เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 275 มือข้างหนึ่งที่ยื่นมาทางสวี่ชิงยามหลับ
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80
- บทที่ 275 มือข้างหนึ่งที่ยื่นมาทางสวี่ชิงยามหลับ
บทที่ 275 มือข้างหนึ่งที่ยื่นมาทางสวี่ชิงยามหลับ
เสียงของอวี๋จิ้งเพิ่งดังแว่วมา ตัวคนก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วเช่นกัน หล่อนสวมชุดกีฬาสีแดง เสื้อกั๊กสีน้ำตาลอิฐมีช่องกระเป๋าจำนวนมาก ที่คอยังห้อยกล้องตัวหนึ่ง ผมถักเป็นเปียไว้ด้านหลัง ดูมีความเป็นนักข่าวจริง ๆ มากขึ้นสองสามส่วน
เฉาตงฟาคิดไม่ถึงว่าอวี๋จิ้งจะมาเร็วขนาดนี้ จึงถามยังประหลาดใจ “นักข่าวอวี๋มาได้ยังไงครับเนี่ย”
พวกเขามากันโดยไม่ได้บอกอวี๋จิ้ง และก็ยังไม่ถึงเวลาเดินรถของรถบัสในตัวเมืองด้วยไม่ใช่หรือ?
อวี๋จิ้งยิ้ม “ฉันไปโรงพยาบาลพวกคุณก็ออกกันมาแล้ว ฉันเลยขอหัวหน้ากองข่าวภาคค่ำให้หารถส่งฉันมาหาพี่เฉา นี่ฉันมารบกวนพวกคุณหรือเปล่าคะ?”
เฉาตงฟาโบกมือเร็วไว “ไม่เลย ๆ เพียงแค่ปัจจัยในบ้านมีจำกัด พวกคุณไม่รังเกียจก็พอแล้ว”
สวี่ชิงไพล่มือไว้ข้างหลัง มองอวี๋จิ้งด้วยใบหน้าปราศจากอารมณ์ แสดงออกว่าเธอไม่ประหลาดใจอะไรกับหล่อนเลยสักนิดเดียว
เหยียนจี้ชวนอดมองอวี๋จิ้งหลายครั้งไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าหลานสาวเขาจะตาแหลมเหมือนเทพผู้มีญาณทิพย์
การปรากฏอย่างกะทันหันของอวี๋จิ้งขัดจังหวะสวี่ชิงที่ต้องการจะถามเรื่องกระดิ่งเช่นกัน ยืนคุยกันหน้าบ้านไม่กี่คำ เฉาตงฟาก็จัดห้องให้กับทุกคน “บ้านของผมค่อนข้างเล็กหน่อยน่ะครับ เอาอย่างนี้ไหมตอนกลางคืนให้น้องสะใภ้โจวพักห้องเดียวกับภรรยาและลูกผม นักข่าวอวี๋พักอีกห้องหนึ่ง ที่เหลืออีกห้องให้สหายเหยียนอยู่ ส่วนผมจะไปนอนห้องเก็บฟืน”
ถึงเขาจะซื่อแต่ก็ไม่ได้โง่ เขาสัมผัสได้ว่าสวี่ชิงกับอวี๋จิ้งนั้นไม่ถูกกัน
เหยียนจี้ชวนไม่ยอม “ไม่เป็นไร พวกเราจะอยู่ห้องเก็บฟืนเอง มีหญ้าฟางก็นอนได้แล้ว”
สวี่ชิงยกยิ้มมองอวี๋จิ้ง “พี่เฉา ไม่ต้องรบกวนขนาดนั้นหรอกค่ะ ฉันจะอยู่กับนักข่าวอวี๋เอง”
เฉาตงฟามองทางอวี๋จิ้งอย่างลังเล เห็นได้ชัดว่าอวี๋จิ้งคาดไม่ถึงว่าสวี่ชิงจะขออยู่กับหล่อนด้วยตัวเอง ยิ้มด้วยใบหน้าอ่อนโยน “ดีค่ะ มีคนอยู่เป็นเพื่อนตอนกลางคืนก็ดีเหมือนกัน”
แบบนี้ห้องก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องมีใครไปห้องเก็บฟืน
หลิวเยี่ยนอุ้มเด็กน้อยพาสวี่ชิงกับอวี๋จิ้งไปส่งห้องของพวกเธอที่อยู่ทางทิศตะวันออก ภายในห้องเตี้ยมาก มีเตียงเตากินพื้นที่ครึ่งหนึ่ง ที่เหลืออีกครึ่งไว้วางธัญพืชและของจุกจิก พอเข้ามาก็ได้กลิ่นอับแบบที่ไม่มีคนอยู่มานาน และยังได้กลิ่นฉี่หนูอีกด้วย
“ขอโทษด้วยนะคะ ความเป็นอยู่ของพวกเราชาวชนบทไม่ค่อยดี ไม่รู้ว่าพวกคุณจะอยู่ได้ไหม”
หลิวเยี่ยนแสดงสีหน้าขอโทษ ทั้งยังแฝงความระมัดระวัง มองเสื้อผ้าสวี่ชิงกับอวี๋จิ้งที่ดูสะอาดสะอ้าน ก็อดรู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่าไม่ได้อยู่ในใจ
อวี๋จิ้งวางกระเป๋าเป๋ไว้วางบนเตียง “ไม่มีปัญหาค่ะ เมื่อก่อนตอนฉันไปชนบทยังแย่กว่านี้อีก”
สวี่ชิงถามโดยไม่ต้องคิด “คุณเคยไปชนบทด้วยเหรอ เมื่อก่อนคุณไปชนบทที่ไหนล่ะ?”
