เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 302 ผู้ชายที่ชอบพร่ำสอนกับผู้หญิงที่ชอบก่อเหตุโดยไม่ยั้งคิด
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80
- บทที่ 302 ผู้ชายที่ชอบพร่ำสอนกับผู้หญิงที่ชอบก่อเหตุโดยไม่ยั้งคิด
บทที่ 302 ผู้ชายที่ชอบพร่ำสอนกับผู้หญิงที่ชอบก่อเหตุโดยไม่ยั้งคิด
เย่หนานจ้องเหยียนป๋อชวนเขม็งแวบหนึ่ง “ปล่อยมือ ฉันจะไปวางยาฆ่าไอ้ชั่วนั่นให้ตาย ไม่คิดว่ามันยังมีหน้ามาพูดว่าเลี้ยงลูกสาวฉันมาสิบแปดปี! ที่มันทำงานในโรงงานรถได้ก็เป็นเพราะทองแท่งของฉันทั้งนั้น”
เหยียนป๋อชวนกุมมือเย่หนานแน่นขึ้น “ผมจัดการไอ้หมอนี่เอง ไม่ต้องให้ถึงมือคุณหรอก รับรองว่าต่อไปเขาจะไม่มีวันเสนอหน้ามาให้พวกเราเห็นอีก”
เย่หนานเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่งเล็กน้อย “ใครอยากจะร่วมมือกับคุณกัน ลำพังแค่ฉันก็วางยาพิษฆ่ามันได้แล้ว!”
เหยียนป๋อชวนมองเย่หนานอย่างอ่อนโยน “ฆ่าคนก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต เสียสละชีวิตตัวเองเพื่อคนแบบนี้ไม่คุ้มค่า เรื่องพวกนี้ให้ผมทำดีกว่า”
เย่หนานได้ฟังก็คิดว่ามีเหตุผล หล่อนได้ลิ้มรสชาติของการติดคุกมาแล้ว ทั้งทรมานและเสียเวลาอย่างยิ่ง คิดสักพักก็เอ่ยว่า “งั้นพวกเราไม่ต้องเอาชีวิตเขา ให้เขาอยู่แบบไม่สู้ตายแล้วกัน”
เหยียนป๋อชวนยังคงไม่ปล่อยมือ “ต่อไปเรื่องพวกนี้ให้ผมจัดการ คุณแค่อยู่ดูเรื่องสนุกข้างหลังก็พอแล้ว ดีไหม?”
เย่หนานมองเหยียนป๋อชวนอย่างมึนงง อ้าปากพะงาบๆ สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยคำใด
เนื่องจากยี่สิบปีก่อน หล่อนไม่ชอบใครก็จะวางยาพิษคนนั้นโดยไม่สนใจอะไร ส่วนเหยียนป๋อชวนก็เหมือนพระคอยเทศนาสั่งสอนอยู่ข้างหลัง “คุณทำแบบนี้ไม่ถูก จะทำร้ายร่างกายคนอื่นส่งเดชไม่ได้ ต่อให้ไม่ทำจนถึงตายก็ไม่ได้เหมือนกัน”
“ตอนนี้เปลี่ยนระบบสังคมใหม่แล้ว จะทำร้ายคนง่าย ๆ ไม่ได้ นั่นมันผิดกฎหมายนะ”
เพียงแค่วางยาเบื่องูตัวหนึ่ง เหยียนป๋อชวนก็พูดสั่งสอนหล่อนได้ครึ่งค่อนวันแล้ว บอกหล่อนว่าไม่ต้องใช้พิษ และระวังจะทำให้คนอื่นถูกลูกหลง
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่หล่อนทะเลาะตบตีกับคนอื่นเลย เขายังบ่นพร่ำสอนหล่อนได้ไม่รู้จบ “เป็นผู้หญิงก็ต้องวางตัวเป็นกุลสตรี จะไปทะเลาะตบตีกับคนอื่นได้ยังไง? คุณทำร้ายคนอื่นเป็นเรื่องไม่ดี ถ้าคนอื่นทำร้ายคุณบ้างก็ไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกัน”
ดังนั้นเย่หนานถึงได้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เหยียยป๋อชวนในตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ต่อต้านความรุนแรงขนาดนั้นแล้ว กระทั่งยังลงมือด้วยตัวเองอีกด้วย?
