เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 292 พี่อาเจียนเป็นเลือดอีกสองครั้งแล้วหล่อนจะให้อภัยพี่หรือไง
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80
- บทที่ 292 พี่อาเจียนเป็นเลือดอีกสองครั้งแล้วหล่อนจะให้อภัยพี่หรือไง
บทที่ 292 พี่อาเจียนเป็นเลือดอีกสองครั้งแล้วหล่อนจะให้อภัยพี่หรือไง?
เหยียนป๋อชวนจับมือแห้งเหี่ยวของเย่หนานเอาไว้แน่น ผิวหยาบกร้านทำให้เขาทุกข์ทรมานจนพูดไม่ออก น้ำเสียงยังคงติดอยู่ในลำคอ “อาหนาน อาหนาน…”
เขาปวดใจมากจนแทบจะตายลงภายในวินาทีถัดมา อาหนานของเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานมากเพียงใด
เย่หนานพยายามระงับอารมณ์ที่ปั่นป่วน มองไปด้านข้างด้วยสายตาเย็นชา กัดปลายลิ้นเพื่อไม่ให้ทำนบอารมณ์ของตัวเองพังทลาย
ปล่อยให้เหยียนป๋อชวนจับมือหล่อนและร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างนั้น
สวี่ชิงที่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวรีบเปิดประตูเข้ามาดูด้วยน้ำตาไหลริน
เหยียนจี้ชวนที่วิ่งไล่ตามมาได้เข้ามายืนอยู่ข้างหลังสวี่ชิง มองเหยียนป๋อชวนกับเย่หนานด้วยดวงตาร้อนผ่าว ก่อนเอื้อมมือออกไปตีไหล่ของสวี่ชิงเบา ๆ เพื่อส่งสัญญาณให้เธอออกไปคุย
สวี่ชิงถลกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตา และเดินตามเหยียนจี้ชวนเข้าไปพูดคุยในห้องครัว
เหยียนจี้ชวนมองดูสวี่ชิง “ที่แม่หลานเป็นแบบนี้ พอจะมีความหวังบ้างไหม?”
สวี่ชิงส่ายหน้า จนตอนนี้เธอยังคิดว่าที่เย่หนานได้รับผลกระทบอาจเป็นเพราะพิษในร่างกายยังไม่ได้รับการชำระล้าง
เหยียนจี้ชวนขมวดคิ้ว “ต้องคิดหาวิธีนะ มันไม่มีต่อสุขภาพร่างกาย”
เย่หนานแก่เกินกว่าปกติ ถ้าสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไป พลังชีวิตของหล่อนจะมอดลง
สวี่ชิงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน อีกทั้งยังคอยปาดน้ำตา “ฉันอยากจะพาแม่ไปตรวจร่างกายเหมือนกัน แต่ว่าแม่ดื้อเกินไปค่ะ”
เหยียนจี้ชวนเงียบไปครู่หนึ่ง “อาหมายถึงให้พาแม่หลานไปที่ปักกิ่ง อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่นั่นดีกว่า และผู้เชี่ยวชาญชั้นนำก็อยู่ที่นั่น”
สวี่ชิงส่ายหน้าโดยไม่คิด “แม่ไม่ไปหรอกค่ะ”
ทว่าเหยียนจี้ชวนกลับมีวิธีการ “แม่ของหลานเป็นคนกล้าที่จะรัก กล้าที่จะเกลียด ถ้าเจียงเสวี่ยอิงอยู่ที่ปักกิ่ง หล่อนจะไม่ไปแก้แค้นเจียงเสวี่ยอิงที่ปักกิ่งเหรอ?”
สวี่ชิงประหลาดใจและมองไปที่เหยียนจี้ชวนทั้งที่น้ำตาคลอเบ้า “จะให้แม่ฉันไปแก้แค้นเจียงเสวี่ยอิงที่ปักกิ่งเหรอคะ? ใช้เหตุผลนี้เกลี้ยกล่อมให้แม่ไปตรวจสุขภาพเหรอ? ฉันว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยค่ะ ด้วยอารมณ์ของแม่แล้ว แม่จะไม่วางยาพิษจนเจียงเสวี่ยอิงตายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแม่ของอาด้วย คุณยายหยวนฮวาน่ะค่ะ!”