อวี๋จิ้งมองตาสวี่ชิง “ไม่ไกลค่ะ ในมณฑลของพวกเรานี้แหละ”
สวี่ชิงถึงค่อยหันมายิ้มให้หลิวเยี่ยน “พวกเรามีที่ให้อยู่ก็ไม่เลวแล้ว จะรังเกียจได้ยังไงกันคะ ที่นี่ก็ดีมากแล้ว”
พูดอยู่ก็เดินไปลูบมือเด็กน้อย ถือโอกาสนำกระดิ่งยัดใส่มือหลิวเยี่ยน
ระหว่างที่ทั้งสามคนพูดคุยอยู่ในบ้าน เกาจ้านกับสวีหย่วนตงเองก็มาถึงแล้ว เพียงแค่ทั้งสองไม่ได้หยุดอยู่ต่อ พูดกับเหยียนจี้ชวนหน้าบ้านสองสามประโยคแล้วก็ออกไปด้วยกัน
ตอนสวี่ชิงได้ยินเสียงเดินออกมา เหยียนจี้ชวนกับพวกก็ขับรถจากไปแล้ว
อวี๋จิ้งเองก็ออกตามมาเช่นกัน ใบหน้าแปลกใจ “พวกเขาคงไปหาโจวจินหนานกระมังคะ ส่วนไปหาที่ไหน? จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังคิดไม่ออก ว่าพี่โจวหายสาบสูญไปได้ยังไงกัน? สรุปแล้วพี่โจวทำงานอะไรกันแน่”
สวี่ชิงหันมามองอวี๋จิ้งแวบหนึ่ง “หลายวันมานี้คุณก็อยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ?”
อวี๋จิ้งยิ้มนิด ๆ “ฉันเกรงใจไม่กล้าถามละเอียดมาก อีกอย่างพวกเขาเอาแต่พูดถึงยายเป่ยซานอะไรนั่นตลอด ฉันคิดว่านั่นเป็นความเชื่องมงายล้าหลัง ไม่น่าเชื่อถือ”
สวี่ชิงยิ้มเหมือนไม่ยิ้มขณะมองอวี๋จิ้ง “งั้นคุณช่วยฉันวิเคราะห์ทีสิ ว่าสามีของฉันไปไหนแล้ว?”
ใบหน้าอวี๋จิ้งตกตะลึง “ฉันจะไปรู้ได้ยังไง แต่คงไม่ใช่ว่าคุณเองก็เชื่อเรื่องที่ยายเป่ยซานพูดเหมือนกันหรอกนะ? นอกเสียจากจะเห็นด้วยตาตัวเอง ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่เชื่อหรอก”
หลิวเยี่ยนอุ้มเด็กน้อยออกมา ได้ยินประโยคนี้พอดี มองอวี๋จิ้งด้วยความตื่นตระหนก “พี่สาว อย่าพูดจาส่งเดชนะคะ ยายเป่ยซานเป็นผู้มีพระคุณต่อหมู่บ้านของพวกเรา เด็กมากมายที่ล้มป่วยก็ได้ยายเป่ยซานเป็นคนช่วยรักษาให้”
อวี๋จิ้งกลับไม่เห็นด้วย “ก็ถือว่าท่านรักษาเก่งเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าท่านมีความสามารถในการหยั่งรู้อนาคตนี่คะ ในความเป็นจริงชี้ชัดว่าความเชื่องมงายพวกนั้นมาจากจินตนาการที่คนเราคิดไปเองทั้งนั้น”
หลิวเยี่ยนพูดสู้อวี๋จิ้งไม่ได้ เอ่ยเสียงแผ่วประโยคหนึ่ง “ยังไงพวกเราก็เชื่อยายเป่ยซานค่ะ”
อวี๋จิ้งยังคงไม่เชื่อ “นอกเสียจากว่ายายเป่ยซานนั่นจะออกมา ฉันจะลองดูว่าจะเชื่อได้หรือเปล่า”
สวี่ชิงมองอวี๋จิ้งแวบหนึ่งไม่เอ่ยอะไร
เฉาตงฟาและภรรยาเตรียมอาหารกลางวันอย่างขันแข็ง ผัดไข่ต้นหอม ตุ๋นมะเขือม่วง แป้งจี่โรยงาและซุปมันฝรั่ง
อีกทั้งยังหั่นผักกาดดองเป็นจานเคียง รวมแล้วมีกับข้าวทั้งหมดสี่อย่าง
สวี่ชิงเห็นเด็กสองคนมองผัดไข่ใส่ต้นหอมตาละห้อย ก็เลื่อนจานมาตรงหน้าก่ายก่าย ตัวเองกินผักดองกับมะเขือม่วง
หลิวเยี่ยนเกรงใจไม่ไหว “ไม่ต้องหรอก พวกคุณเป็นแขก พวกคุณกินเถอะ”
