เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 297 แซ่เหยียนก็ไม่ใช่นามสกุลของผม
บทที่ 297 แซ่เหยียนก็ไม่ใช่นามสกุลของผม
เหยียนป๋อชวนเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า เขาหยิบกระบอกฉีดยาขึ้นมาเป็นอย่างแรกและดันอากาศเข้าไปข้างใน หยิบกล่องเหล็กขึ้นมาอีกครั้ง เปิดกล่องและหยิบแหนบออกมา ใช้แหนบคีบเข็มอันที่ยาวและบางที่สุด ค่อย ๆ ดันมันใส่กระบอกฉีดยา
แม้แต่ท่าทางการหยิบขวดแก้วในตอนท้ายก็เชื่องช้ามาก ราวกับกำลังทำการทดลองวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่งอยู่
เจียงเสวี่ยอิงเฝ้าดูการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าของเหยียนป๋อชวนด้วยความสยดสยอง ดวงตาของหล่อนเบิกกว้าง ส่ายศีรษะอย่างแรง น้ำตาหลั่งไหลออกมาด้วยความหวาดผวา รู้สึกหวาดกลัวและเสียใจอย่างมาก
เสียงครวญครางดังเล็ดลอดออกมาจากปาก
เหยียนป๋อชวนดึงยาใส่กระบอกฉีดยา หันหลังกลับและค่อย ๆ เดินเข้าไปหาเจียงเสวี่ยอิง
เขาไม่สนใจสายตาตื่นตระหนกและเสียงกรีดร้องของหล่อน ใช้มือข้างหนึ่งกระชากเรือนผมของหล่อนจนอีกฝ่ายหน้าหงาย พลางเอ่ยกระซิบว่า “อยากแต่งงานกับผมนักใช่ไหม?!”
เจียงเสวี่ยอิงส่ายศีรษะอย่างบ้าคลั่ง หล่อนไม่นึกเลยว่าครั้งนี้จะฆ่าเย่หนานไม่สำเร็จ แถมยังปล่อยให้อีกฝ่ายกลับไปเจอเหยียนป๋อชวนที่เมืองเอกมณฑลได้
หล่อนคิดไม่ออกว่าผู้หญิงป่าเถื่อนพรรค์นั้นมีดีอะไร เหยียนป๋อชวนถึงได้เฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อนัก
เหยียนป๋อชวนหัวเราะเยาะ ลำแสงในดวงตาเย็นยะเยือกขึ้นขณะปักปลายเข็มเจาะทะลุผิวหนังบริเวณต้นคอของเจียงเสวี่ยอิง แทงลงไปโดยไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย และค่อย ๆ ฉีดยาเข้าไป
ความทุกข์ทรมานที่อาหนานของเขาต้องพบเจอ ต่อให้จะถลกหนังเจียงเสวี่ยอิงได้ ความเกลียดชังก็ไม่มีวันจางหายไป
หากโลกนี้มีนรกจริง ก็แล้วทำไมไม่ส่งเขาลงนรกไปก่อนเล่า?
เจียงเสวี่ยอิงไม่อาจส่งเสียงร้องออกไปได้ รู้สึกเหมือนมีมดนับพันตัวถูกฉีดเข้าไปในร่างกาย แทะเส้นประสาทไปทั่วร่าง เจ็บปวดเสียจนอยากจะกรีดร้อง แต่กลับไม่สามารถส่งเสียงออกไปได้
เหยียนป๋อชวนโหดเหี้ยมแบบนี้ได้อย่างไร!
