เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 293 เหยียนจี้ชวนยอมจำนน
บทที่ 293 เหยียนจี้ชวนยอมจำนน
เหยียนป๋อชวนยืนนิ่งไม่ไหวติง ราวกับเขาไม่ได้ยินเสียงเคาะประตู
เหยียนจี้ชวนยิ้มเยาะ และบอกให้เข้ามา
ประตูถูกผลักออกให้เห็นแพทย์หญิงร่างสูงหุ่นเพรียว แม้แต่เสื้อคลุมด้านนอกก็ไม่สามารถปกปิดเรือนร่างอรชรของหล่อนได้ หูฟังแพทย์ห้อยอยู่ที่ลำคอระหง หมวกสีขาวถูกดึงลงมาต่ำมาก ควบคู่ไปกับหน้ากากอนามัยสีขาวที่เผยให้เห็นดวงตาคู่หนึ่ง
ดวงตาคู่นั้นงดงามราวกับตาหงส์แดง หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย แต่ลำแสงในตากลับดูเย็นชานัก
แพทย์สาวชำเลืองมองเหยียนจี้ชวนและพูดด้วยถอ้ยคำเย็นชา “ไม่อนุญาตให้สูบบุหรี่ในห้องนะคะ ดับมันเดี๋ยวนี้!”
น้ำเสียงฟังดูอ่อนโยนอย่างเห็นได้ชัด ทว่าถ้อยคำกลับฟังดูเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
ทำให้ผู้มากประสบการณ์อย่างเหยียนจี้ชวนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง ดับบุหรี่ในมืออย่างเชื่อฟัง และโยนมันทิ้งถังขยะข้าง ๆ
แพทย์สาวชำเลืองมองเขาอีกครั้ง เดินเข้าไปหาเหยียนป๋อชวนและขมวดคิ้วเล็กน้อย “สมรรถภาพร่างกายของคุณแข็งแรงดี แต่ไม่เห็นต้องโยนสายน้ำเกลือทิ้งเลยนี่คะ ถ้าคุณไม่อยากหายดี ก็แค่ออกจากโรงพยาบาลไปซะ ไปตายข้างนอกอย่างน้อยโรงพยาบาลก็ไม่ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ”
เหยียนจี้ชวนรู้สึกว่าคำพูดดังกล่าวค่อนข้างรุนแรงไป เขาจึงลุกขึ้นขู่ฟ่อ “เฮ้ ขอผมพูดอะไรหน่อยนะคุณหมอ คุณพูดจาแบบนี้ได้ยังไง?”
แพทย์สาวผลักเหยียนป๋อชวนให้นั่งลงด้วยท่าทีไม่แยแส จับมองของเขาและมองดู หยิบก้อนสำลีชุบแอลกอฮอล์มาเช็ดหลังมือก่อนที่เหยียนป๋อชวนจะตอบสนอง และแทงเข็มน้ำเกลือเข้าไปอีกครั้ง
จากนั้นจึงพูดอย่างเฉยเมย “ฉันไม่เคยเห็นผู้ป่วยที่ไม่ให้ความร่วมมืออย่างพวกคุณมาก่อนเลย ได้อยู่ในห้องผู้ป่วยระดับสูงแท้ ๆ แต่กลับสูบบุหรี่กลางดึก แถมยังดึงสายน้ำเกลือออกอีก”
ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่หันมามองอีก
เหยียนจี้ชวนเคยรู้สึกลำบากใจแบบนี้ที่ไหนกัน ก่อนจะรีบชี้ไปที่ประตู “เฮ้อ หมอยังดูเด็กอยู่เลย ไม่น่าอารมณ์เสียขนาดนี้ ไว้รุ่งสางก่อนเถอะ ผมจะไปเขียนร้องเรียนหล่อน”
เหยียนป๋อชวนขมวดคิ้วและชำเลืองมองเขา “เอาล่ะ นายช่วยบอกฉันเกี่ยวกับสถานการณ์ของเย่หนานที ไหนจะเจียงเสวี่ยอิงอีก แล้วก็ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ฉันกลับปักกิ่งพรุ่งนี้ด้วยล่ะ”
เหยียนจี้ชวนประหลาดใจ “พี่จะกลับไปทำอะไร?”
เหยียนป๋อชวนเม้มปาก “ฉันต้องการคำอธิบายให้เย่หนาน จะไปทำเรื่องเกษียณแล้วค่อยกลับมา”
เหยียนจี้ชวนตกใจยิ่งกว่าเดิม “พี่บ้าไปแล้วหรือไง? ตอนนี้ตำแหน่งพี่ดีขนาดไหน? หลังจากนี้พี่อาจจะถูกย้ายไปประจำตำแหน่งเลขาที่อันกังก็ได้”
เหยียนป๋อชวนขมวดคิ้ว “ฉันมีเหตุผล นายไม่ต้องกังวลหรอกน่า พรุ่งนี้ฉันจะไปขึ้นเครื่องบินตั้งแต่รุ่งสาง”
เขาก้มศีรษะลงและหลับตา รูปลักษณ์ของเย่หนานทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดรวดร้าวมากเสียจนไม่สามารถทำอะไรได้เลย
นอกจากนี้เขายังรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดี หากครั้งนี้เขาไม่สามารถคว้าเย่หนานเอาไว้ได้ เขาอาจจะต้องสูญเสียเย่หนานไปตลอดกาล
เหยียนจี้ชวนเงียบไปครู่หนึ่ง “ว่าแต่เอาเงินใครซื้อตั๋วเครื่องบิน?”