ตอนที่ทั้งสองกำลังยื้อยุดกันอยู่ในห้อง สวี่ชิงก็ได้เดินออกมาจากห้องครัว มองเห็นสวี่จื้อกั๋วที่หน้าแดงเพราะดื่มเหล้าแล้วก็ขมวดคิ้ว “คุณเข้ามาในบ้านก่อนค่อยพูด”
เธอเห็นว่าคนที่ผ่านไปมาเริ่มมองมาทางนี้ และยังมีคนค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้รอดูเรื่องสนุก
สวี่ชิงไม่อยากขายหน้าไปพร้อมกับสวี่จื้อกั๋วเลยจริงๆ
สวี่จื้อกั๋วเรอออกมายาว ๆ จ้องสวี่ชิง “เข้าก็เข้า แกคิดว่าเข้าไปแล้วฉันกลัวแกหรือไง? สวี่ชิง ฉันขอบอกแกไว้นะ ถ้าแกไม่เอาเงินสองพันหยวนมาให้ฉัน วันนี้ฉันจะพังบ้านของแก อย่าคิดเลยว่าแกจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขได้”
ขณะที่พูดก็เดินโซเซเข้าไปในบ้าน
สวี่ชิงตะโกนบอกให้ไป๋หลางไปปิดประตู ไป๋หลางก็รู้ความ วิ่งไปปิดประตูบานพับสองบานใหญ่ทันที
สวี่จื้อกั๋วตบหน้าอก “ทำไม? คิดจะปิดประตูฆ่าฉันรึไง? ฉันขอบอกว่าฉันไม่กลัว! มาสิ ถ้าทำได้ก็ฆ่าฉันเลย”
สวี่ชิงมองสวี่จื้อกั๋วด้วยสายตาเย็นเยือก “ฉันเห็นแก่คุณในฐานะที่เลี้ยงฉันมาจนโต ไม่เคยสร้างความลำบากให้คุณเลย แต่คุณกลับคอยแต่จะหาเรื่องมาให้ฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุณคิดว่าฉันแค่ดีแต่ปาก หรือว่ารังแกง่ายเกินไปเหรอ?”
สวี่จื้อกั๋วหัวเราะขึ้นมาดังลั่น “แกไม่เคยสร้างความลำบากให้ฉันเหรอ? ที่ฉันกลายสภาพมาเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ว่าแกเป็นคนทำรึไงวะ?”
งานก็ไม่มีแล้ว บ้านก็ไม่มีแล้วเหมือนกัน!
คิดว่าลูกสาวสองคนจะมีคนหนึ่งที่เป็นลูกแท้ ๆ สุดท้ายคิดไม่ถึงว่าไม่มีสักคนที่เป็นลูกแท้เลย!
ทั้งยังป่าวประกาศให้โลกรู้กันหมดแล้วด้วย!
เขาสวี่จื้อกั๋วมีชีวิตอยู่ก็เป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่ง ชีวิตที่เป็นไอ้โง่ตัวหนึ่ง!
สวี่ชิงมุ่นคิ้ว “จนถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่ชัดเจนอีกเหรอว่าใครกันแน่ที่ทำร้ายคุณ? เพราะว่าคุณมีตาแต่ไร้แวว ถูกฟางหลานซินหลอกมาตลอดยี่สิบปี คนที่คุณควรจะแค้นก็คือหล่อน”
สวี่จื้อกั๋วรู้สึกว่าเรื่องนี้เขาพูดสู้สวี่ชิงไม่ได้ โบกมือปัด “ไม่ต้องมาพูดแบบนี้ บอกมาว่าแกใช่ไหมที่หาคนมาทำลายฉัน รวมหัวกันหลอกเอาเงินสองพันหยวนของฉันไป?”
เขารับเงินสองพันหยวนมาจากเหยียนป๋อชวนคนนั้น คิดจะหาสถานที่หนึ่งซ่อนตัวแล้วใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย เปิดกิจการเล็ก ๆ สักอย่าง
ใครจะรู้สองวันก่อนเขาถูกนักต้มตุ๋นเล่นละครหลอกเอาเงินสองพันหยวนไปหมดแล้ว
หลังจากเกิดเรื่องเขาคิดวนไปมา ก็คิดว่าเรื่องนี้สวี่ชิงจะต้องเป็นคนทำแน่ และเป็นสวี่ชิงนี่แหละที่จะมีความฉลาดแบบนี้ได้
สวี่ชิงมองเขาอย่างยากที่จะเข้าใจ “ฉันไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับคุณหรอกนะ ถ้าคุณไม่รีบออกไป ยังก่อกวนอยู่อย่างนี้ ฉันก็จะให้ไป๋หลางกัดคุณ”
ไป๋หลางได้ยินชื่อของตัวเองก็เหมือนได้ยินคำสั่ง มองสวี่จื้อกั๋วพลางแยกเขี้ยวก้มหน้าต่ำอย่างดุร้าย ในลำคอยังส่งเสียงขู่คำรามต่ำออกมาด้วย
สวี่จื้อกั๋วตกใจจนถอยหลังสองสามก้าว สร่างเมาสองสามส่วน จ้องสวี่ชิงอย่างเกลียดแค้น “แกมันหมาป่าตาขาว ถ้าแกไม่ให้ฉันอยู่อย่างมีความสุข ฉันก็จะทำให้แกไม่ได้อยู่อย่างสบายแน่!”
พูดพลางคลำมือที่ข้างเอว คว้ามีดปังตอที่หยิบติดมือมาจากร้านขายเนื้อหมู
ถึงอย่างไรชีวิตเขาก็ไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ในเมื่อชีวิตเขาอยู่อย่างเป็นสุขไม่ได้ เขาก็จะทำให้สวี่ชิงอยู่อย่างเป็นสุขไม่ได้เช่นกัน
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมแกถึงไม่ปล่อยหล่อนไปเสียที!”