…………
กว่าเหยียนป๋อชวนจะออกมาจากตัวบ้านหลังเล็กก็เป็นเวลาเย็นแล้ว เขายืนอยู่หน้าตัวบ้านหลังเล็กที่แสนจะมืดมนเป็นเวลานาน ก่อนจะกลับไปยังที่พัก
เขายังคงอาศัยอยู่กับเหยียนจี้ชวนในโรงแรมของค่ายทหาร
แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป เขากลับนึกไม่ถึงว่าหยวนฮวากับเหยียนจี้ชวนจะอยู่ที่นี่
ใบหน้าของหยวนฮวาดูเศร้าหมอง ในขณะที่เหยียนจี้ชวนดูไม่รู้เรื่องอะไรและไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น นอนพิงเตียงและสูบบุหรี่อย่างเกียจคร้าน
เหยียนป๋อชวนชำเลืองมองหยวนฮวา ก่อนจะถอดเสื้อคลุมออกและโยนพาดไว้บนเก้าอี้ข้างเตียง
หยวนฮวาเห็นว่าเหยียนป๋อชวนไม่ได้สนใจตนเองก็ยิ่งรู้สึกโกรธจัดจนใบหน้าน่าเกลียดยิ่งขึ้น “แกพาเจียงเสวี่ยอิงไปไหน? หล่อนกำลังบาดเจ็บอยู่ แกคิดจะฆ่าหล่อนให้ตายหรือไง?”
เหยียนป๋อชวนยังคงเมินเฉย ปลดกระดุมเสื้อสองเม็ดบน ดึงคอเสื้อ ก่อนเดินไปหยิบขันล่างหน้า ผ้าเช็ดตัวและเดินออกไป
หยวนฮวาตบที่วางแขนโซฟาและลุกขึ้นยืน “เหยียนป๋อชวน! แกยังเห็นแม่เป็นแม่อยู่สายตาบ้างไหม”
เหยียนป๋อชวนหันกลับมามองด้วยสายตาเย็นชา “ถ้าผมบอกว่าผมฆ่าเจียงเสวี่ยอิงล่ะ แม่จะทำยังไง?”
เหยียนจี้ชวนที่นอนสูบบุหรี่อยู่บนเตียงถึงกับสะบัดมือด้วยความตกใจ จนขี้เถ้าร่วงหล่นลงมาบนร่างกาย เขาสะดุ้งโหยงและปัดเสื้อเชิ้ตของตนเอง การฆ่าเจียงเสวี่ยอิงจะทำให้เรื่องทุกอย่างวุ่นวายยิ่งขึ้น
อให้หล่อนจะเป็นวายร้ายที่ชั่วร้าย ทว่าพวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ไปฆ่าหล่อน
สีหน้าของหยวนฮวาเปลี่ยนไปทันที มองดูลูกชายคนโตอย่างไม่เชื่อสายตา “แกฆ่าเจียงเสวี่ยอิงจริง ๆ เหรอ? แก… แกเลอะเลือนไปแล้ว! การฆ่าคนจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต อีกอย่างเสวี่ยอิงทำอะไรผิดนักเหรอ? แกถึงได้เกลียดหล่อนนัก? หลายปีที่ผ่านมา หล่อนดูแลครอบครัวเรายังไงบ้าง? แกกับจี้ชวนไม่กลับบ้านมาแรมปี ก็มีเสวี่ยอิงนี่แหละที่คอยดูแลแม่กับพ่อแก”
“ทุกคนแถวละแวกบ้านต่างบอกว่าพวกเราโชคดี ลูกสาวที่รับเลี้ยงมาก็กตัญญู แกฆ่าหล่อนจริง ๆ เหรอ?”
เหยียนป๋อชวนจ้องมองไปที่หยวนฮวาอย่างเย็นชา “แม่ไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าหล่อนทำอะไรลงไป?”
หยวนฮวาชะงักไปครู่หนึ่ง นางขมวดคิ้วและจู่ ๆ ก็นึกถึงเรื่องของเย่หนาน “เป็นเพราะนังผู้หญิงหน้าด้านคนนั้นอีกแล้วใช่ไหม?”
ดวงตาของเหยียนป๋อชวนเย็นยะเยือกขึ้นทันที เส้นเลือดในมือที่ถือขันล้างหน้าปูดโปนขึ้น “แม่พูดว่าไงนะ?”
