เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 30 มอบเงินเดือนให้หลังแต่งงาน
บทที่ 30 มอบเงินเดือนให้หลังแต่งงาน
สวี่ชิงไม่เข้าใจว่าโจวจินหนานหมายถึงอะไรอยู่สักพัก
โจวจินหนานหันไปหาเกาจ้าน “นายขับรถกลับไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันกลับเอง”
เกาจ้าน “!!!!”
ตอนนี้เขากลายเป็นก้างขวางคอคนอื่นแล้วเหรอ?
ก่อนที่เขาและโจวจินหนานเข้าไปในบ้านของตระกูลสวี่ พวกเขาได้พบกับแม่และป้ารองของหลี่ต้าหย่ง ทั้งสองปล่อยคำพูดที่ไม่พึงประสงค์ทุกชนิดออกมา ซึ่งไม่เพียงแต่เรียกสวี่หรูเยว่ว่าเป็นขยะเท่านั้น
นอกจากนี้พวกหล่อนยังว่าร้ายสวี่ชิง ว่าเป็นรองเท้าที่หัก โดยบอกว่าตระกูลสวี่ไม่ใช่คนจริงจัง
มิฉะนั้น ทำไมเด็กสาวในครอบครัวอื่นล้วนดีกันทั้งนั้น และมีเพียงเด็กสาวของตระกูลสวี่เท่าที่เป็นของเสียล่ะ
เกาจ้านรู้สึกว่าอุณหภูมิรอบตัวโจวจินหนานลดลงในขณะนั้น เมื่อเขาขึ้นไปชั้นบน ก็ได้ยินการทะเลาะวิวาทระหว่างสวี่จื้อกั๋วกับสวี่ชิง ก่อนที่เขาจะสามารถห้ามปรามอะไร โจวจินหนานก็ผลักประตูเข้าไปแล้ว
ทั้งยังมีความคิดที่จะขอจดทะเบียนสมรสก่อนด้วย
เดิมทีเกาจ้านไม่เห็นด้วยกับการขอสวี่ชิงแต่งงาน เพราะความรู้สึกผิดของโจวจินหนาน แต่ต่อมาหลังจากที่ได้เห็นสวี่ชิง เขาก็รู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แย่ บางทีอาจเป็นการแต่งงานที่ดีก็ได้
แต่เมื่อดูเรื่องตลกของตระกูลสวี่ทีละเรื่องในช่วงสองวันที่ผ่านมา และเรื่องสวี่ชิงลาออกจากงานเพื่อเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ เขาก็ไม่เห็นด้วยกับโจวจินหนานที่จะแต่งงานกับเธอ
นี่เขาจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ถูกไล่ออกจากบ้านเนี่ยนะ เมื่อแต่งงานแล้วต้องกลับบ้านฝ่ายหญิงที่ไม่มีบ้านให้กลับ มันเป็นปัญหาใหญ่มากนะ
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นการตัดสินใจของโจวจินหนาน และไม่สะดวกสำหรับเขาที่จะพูดมากกว่านี้ เขามองสวี่ชิงอย่างมีความหมายพลางตบไหล่เพื่อนสนิทแล้วจากไป
หญิงสาวมองสายตาของเกาจ้าน และเห็นสัญญาณเตือนภายในนั้น?
เกาจ้านพยายามเตือนเธอเรื่องอะไร?
แต่เมื่อนึกถึงคำเตือนของเกาจ้านกับเธอเมื่อตอนที่เธอหย่าร้างในชีวิตที่แล้ว ก็ไม่ยากที่จะเห็นว่าเขาเป็นห่วงโจวจินหนานจริง ๆ
ดังนั้น เกาจ้านจึงเตือนเธอในตอนนี้ให้ปฏิบัติต่อโจวจินหนานให้ดี
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สวี่ชิงก็อดหัวเราะไม่ได้ เธอจะยอมสูญเสียผู้ชายที่ปกป้องเธออย่างไม่มีเงื่อนไขได้อย่างไร
โจวจินหนานเห็นว่าสวี่ชิงไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใดออกมานานจึงเปิดปากพูด “ที่ผมเพิ่งบอกไปว่าจะจดทะเบียนสมรสก่อน ไม่ใช่เพื่อโกหกพ่อของคุณ แต่คิดว่าหลังจากที่เราได้ทะเบียนสมรสแล้ว จะสะดวกสำหรับคุณมากกว่า”
สวี่ชิงห้ามหัวใจไม่ให้เต้นแรง “ฉันเกรงว่าพี่จะเสียใจในภายหลัง…”
”ไม่เลย” โจวจินหนานตอบโดยไม่คิด “หลังจากได้รับทะเบียนสมรสแล้วก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันก็ได้ มันจะสะดวกกว่าสำหรับคุณที่จะใช้สถานะการแต่งงานเพื่อทำสิ่งต่าง ๆ นอกบ้าน”
สวี่ชิงตกตะลึงครู่หนึ่งและถามโดยไม่คิดว่า “ทำไมเราถึงไม่อยู่ด้วยกันล่ะคะ?”