เหยียนจี้ชวนเงียบไปครู่หนึ่ง เขาไม่คัดค้านเลยถ้าจะวางยาเจียงเสวี่ยอิงจนตาย
แต่เขาไม่ได้เนรคุณถึงจะให้วางยาหยวนฮวาได้
เฟิงซูฮวาถอนกลับออกไปเงียบ ๆ นางรู้สึกโล่งใจเมื่อรู้ว่าเย่หนานจะไม่วางยาเหยียนป๋อชวน
หลังออกไปที่ลานบ้านและยืนฟังบทสนทนาระหว่างสวี่ชิงกับเหยียนจี้ชวน นางก็เงียบไป แต่รู้ดีว่าต่อให้พาเย่หนานไปตรวจร่างกายที่ไหนก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
เพราะหล่อนไม่ได้มอบชีวิตใหม่ให้ลูกสาวอย่างเดียว แต่ยังฝืนบัญชาสวรรค์และเปลี่ยนแปลงโลก ทำให้สายธารเวลายุ่งเหยิง
แล้วจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อย่างไร?
ภายในห้อง เหยียนป๋อชวนจับมือเย่หนาน และใช้มืออีกข้างพยุงขอบเตียงลุกขึ้นยืน กอดเย่หนานเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น ส่งผลให้ร่างผอมบางไร้น้ำหนักอยู่ในอ้อมกอดของเขา
เย่หนานพูดอย่างเย็นชา “เหยียนป๋อชวน ปล่อยฉัน!”
เหยียนป๋อชวนกอดหล่อนแน่นขึ้น แนบใบหน้าเข้ากับแก้มของหล่อน “อาหนาน ผมขอโทษ ขอโทษ…”
เย่หนานพยายามดิ้นรน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าคุณไม่ปล่อย ฉันจะวางยาซะ”
เหยียนป๋อชวนส่ายหน้า “ถึงคุณจะวางยาพิษผมให้ตาย ผมก็จะไม่ปล่อยมือ ไม่ปล่อย…”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขากลับรู้สึกว่าหัวสมองว่างเปล่า แล้วล้มลงไปที่ด้านข้าง
เย่หนานเหยียดขาออกโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เตะชายตรงหน้าออกจากเตียง แม้จะเตะเพียงครั้งเดียวแต่หล่อนกลับรู้สึกว่าต้องเค้นกำลังทั้งหมดที่มี
ทั้งสามคนตกตะลึงทันทีที่ได้ยินเสียงโครมคราม
สวี่ชิงกับเหยียนจี้ชวนรีบกลับเข้าไปในห้อง และเห็นเหยียนป๋อชวนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ส่วนเย่หนานนั่งไม่หือไม่อืออยู่บนเตียง
เย่หนานรีบพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นทั้งสองเข้ามา “ฉันเตือนเขาแล้ว เขาไม่ฟังเอง”
เดิมทีสวี่ชิงเศร้าใจมาก แต่ตอนนี้กลับไม่รู้ว่าจะหัวเราะดีหรือไม่ อีกทั้งยังไม่รู้ว่าร่างกายของพ่อสามารถต้านทานพิษของเย่หนานได้ขนาดนี้
เธอและเหยียนจี้ชวนรีบเข้าไปพยุงเหยียนป๋อชวนขึ้น และวางไว้บนขอบเตียงอีกข้างหนึ่ง
เย่หนานมองเหยียนจี้ชวนด้วยสายตาเย็นชา “รีบพาเขากลับไปซะ ฉันไม่อยากเห็นคนจากบ้านสกุลเหยียนอีก! พอเขาตื่นขึ้นมาแล้วก็บอกเขาด้วยว่าเย่หนานเมื่อยี่สิบปีก่อนตายไปแล้ว อย่าให้เขามายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก เพราะฉันไม่รับปากว่ารอบหน้าฉันจะไม่วางพิษเขาจนตาย”
เหยียนจี้ชวนต้องการพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับพี่ชายใหญ่ แต่เมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของเย่หนาน เขาก็รู้ว่ามันเปล่าประโยชน์
อีกอย่างมันเริ่มมืดแล้ว แม้จะอยู่ที่นี่ต่อ ปัญหาก็คงไม่ได้รับการแก้ไขอยู่ดี เขาจึงแบกเหยียนป๋อชวนไว้บนหลังและหันออกไป
สวี่ชิงช่วยพยุงจากทางด้านหลัง และส่งเหยียนจี้ชวนออกนอกประตู หลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอจึงพูดขึ้นว่า “พวกอาอย่าเพิ่งมาที่นี่สักสองวันนะคะ ฉันจะลองทำตามความต้องการของแม่ก่อน”
เหยียนจี้ชวนไม่มีทางเลือกอื่น “อาทำอะไรไม่ได้หรอก คงต้องรอพ่อหลานตื่นมาตัดสินใจ”