สวี่ชิงยกยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันคิดว่าผักดองนี่อร่อยมาก จริงสิ รอฉันเดี๋ยวนะคะ”
พูดอยู่ก็ลงจากตั่งไปที่ห้องแล้วหยิบนมผงส่งให้หลิวเยี่ยน “ฉันไม่ได้เอาของดี ๆ อะไรมาด้วย อันนี้ไว้ให้เด็กกินนะคะ”
หลิวเยี่ยนพอเห็นนมผง ที่ต้องเป็นผู้ใหญ่บ้านเท่านั้นที่จะมีของแบบนี้ได้ ก็รีบโบกมือ “ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ ๆ มันแพงเกินไป”
อวี๋จิ้งจ้องสวี่ชิง “น้องสะใภ้ เดินทางมายังเอานมผงมาด้วยเหรอคะ”
สวี่ชิงเลิกคิ้ว “ฉันก็แค่คิดว่าถ้าโจวจินหนานได้รับบาดเจ็บจะบำรุงร่างกายเขา ตอนนี้ยังหาคนไม่เจอ และดูเหมือนจะไม่ได้ใช้ด้วย”
อวี๋จิ้งแปลกใจ “ทำไมฉันรู้สึกว่าการที่พี่โจวหายตัวไป คุณดูจะไม่เสียใจเลยนะคะ”
สวี่ชิงยกยิ้ม “ต่อให้ตอนนี้ฉันร้องไห้ฟูมฟายเขาก็ไม่กลับมาอยู่ดี ฉันควรที่จะตั้งสติและรอเขากลับมา”
เฉาตงฟาพยักหน้า “ใช่ ๆๆ อยู่กับความเป็นจริงแบบนี้แหละ ตอนนี้ร้อนรนไปก็ไม่มีประโยชน์ เชื่อสิว่าสหายโจวเพียงแค่หลงทางในภูเขาเท่านั้น จะต้องกลับมาโดยเร็วแน่”
สวี่ชองทอดถอนใจ “ใช่ค่ะ เขาเคยพูดว่าเขาเป็นคนดวงดี อายุยืนนับร้อยปี ครั้งนี้จะต้องไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตแน่”
อวี๋จิ้งเม้มปาก เห็นชัดว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีการของสวี่ชิง
หลังมื้อเที่ยง สวี่ชิงกับอวี๋จิ้งเข้ากันได้ดีทีเดียว ทั้งสองช่วยกันเก็บกวาดห้องด้วยกัน
หลิวเยี่ยนนำผ้าห่มผืนใหม่ที่ปกติไม่กล้านำออกมาใช้มาให้ ก่อนหน้าไม่นานเพิ่งตากแดดไป ทำให้ยังมีกลิ่นแดดติดอยู่
รอจนมืดค่ำก็ยังไม่เห็นเหยียนจี้ชวนกลับมา สวี่ชิงล้างหน้าแปรงฟันเงียบ ๆ แล้วเอนตัวนอนลง
ตั้งแต่บ่ายอวี๋จิ้งอยากพูดกับสวี่ชิง แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดคำพูดไม่ออก ทุกครั้งที่อ้าปาก ก็จะถูกสวี่ชิงเลี่ยงไปเรื่องอื่น
เห็นสวี่ชิงนอนแล้ว หล่อนเองก็รีบล้างหน้าแปรงฟันบ้าง คิดว่าพอสองคนนอนแล้วจะสามารถพูดคุยกันท่ามกลางความเงียบได้บ้าง
สุดท้ายรอจนหล่อนล้างหน้าเสร็จกลับมา หล่อนก็ได้ยินลมหายใจสม่ำเสมอของอีกฝ่าย และพบว่าสวี่ชิงนอนหลับสนิทไปแล้ว
อวี๋จิ้งบุ้ยปาก ในใจดูถูก ไม่ใช่ว่าสวี่ชิงฉลาดหลักแหลมมากหรือ?
หล่อนไม่มีความระแวดระวังเลยสักนิดเดียว อยู่ ๆ ก็มานอนห้องเดียวกับหล่อนไม่พอ ยังนอนหลับอย่างสบายใจด้วย!
คิดแล้วก็ย่องเดินไปที่เตียงเตาเบา ๆ ยื่นมือไปทางลำคอของสวี่ชิง….
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ชิงชิงแกล้งหลับเปล่า คนเกิดมาแล้วชาติหนึ่งไม่น่าจะตกหลุมพรางง่ายๆ นะ
คุณนักข่าวนี่เป็นสมุนที่ใครจ้างมาเก็บชิงชิงหรือเปล่าเนี่ย มีเจตนาฆ่าชัดเจนมากเลยนะ
ไหหม่า(海馬)