คนอื่นอาจจะหวาดกลัวเหยียนป๋อชวน แต่สำหรับหยวนฮวาแล้วไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะคิดว่าเขายังเป็นลูกชายของตนเอง นางขมวดคิ้ว “แม่พูดผิดเหรอ? นังนั่นหลับนอนกับผู้ชายก่อนแต่งงานแถมยังท้องอีกไม่ใช่เหรอ? ขอแม่พูดหน่อยเถอะ ลูกอาจจะจำชิงชิงได้ แต่ถึงหล่อนจะเป็นสายเลือดจากบ้านสกุลเหยียน แม่ก็จะไม่อนุญาตให้นังเด็กนั่นเข้ามาในบ้านสกุลเหยียนของเราเด็ดขาด”
ในสายตาของหยวนฮวา หมู่บ้านแม้วที่อยู่ทางตอนใต้ของเตียนหนานเป็นหมู่บ้านที่ล้าหลัง ป่าเถื่อนและมีประเพณีพื้นบ้านที่วิปริต
อีกทั้งยังเป็นอาณาเขตหมู่บ้านที่ไม่เจริญ
มืออีกข้างของเหยียนป๋อชวนที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวกำเข้าหากันแน่น ก่อนจะคลายมือออก พยายามระงับความต้องการบางอย่างที่ผุดขึ้นมาในหัวใจ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร คนที่อยู่ตรงหน้าก็เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดเขา
เขาระงับความโกรธและพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้น แซ่เหยียนก็ไม่ใช่นามสกุลของผม!”
หลังจากพูดจบ เขาก็เดินจากไปพร้อมกับขันล้างหน้าในมือ
หยวนฮวาโกรธมากจนอยากจะตะเพิดไล่เขาออกไป แต่เหยียนจี้ชวนกลับห้ามปรามเอาไว้ “แม่ ใจเย็น ๆ ผมคิดว่าแม่ควรปล่อยเรื่องนี้ไปสักพัก”
หากนางยังยืนกรานที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยว เหยียนป๋อชวนคงทำอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นมาได้
หยวนฮวาหน้าเขียว “แม่ห้ามยุ่งเหรอ? ถ้าแม่ไม่เข้าไปยุ่ง พี่ชายแกคงแต่งงานกับนังผู้หญิงป่าเถื่อนนั่นไปแล้ว และคนในละแวกนั้นก็จะมองว่าบ้านเราเป็นตัวตลก”
เหยียนจี้ชวนมองหยวนฮวา “แล้วแม่รู้ไหมว่าตอนนั้นเจียงเสวี่ยอิงทำอะไรลงไปบ้าง?”
หยวนฮวาตะคอก “ทำอะไร? ก็แค่เดินทางไปบอกนังนั่นที่เตียนหนานว่าอย่าคิดเพ้อฝัน คนครอบครัวเราไม่ได้จะแต่งงานกับใครหน้าไหนก็ได้”
เหยียนจี้ชวนมองหยวนฮวาอย่างเหลืออด เขาไม่อาจควบคุมเรื่องนี้ได้เลย
หยวนฮวาทำหน้าเรียบนิ่ง “บอกความจริงแม่มา นังผู้หญิงนั่นกลับมาแล้วใช่ไหม? มันพูดอะไรถึงได้ทำให้พี่ชายแกทำกับเสวี่ยอิงแบบนี้?”
เหยียนจี้ชวนตบไหล่หยวนฮวาเบา ๆ “ถ้าแม่ยังเป็นห่วงความสัมพันธ์ฉันท์แม่ลูกอยู่ แม่ก็ควรปล่อยวางเรื่องนี้ซะ แต่ถ้าแม่ไม่อยากให้พี่ใหญ่ปฏิบัติกับแม่แบบแม่ลูกแล้ว ก็เชิญแม่ก้าวก่ายเรื่องนี้ต่อไปเถอะ”
หยวนฮวาโมโหขึ้นอีกครั้ง ขมวดคิ้วและมองไปที่เหยียนจี้ชวน “หมายความว่ายังไง? ไม่ปฏิบัติกับแม่เหมือนแม่ลูก? เขาจะกล้างั้นเหรอ!”