เหยียนป๋อชวนเงยหน้าขึ้น ขมวดคิ้วและมองหน้าเขา “ฉันมีเงินติดตัวแค่สิบหยวน นายจะให้ใช้เงินใครล่ะ?”
เหยียนจี้ชวนอยากจะด่าทอคนตรงหน้าเสียจริง เห็นเขาเป็นธนาคารหรืออย่างไร?
แต่เมื่อมองดูความทุกข์ทรมานของพี่ใหญ่แล้วก็ช่างเถอะ ถึงขนาดพูดขอยืมก็ต้องช่วยอยู่ดี
……
สวี่ชิงตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ และทำอาหารเช้าเป็นอย่างแรก มองดูเย่หนานกินข้าวเช้าจนเสร็จ แล้วจึงเดินเข้าไปหยิบชุดแต่งงานสีแดง “ฉันไม่มีชุดสีแดงที่เหมาะกับแม่เลยค่ะ ทำไมแม่ไม่ลองใส่ชุดนี้ดูล่ะคะ?”
เย่หนานมองดูชุดแต่งงานสีแดงด้วยดวงตาเป็นประกาย “ชุดนี้ยังอยู่อีกเหรอ? แม่นึกว่ามันหายไปแล้วเสียอีก”
สวี่ชิงหยิบชุดกระโปรงขึ้นมาและทาบกับตัวเย่หนาน “มันดูใหญ่ไปหน่อย ไม่ใช่แค่ชุดพวกนี้นะคะ แต่ยังมีเครื่องประดับที่แม่ทิ้งไว้ด้วย ส่วนทองคำสามแท่งฉันเอาไปแลกเป็นเงินแล้ว”
เย่หนานไม่ได้สนใจสักนิด “มันก็แค่ของไม่มีค่า จะเก็บไว้ทำไม?”
หล่อนหยิบชุดแต่งงานขึ้นมาสวมใส่ เอื้อมมือไปสัมผัสลวดลายปักสีเงินบนกระโปรง “ถ้าเป็นแต่ก่อน คนในหมู่บ้านคงจะรีบออกมาเฉลิมฉลองทันทีที่แม่ใส่ชุดนี้”
สวี่ชิงรู้สึกว่าใบหน้าของเย่หนานดูดีขึ้นเมื่อสวมใส่ชุดแต่งงานสีแดง ก่อนหยิบหวีมาหวีผมให้แม่และม้วนเป็นมวยอยู่ด้านหลัง
เธออดจะยิ้มออกมาไม่ได้ “แม่เข้ากับชุดสีแดงมากเลยค่ะ”
เย่หนานสัมผัสใบหน้าของเธอและหัวเราะเล็กน้อย “แต่ตอนสาวแม่ดูดีกว่านี้อีกนะ”
สวี่ชิงรู้แล้วว่าตนเองได้นิสัยหลงตัวเองมาจากไหน ดูเหมือนว่าทั้งหมดจะสืบทอดมาจากแม่เธอ
หลังจากที่เย่หนานแต่งตัวเสร็จแล้ว เธอก็ออกไปหาฟางหลานซิน
ไม่จำเป็นต้องใช้พยายามมากนัก เพราะสามารถตามหาอีกฝ่ายได้ที่ร้านอาหารของฉินกุ้ยจือ
เดิมทีฟางหลานซินกำลังทำความสะอาดอยู่ หล่อนสวมชุดเอี๊ยมสีน้ำเงินเข้มที่เต็มไปด้วยคราบน้ำมัน ปลอกแขนเสื้อสีขาวและสวมหมวกสีขาว ใบหน้าซีดเซียวขณะถูพื้นอย่างขยันขันแข็ง
สวี่ชิงยืนอยู่ที่ประตู เฝ้าดูอยู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “ฟางหลานซิน ตอนนี้คุณว่างไหมคะ? มาที่บ้านฉันหน่อยสิ”
ฟางหลานซินยืดตัวตรง จ้องมองไปที่สวี่ชิงขณะซ่อนไม้ถูกพื้นไว้ข้างหลัง แววตาเต็มไปด้วยความหวาดระแวง “แกมานี่ที่ทำไม? สวี่ชิง พวกเราไม่ได้ไปทำอะไรให้แกสักหน่อย”
สวี่ชิงยิ้ม “ไม่ได้ทำอะไรให้ฉันก็จริง แต่ฉันไม่ได้เชิญคุณมาที่บ้านในฐานะแขกของฉันสักหน่อยนี่คะ ทำไมถึงขี้ขลาดนักล่ะ?”