ในความเห็นของเธอ การจดทะเบียนสมรสคือการแต่งงานที่แท้จริง และไม่สำคัญว่าทั้งสองจะอยู่ด้วยกันหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น ผู้คนมากมายตอนนี้ ไม่มีความตระหนักรู้ด้านกฎหมาย หรือเพราะพวกเขาอายุต่ำกว่าเกณฑ์
ต่อให้จัดงานเลี้ยงโดยตรงก็แต่งงานได้ รอจนกว่าลูกจะโตจนจำต้องขอทะเบียนสมรส
โจวจินหนานตกตะลึงกับคำถามของสวี่ชิง เขากังวลว่าสวี่ชิงจะไม่ต้องการอยู่กับเขา ดังนั้นจึงบอกว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันหลังจากได้จดทะเบียนสมรส
เขาไม่ได้คาดหวังว่าสวี่ชิงจะถามคำถามเช่นนี้ และในขณะนี้เขาก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
สวี่ชิงมองไปที่โจวจินหนานด้วยท่าทางเขินอายและยิ้มออกมา “ฉันคงไม่ไปบ้านพี่เพื่ออยู่อาศัยด้วยหรอกค่ะ แต่ถ้าเช่าบ้านได้เมื่อไหร่ พี่ย้ายมาอยู่กับฉันได้นะคะ”
หลังจากพูดจบ ใบหน้าของเธอก็แดงระเรื่ออย่างอธิบายไม่ถูก
โจวจินหนานเองก็ตอบอย่างไม่ลังเลอีกเลย “ตกลง”
สวี่ชิงมองชายหนุ่มด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ถ้าอย่างนั้นให้ฉันพาพี่กลับตอนนี้เลยไหมคะ?”
โจวจินหนานคิดเกี่ยวกับมัน “ไปกินข้าวกันก่อนเถอะ”
สวี่ชิงคิดเกี่ยวกับขนมกับเค้กไข่ที่ซื้อให้กับคุณย่าเฟิง ถึงเธอจะไม่ได้รีบกลับไป แต่หญิงชราคงจะมีความสุขและสามารถดื่มด่ำกับขนมได้อยู่
ดังนั้นเธอจึงตกลงอย่างง่ายดาย “ฉันจะพาพี่ไปกินแกงเนื้อแกะแสนอร่อยนะคะ”
กล่าวได้ว่าเป็นเรื่องปกติที่จะจับมือของโจวจินหนาน โดยลืมไปว่าโจวจินหนานยังคงนั่งยองอยู่ทางด้านขวาของไป๋หลาง
มือของโจวจินหนานเคลื่อนไหว แต่ไม่ได้ปล่อยมือของเธอ เขาปล่อยให้สวี่ชิงจับไว้ และเดินไปข้างหน้าด้วยการนำพาของเธอ
เมื่อออกไปก็เริ่มได้เจอกับคนรู้จักมากขึ้น
หญิงสาวทักทายคนรู้จักด้วยรอยยิ้ม… ไม่เหมือนชาติก่อนของเธออีกแล้วที่ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นเพราะรู้สึกละอายใจ และต้องการซ่อนตัวเมื่อพบคนรู้จักระหว่างทาง
หลังจากได้กลับมาเกิดใหม่ เธอได้เห็นอย่างชัดเจนว่าตัวเองเป็นเหยื่อ แล้วเหตุใดถึงต้องซ่อนตัวเหมือนคนบาปที่ทำอะไรผิดด้วย
เธอต้องการยืดอกและใช้ชีวิตอย่างสง่าผ่าเผย
โจวจินหนานเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ เมื่อได้ยินสวี่ชิงทักทายผู้คน เสียงหวาน ๆ ช่างชัดเจนและคุ้นเคย เป็นไปได้ว่ารอยยิ้มของเธอคงจะสดใสราวกับดวงตะวันในขณะนั้น
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีขึ้น และมีรอยยิ้มจาง ๆ บนริมฝีปาก
เมื่อเข้าใกล้ประตูตึก ทั้งสองได้เดินผ่านกลุ่มป้าที่กำลังเพลิดเพลินกับร่มเงา สวี่ชิงก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม และดึงโจวจินหนานผ่านคนมากมายไปอย่างไม่เคอะเขิน
ซึ่งพวกเขายังคงสามารถได้ยินการพูดคุยนั้น
”ลูกสาวคนโตของตระกูลสวี่เป็นคนที่น่าสงสารนะ ช่างเป็นเด็กสาวที่ดีจริง ๆ แต่สุดท้ายกลับแต่งงานกับชายตาบอด”
