใช่ว่าสี่เดือนต้องขยับแล้วเหรอคะ จนถึงตอนนี้เขายังไม่ขยับเลย”
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเฟิงซูฮวากับเย่หนานอยู่ที่นี่ เธอคงจะไปตรวจที่โรงพยาบาลตั้งนานแล้ว
เย่หนานลูบท้องน้อยสวี่ชิงเบา ๆ “ไม่เป็นไร เด็กแข็งแรงดี เพียงแต่เป็นเด็กขี้เกียจไปหน่อย อีกทั้งยังเป็นแตงโมสองลูกในเถาเดียวด้วย”
สวี่ชิงร้องอุทานคำหนึ่ง “หมายความว่ายังไงคะ?”
…………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ว้าว อย่าบอกนะว่าท้องชาตินี้ได้ลูกแฝดสอง
ไหหม่า(海馬)