ฟางหลานซินไม่เชื่อว่าสวี่ชิงจะมีเจตนารมณ์ที่ดี “แขก? แกอยากจะให้ฉันตายอยู่แล้ว จะเชิญฉันไปเป็นแขกทำไม?”
สวี่ชิงเลิกคิ้ว “ก็จริงอยู่ค่ะที่ฉันอยากจะให้คุณตายไปซะ แต่ที่บ้านฉันยังมีของของคุณอยู่ ถ้าคุณไม่ต้องการฉันก็จะโยนทิ้งไปแล้วกัน เพราะถือว่าฉันมาบอกคุณแล้ว”
ฟางหลานซินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและคิดว่าไม่น่ามีของอะไรตกหล่นอยู่ที่บ้านของสวี่ชิง “งั้นก็โยนมันทิ้งไปซะ”
สวี่ชิงพยักหน้า “ได้ ถือว่าฉันมาบอกคุณแล้วนะคะ อีกอย่างคุณเป็นพนักงานเก่าที่ป้ายรถเมล์นี่ งั้นก็ลืมเรื่องพวกนั้นไปด้วยล่ะ”
หลังจากพูดจบ เธอก็หันหลังและเดินจากไป ถึงกระนั้นก็ไม่เชื่อว่าฟางหลานซินที่กำลังตกอับจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้
ฟางหลานซินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้มีการแสดงความเสียใจโดยมอบเงินอุดหนุนให้กับอดีตพนักงานในแผนกขนส่งสาธารณะ และพนักงานเก่าแก่อย่างหล่อนสามารถโอนถ่ายงานให้ลูกหลานได้
หากอายุงานเป็นไปตามที่กำหนดจะได้รับเงินหลังเกษียณทุกเดือน
นี่คือเรื่องที่สวี่ชิงกำลังพูดถึงอย่างนั้นเหรอ?
ทันทีที่ฟางหลานซินคิดได้ หล่อนก็ไม่สนใจอะไรอีกต่อไป รีบวางไม้ถูพื้นไว้ด้านข้าง ถอดหมวก ปลอกแขน และชุดเอี๊ยมออก แล้วรีบวิ่งตามสวี่ชิงไป
ฉินกุ้ยจือได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากทางหลังครัว และเห็นว่าฟางหลานซินเดินออกจากประตูไปแล้ว หล่อนจึงสาปแช่งไล่ตามหลัง “ทำงานเสร็จแล้วหรือไง? วันๆ เอาแต่วิ่งหนี อายุปูนนี้แล้วยังหน้าด้านอยู่อีก!”
ฟางหลานซินวิ่งไล่ตามสวี่ชิงโดยไม่เหลียวหลังหันกลับไปมอง หากหล่อนได้รับเงินเกษียณสามสิบหยวนจริง ๆ หล่อนยังจะต้องกังวลเกี่ยวกับอายุที่มากขึ้นและไม่มีอันจะกินอยู่อีกหรือ?
สวี่ชิงไม่ได้เดินเร็วจนเกินไปเพราะกลัวว่าลูกในท้องจะบาดเจ็บ
ทั้งสองเดินผ่านประตูเข้าไปทีละคน
ฟางหลานซินมองดูไป๋หลางที่ยืนจ้องมาทางหน้าประตู ก่อนจะก้าวถอยหลังอย่างขลาดกลัว “สวี่ชิง แกไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม? ใบสมัครอยู่กับแกจริง ๆ เหรอ?”
สวี่ชิงไม่รู้ว่าใบสมัครที่ฟางหลานซินกำลังพูดถึงคืออะไร แต่ก็เล่นไปตามน้ำ “ถ้าคุณอยากรู้ ทำไมไม่เข้ามาดูกับฉันในบ้านล่ะคะ? มันแต่ถามนู่นนี่นั่น ถามไปแล้วจะได้อะไร?”
ทั้งสองพูดคุยกันระหว่างเดินเข้าไปในบ้าน
ฟางหลานซินกำลังคิดว่า เมื่อหล่อนเข้าไปแล้ว สวี่ชิงจะทำอะไรหล่อน?
หรือว่าจะวางแผนฆาตกรรมหล่อน?
เพียงเสี้ยววินาทีหัวใจกลับผ่อนคลายลงเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เอื้อมมือไปเปิดผ้าม่านออกและเข้าไปในข้างใน
แต่ก่อนที่หล่อนจะปรับสภาพกับแสงสลัวภายในห้องได้ หล่อนก็รู้สึกถึงเงาสีแดงที่พาดผ่านมา มือที่คล้ายคลึงกับกิ่งไม้กำลังบีบคอหล่อนแน่น…
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หมอผู้หญิงคนนี้จะมีบทบาทอะไรมากกว่านี้ไหมนะ?
นังแม่เลี้ยงตกหลุมพรางแล้ว คราวนี้จะโดนฆ่าตายไหม?
ไหหม่า(海馬)