น้ำเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้นพร้อมประตูถูกผลักออก เย่หนานในชุดสีแดงเดินออกมาจากห้อง ผมขาวปล่อยสยายด้านหลัง ใบหน้าปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็ง แฝงไอสังหารเยือกเย็นสายหนึ่ง
ตามมาด้วยใบหน้าเคร่งขรึมและดูเหมือนจะจนใจอยู่เล็กน้อยของเหยียนป๋อชวน
สวี่จื้อกั๋วมองเย่หนานอย่างตกใจ สร่างเมาโดยสิ้นเชิง และรู้สึกไม่อยากเชื่อเล็กน้อย หญิงชราตรงหน้าคนนี้มีเงาของเย่หนานนิดหน่อย แต่อายุดูเหมือนจะไม่ถูกต้อง
แต่ความดุร้ายที่แผ่ออกมาจากร่างของหล่อนโดยไม่รู้ตัว นอกจากเย่หนานในโลกนี้จะยังมีใครอีก?
“เย่…เย่หนาน?”
สวี่จื้อกั๋วอดไม่ได้ที่จะพูดตะกุกตะกัก ชี้นิ้วไปที่เย่หนาน
เย่หนานยกมือทั้งสองไพล่หลัง เดินไปหาสวี่จื้อกั๋วช้า ๆ แล้วยิ้มเย็น “ทำไม การที่ฉันยังมีชีวิตมันทำให้แกตกใจมากเลยเหรอ? ฉันบอกแกตั้งแรกแล้ว ขอเพียงฉันเย่หนานยังมีชีวิต ก็จะไม่มีวันปล่อยคู่สุนัขผัวเมียอย่างพวกแกไป!”
สวี่จื้อกั๋วก้าวถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้หลายก้าว เขาไม่เคยลืมสายตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังของเย่หนานที่จ้องเขม็งมาที่เขาก่อนตาย “สวี่จื้อกั๋ว ฉันเกลียดแก!”
ในใจก็ยิ่งตื่นตระหนก เขาจะไม่รู้อย่างแจ่มแจ้งถึงความสามารถของเย่หนานได้อย่างไร “ไม่ใช่นะ…เย่หนาน ฉันเคยช่วยชีวิตเธอเหมือนกันนะ ฉันไม่ได้คิดจะทำร้ายเธอ”
เย่หนานก้าวเข้าใกล้อีกหนึ่งก้าว “แกเป็นคนวางยา ฟางหลานซินเป็นคนป้อนให้ฉันดื่ม ถ้าฉันไม่ตาย พวกแกจะยินดีได้อย่างไร?”
สวี่จื้อกั๋วส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่ใช่นะ ฉันไม่รู้ว่าฟางหลานซินกับเย่เหม่ยสมคบคิดกัน ฉันไม่เคยคิดจะทำร้ายเธอเลยจริงๆ ฉันชอบเธอ ฉันชอบเธอจริง ๆ!”
ครั้นพูดจบ ใบหน้าก็ถูกหมัดหนัก ๆ ข้างหนึ่งกระแทกใส่
เหยียนป๋อชวนพุ่งเข้าไป การเคลื่อนไหวทั้งเร็วทั้งโหดเหี้ยม
สวี่ชิงยืนตะลึงอยู่กับที่ ใครจะคิดว่าพ่อที่มีอายุสี่สิบกว่าปี จะต่อยตีเหมือนชายหนุ่มเลือดร้อนคนหนึ่งได้
สวี่จื้อกั๋วไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของเหยียนป๋อชวน เพียงพริบตาเดียวก็ถูกต่อยจนล้มไปกองกับพื้น มีดที่เหน็บอยู่ตรงเอวก็กระเด็นตกเช่นกัน!
เหยียนป๋อชวนใช้เท้าเตะมีดปังตอสับเนื้อออกไป มองสวี่จื้อกั๋วอย่างกรุ่นโกรธ “แกคิดจะเอามีดมาทำอะไร?”
สวี่จื้กั๋วตอนนี้สร่างเมาจนไม่อาจสร่างเมาได้อีก ตกใจจนตัวสั่น “ไม่ใช่ ผมก็แค่ไปช่วยคนฆ่าหมู ผมไม่ได้จะทำอะไรเลย ไม่ได้คิดจะทำอะไรจริง ๆ!”
พอเย่หนานเห็นไอ้ชั่วสวี่จื้อกั๋วเอามีดมาด้วยอย่างคาดไม่ถึง เจตนาชี้ชัดว่าคิดจะทำร้ายลูกสาวของหล่อน ก็ขยับมือที่ไพล่อยู่ด้านหลัง จนเหยียนป๋อชวนกลัวว่าหล่อนจะพุ่งไปวางยาพิษคน จึงใช้ผ้าพันคอมัดมือสองข้างของหล่อนไว้
“เหยียนป๋อชวน คุณแกะมัดฉันดี๋ยวนี้! มันคิดทำร้ายลูกสาวฉัน ฉันจะฆ่ามันให้ตาย!”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พ่อแม่ผนึกกำลังกันแบบนี้ ศัตรูหน้าไหนเข้ามาไม่ตายก็คางเหลืองอะ
ไหหม่า(海馬)