”อย่าเรียกชายตาบอด นั่นเป็นวีรบุรุษแห่งสงครามเชียวนะ! เขาเป็นคนที่น่าทึ่งจะตาย”
”ใช่ ๆ ดูทั้งสองคนสิ หน้าตาของพวกเขาเข้ากันมากเลย”
”…”
ขณะที่พวกเขาเดินจากไป เสียงของการสนทนาก็เริ่มไม่ได้ยิน
สวี่ชิงอดไม่ได้ที่จะมองไปด้านข้าง มองโจวจินหนานที่อยู่ข้าง ๆ เธอ จากมุมนี้สามารถเห็นไหล่ตรงของอีกฝ่าย กรามนูน และลูกกระเดือกที่กำลังเคลื่อนไหวเพราะการกลืนน้ำลาย
เห็นแบบนั้นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
เขายังคงดูดีทีเดียว
ทั้งสองจึงเข้ากันได้ ซึ่งค่อนข้างอึดอัดและยังคงมีความสุภาพเล็กน้อย
ไม่เหมือนคนที่กำลังจะแต่งงานใหม่ แต่กลับเป็นเหมือนการรวมตัวกันชั่วคราวของสหายร่วมรบปฏิวัติ
ขณะที่เธอเดินและครุ่นคิด จู่ ๆ โจวจินหนานก็พูดขึ้นว่า “เงินเดือนของผมตอนนี้คือหกสิบห้าหยวนเจ็ดเฟิน และเงินอุดหนุนค่าอาหารสิบหยวน หลังจากกลับเข้ากองทัพแล้วจะไม่มีค่าอาหาร แต่จะมีโบนัสสำหรับภารกิจแทนแต่ก็ไม่มากนัก ผมจะให้ตราประทับไว้ คุณสามารถไปที่ที่ทำการไปรษณีย์เพื่อรับเงินเดือนได้ทุกวันแรกของเดือนนะ”
สวี่ชิงยังคงไม่ตอบสนอง “ให้ฉันไปที่ทำการไปรษณีย์เพื่อรับเงินเดือนเหรอคะ?”
โจวจินหนานพยักหน้า “เพราะตอนนี้ผมกำลังพักฟื้นน่ะ เงินเดือนจึงถูกโอนกลับไป คุณสามารถรับได้ที่ที่ทำการไปรษณีย์เลยนะ”
สวี่ชิงจับมือโจวจินหนาน “พี่ใหญ่โจวคะ ทำไมถึงดีกับฉันนักล่ะ?”
ถ้าเพียงเพราะเธอยอมอยู่กับเขาที่อยู่ในสภาพแบบนี้ เขาไม่จำเป็นต้องจริงใจและใจดีกับเธอขนาดนั้นโดยไม่ต้องติดต่อกันมาก
เธอเคยคิดและจินตนาการว่าโจวจินหนานทำอะไรให้เธอเสียใจหรือไม่ ดังนั้นเขาจึงพยายามชดใช้ให้ดีที่สุดอยู่แบบนี้
แต่ความคิดนั้นก็หายวับไป เพราะทั้งสองไม่เคยพบกันมาก่อน
โจวจินหนานจะทำอะไรผิดกับเธอได้อย่างไร?
ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาเพียงเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ
ร้านแกงเนื้อแกะแสนอร่อยที่สวี่ชิงกล่าวถึงนั้นอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยประจำมณฑลมาก เธอเคยไปกินกับโจวจินเซวี่ยนมาก่อนและคิดว่าตอนนั้นมันอร่อยมาก
ตอนที่พาโจวจินหนานมา เธอแค่คิดว่ามันอร่อยและไม่คิดอะไรมากนัก
แต่เมื่อพวกเขามาถึง มันเป็นเวลารับประทานอาหารพอดี และโรงอาหารเล็ก ๆ ก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คน และบางคนถึงกับนั่งยอง ๆ ที่ประตูพร้อมกับยกชามกิน
สวี่ชิงเหลือบมองฝูงชนที่แออัดและรู้สึกผิดเล็กน้อย “มีคนมากเกินไป เราเปลี่ยนเป็นที่อื่นดีกว่าค่ะ”
โจวจินหนานไม่มีความคิดเห็นมากนัก “เอาสิ”
สวี่ชิงพาชายหนุ่มเดินไปรอบ ๆ และเห็นสวี่หรูเยว่
สวี่หรูเยว่ที่ดูซีดเซียวไม่ได้มาพร้อมกับโจวจินเซวี่ยนหรือหลี่ต้าหย่ง!
แต่หล่อนมากับคนรู้จักเก่าที่สวี่ชิงเกือบลืมไปแล้ว พวกเขาทั้งหมดอยู่ในกลุ่มเดียวกัน!
…………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
โคตรทุ่มเลยพี่เอ๊ย พยายามทำดีเพื่อชดเชยสิ่งที่เคยกระทำอย่างเต็มที่เลย
นังเยว่คิดจะทำอะไรอีก
ไหหม่า(海馬)