เหยียนจี้ชวนเงียบ ในความทรงจำของเขา แม่มักจะเฉียบขาดและเข้มงวดอยู่เสมอ ถึงกระนั้นก็ไม่เคยรู้สึกว่าแม่ไร้เหตุผลเลย
หลังจากที่เหยียนป๋อชวนออกไปแล้ว เขาก็ไม่ได้กลับเข้ามาในห้องอีก แต่ไปสูบบุหรี่ที่ดาดฟ้าแทน
เขาหรี่ตามองท้องฟ้าที่มืดครึ้มมาจากระยะไกล เขาอยากจะมอบความยุติธรรมให้แก่เย่หนานเหลือเกิน ทว่าจะชดใช้หนี้ที่ติดอยู่ให้หล่อนได้อย่างไร?
……
ช่วงรุ่งสางของเช้าวันรุ่งขึ้น
สวี่ชิงเห็นเหยียนป๋อชวนยืนอยู่ที่หน้าประตูทันทีที่เปิดประตูออกไป สภาพของเขาดูโทรมจนตอหนวดเคราขึ้นเขียวครึ้ม ใบหน้าดูผ่านโลกมาอย่างโชกโชน และดูเหมือนเธอจะคิดไปเองว่าตรงบริเวณขมับของเขามีผมขาวมากขึ้น
ก้นบุหรี่ตกเกลื้อนกลาดอยู่บนพื้น บ่งบอกว่าเขาอยู่ที่นี่มานานพอสมควร
สวี่ชิงรู้สึกจุกอยู่ในลำคอ “พ่อ ทำไมไม่เคาะประตูล่ะคะ?”
เหยียนป๋อชวนหยิบกล่องขนมขนาดใหญ่ที่ห่อด้วยผ้าขนหนูออกมาจากอ้อมแขน และส่งให้สวี่ชิง “นี่คือขนมโก๋ที่แม่ชอบ ยังร้อน ๆ อยู่เลย เอาไปให้แม่กินสิ”
สวี่ชิงรับกล่องขนมที่กำลังร้อนด้วยไออุ่นจากร่างกายพ่อมา และก่อนจะจากไป เหยียนป๋อชวนก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า “ดูแลแม่ด้วยนะลูก ช่วงนี้พ่อยุ่งหน่อย คงจะไม่ได้มาที่นี่”
น้ำเสียงฟังดูธรรมดา แต่กลับแฝงไปด้วยคำอำลา
สวี่ชิงถือกล่องขนมด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกมือหนึ่งดึงข้อมือของเหยียนป๋อชวนเอาไว้ “พ่อคะ พ่อจะไปไหน?”
เหยียนป๋อชวนเอื้อมมือไปลูบศีรษะสวี่ชิง “ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวพ่อกลับมา”
สวี่ชิงส่งเหยียนป๋อชวนออกไปและกลับเข้ามาพร้อมกับกล่องขนม มองดูเย่หนานที่ยังไม่ตื่นขึ้นมา รู้สึกว่าช่วงนี้แม่ของเธอนอนหลับสบายมาก และนอนได้นานกว่าสิบชั่วโมงทุกวัน
เธอวางกล่องขนมไว้ในห้องครัว และไปทำอาหารเช้า
หลังจากรับประทานอาหารเช้าไปได้สักพักหนึ่งก็มีเสียงคนมาเคาะประตู ในขณะที่ไป๋หลางเห่าเสียงขรม…
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
นังตัวต้นเรื่องโดนฉีดยาอะไรเข้าไปนะ จะตายดีไหม
เอาสิ ถ้าแม่เฒ่ายังคิดกีดกันลูกอยู่ ลูกก็พร้อมตัดขาดออกจากตระกูลอะ
ไหหม่า(海馬)