สวี่ชิงพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นพาพ่อไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลก่อนนะคะ เห็นเขาอาเจียนเป็นเลือดอยู่น่ะค่ะ”
สวี่ชิงยืนอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง เฝ้าดูเหยียนจี้ชวนแบกเหยียนป๋อชวนออกไป ก่อนจะกลับเข้าไปข้างใน
เธอเดินเข้าไปกอดเย่หนานที่กำลังมองดูโทรทัศน์ด้วยอาการเหม่อลอย “แม่คะ ถ้าแม่ไม่อยากเห็นหน้าพ่อ เราก็จะไม่เห็นอีกแล้วค่ะ”
เย่หนานได้สติคืนมาและตบมือสวี่ชิงเบา ๆ “ไม่ต้องห่วงเรื่องเขา ว่าแต่พรุ่งนี้แม่จะใส่อะไรไปเจอฟางหลานซินดีล่ะ? ลูกช่วยหาชุดสีแดงให้แม่ที แม่ชอบสีแดง”
สวี่ชิงกอดเย่หนานด้วยความรัก “ได้สิคะ พรุ่งนี้ฉันจะไปหาฟางหลานซินแต่เช้า ส่วนตอนนี้แม่พักผ่อนก่อนนะคะ”
……
เหยียนจี้ชวนแบกเหยียนป๋อชวนไปที่โรงพยาบาลทหาร โชคดีที่ตรวจร่างกายแล้วพบว่าไม่ได้เป็นอะไร ส่วนการอาเจียนเป็นเลือดเกิดจากความเศร้าโศกที่มากจนเกินไป ทำให้ลมปราณแตกซ่านเลือดสูบฉีดเกินกำลัง ต้องบำรุงรักษาร่างกายให้ดี
กว่าเหยียนป๋อชวนจะฟื้นคืนมาก็เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว มีเพียงหลอดไฟลวดทังสเตนที่ห้อยอยู่บนเพดานให้แสงสว่างไสวเล็กน้อยในยามค่ำคืน
เหยียนป๋อชวนตกอยู่ในภวังค์ครู่หนึ่ง เขาหันหน้าไปเห็นขวดที่แขวนพร้อมสายให้น้ำเกลือแล้วก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ เอื้อมมือไปดึงเข็มออกจนเกือบจะตกไปกองกับพื้น
“อย่าเพิ่งขยับสิ แต่ถ้าอยากตายเร็วก็นอนกลิ้งลงมาซะ”
เหยียนจี้ชวนนั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่าง มองดูเหยียนป๋อชวนเงียบ ๆ
เหยียนป๋อชวนไม่สนใจเลือดที่หลังมือ เขาลุกขึ้นและรีบสวมรองเท้า “ใครใช้ให้นายมายุ่งล่ะ เย่หนานเป็นแบบนั้น ฉันอยากกลับไปดูหล่อน”
เหยียนจี้ชวนหัวเราะเยาะ “พี่ใจเย็นก่อนเถอะ ลองคิดว่าดูว่าเย่หนานเป็นแบบนั้นได้ยังไง? พี่คิดว่าถ้าพี่อาเจียนเป็นเลือดอีกสักสองครั้ง ร้องห่มร้องไห้อีกสามรอบ แล้วหล่อนจะให้อภัยหรือไง? คิดตื้นไปหรือเปล่า?”
เหยียนป๋อชวนตกตะลึง ดวงตาของเขาพลันหม่นหมองลง
เหยียนจี้ชวนพูดต่อ “ถ้าฉันเป็นเย่หนาน ฉันคงเกลียดพี่จนตาย พี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจียงเสวี่ยอิงทำอะไรลงไปบ้าง! ความไม่เชื่อใจของพี่มันนำไปสู่ความหายนะ ถ้าตอนนั้นพี่ยืนกรานจะตามหาหล่อนต่อ ตอนนี้มันคงไม่เป็นแบบนี้”
เหยียนป๋อชวนยังคงเงียบ พูดไม่ออก เพราะสิ่งที่เหยียนจี้ชวนพูดล้วนเป็นความจริงทุกประการ
ในขณะที่เย่หนานกำลังทุกข์ทรมาน เขาเอาแต่โกรธที่หล่อนละทิ้งคำมั่นสัญญาและหนีไปกับคนอื่น
เย่หนานต้องทุกข์ทรมานมาหลายปี ส่วนเขาเอาแต่ยึดติดกับอดีต และหลงคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกหล่อนทิ้งมาตลอด
เหยียนจี้ชวนหยิบบุหรี่ออกมาและค่อย ๆ จุดไม้ขีดไฟ ราวกับกำลังเฝ้าดูเรื่องครื้นเครง “อีกอย่างเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแม่ของเราด้วย พี่คิดว่ามันจัดการง่ายไหมล่ะ?”
น้ำเสียงของเขาแผ่วลงหลังจากเสียงเคาะประตูดังขึ้น…
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอาใจช่วยให้ปรับความเข้าใจกันได้นะคะ อย่างน้อยก็จะได้ไม่มีใครติดค้างใคร
ใครมาเคาะประตู?
ไหหม่า(海馬)