เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 240 ผมสัญญากับสวี่ชิงว่าจะไม่โกหกหล่อน
บทที่ 240 ผมสัญญากับสวี่ชิงว่าจะไม่โกหกหล่อน
สวี่จื้อกั๋วเล่าว่าเขาหลอกเย่หนานให้แต่งงานกันปลอม ๆ ได้อย่างไร และเล่าว่าเขาทนไม่ไหวถึงขนาดต้องเผารูปของเหยียนป๋อชวนต่อหน้าเย่หนานที่กำลังตั้งครรภ์อยู่อย่างไร
เย่หนานผู้มีสุขภาพไม่ดีโกรธจัดจนเกือบจะตกเลือดระหว่างคลอดลูก
คำบอกเล่านี้ลบล้างความจริงที่ว่าฟางหลานซินกับเย่เหม่ยร่วมมือกันวางยาเย่หนาน และบอกว่าเย่หนานเสียชีวิตลงเพราะร่างกายที่อ่อนแอหลังคลอด
เพียงแต่เขาไม่เข้าใจว่าทั้งที่ฝังศพลงหลุมไปแล้ว แต่ต่อมาหลุมศพกลับว่างเปล่า
เหยียนป๋อชวนกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดออกมาหลังจากได้ยินเรื่องราวทั้งหมดจากสวี่จื้อกั๋ว หากเขาไม่พยายามอดทนมากกว่านี้ เขาคงจะบีบคอสวี่จื้อกั๋วตายไปนานแล้ว
เขาจ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาแดงก่ำ “เย่หนานบาดเจ็บได้ยังไง?”
สวี่จื้อกั๋วส่ายหัว “ผมไม่รู้ หล่อนไม่ยอมบอก ไม่ว่าจะยังไงผมก็ช่วยชีวิตหล่อนเอาไว้ อีกอย่างผมพาหล่อนข้ามจากจังหวัดยูนนานมาที่กานซู ผมทำบะหมี่ขาวให้หล่อนทุกวัน และไม่ได้ทำอะไรแย่ ๆ ใส่หล่อน”
แน่นอนว่าเย่หนานก็ไม่ได้ปล่อยให้เขาอดอยาก หล่อนมอบกระเป๋าเดินทางที่บรรจุไปด้วยทรัพย์สมบัติมากมายให้เขา
สวี่จื้อกั๋วไม่มีเงิน หล่อนจึงขอให้เขาเอาเครื่องประดับไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินในตลาดมืด
เหยียนป๋อชวนกัดฟันแน่นเพื่อระงับความโกรธที่ปะทุขึ้นในหัวใจ เขาไม่สามารถตำหนิสวี่จื้อกั๋วทั้งหมดได้ เพราะเป็นเขาเองที่บอกเย่หนานว่าหน่วยงานดั้งเดิมตั้งอยู่ในเมืองหลวงจังหวัด แต่ใครจะรู้ว่าเขาจะถูกให้ย้ายไปรักษาความปลอดภัยที่ตอนเหนือของจังหวัดเสฉวน
เขากับเย่หนานคลาดกันระหว่างเดินทางไปมาหาสู่กัน
สวี่จื้อกั๋วเห็นว่าเหยียนป๋อชวนดูโกรธมาก และกลัวว่าตนเองจะไม่ได้เงิน เขาจึงพูดต่อว่า “ผมกับเย่หนานเป็นผู้บริสุทธิ์ ถึงพวกเราจะเป็นคู่รักกันปลอม ๆ แต่ผมก็ไม่เคยแตะต้องหล่อนเลย และถึงชิงชิงจะเติบโตขึ้นมาอย่างยากลำบาก แต่ผมก็ซื้ออาหารดี ๆ ให้หล่อนตลอด”
เหยียนป๋อชวนรู้สึกถึงหัวใจที่รัดแน่นขึ้น ก่อนจะมองไปที่เหยียนจี้ชวน “เอาเงินให้มันไป”
เหยียนจี้ชวน “?!!”
ในที่สุดก็ให้เงินเขาอย่างนั้นเหรอ?
สวี่จื้อกั๋วรู้สึกเหลือเชื่อทั้งที่เขาได้รับเงินมาแล้ว เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หันไปมองโจวจินหนานและจากไป ภายในใจรู้ดีว่าสวี่ชิงอาจจะจำพ่อผู้ให้กำเนิดของตนเองได้
โชคดีที่เขาไม่ได้ทำร้ายสวี่ชิงในตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ที่ทุกอย่างบานปลายนั่นเป็นเพราะฟางหลานซิน
ถึงเหยียนป๋อชวนจะอยากแก้แค้น คนที่ควรแก้แค้นก็คือฟางหลานซิน ไม่ใช่เขา
เขามองไปที่โจวจินหนาน และออกไปพร้อมกับเงินในอ้อมแขน
เหยียนจี้ชวนไม่สนใจว่าพี่ชายจะทุกข์ใจหรือไม่ และเริ่มทวงถามเงินคืน “เมื่อวานพี่บอกให้ฉันเตรียมเงินมาสองพันหยวน แต่พี่ไม่ได้เตรียมมาแม้แต่เฟินเดียวเลยหรือไง? ไม่รู้ล่ะ พี่ต้องเอาเงินมาคืนฉันด้วย นั่นมันไม่ใช่น้อย ๆ นะ”
เหยียนป๋อชวนไม่พูดอะไร และเงียบไปชั่วขณะ “ต้องรู้ให้ได้ว่าตอนนั้นเย่หนานได้รับบาดเจ็บได้ยังไง ตอนนี้อย่าเพิ่งบอกอะไรสวี่ชิง”
ทว่าโจวจินหนานไม่เห็นด้วย “ชิงชิงเดามามากแล้ว บอกรายละเอียดหล่อนสักหน่อยคงไม่เป็นไร หรือผมควรบอกว่ามีผู้หญิงส่งของมาให้คุณดี?”
เหยียนป๋อชวนจ้องเขม็งไปทางโจวจินหนาน “ทำไมก่อนหน้านี้ไม่ยักรู้ว่านายพูดมากขนาดนี้? ชอบทำตัวเงียบเป็นเป่าสากไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้ถึงเอาแต่พูดไร้สาระอยู่ได้!”
โจวจินหนานยักไหล่ “ผมสัญญากับชิงชิงว่าจะไม่โกหกหล่อนอีก”
เหยียนป๋อชวนหัวเราะเยาะเหอะๆ เมินเขาและเดินออกไป
เหยียนจี้ชวนเลิกคิ้วขณะมองไปที่โจวจินหนาน “งั้นเหรอ ถ้านายทำให้พ่อตาโกรธจัด นายไม่กลัวว่าเขาจะหันมาเล่นงานนายหรือไง?”
โจวจินหนานมองไปทางเหยียนจี้ชวน และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “คุณเป็นหัวหน้า จะปล่อยให้ผมถูกรังแกเหรอครับ?”
เหยียนจี้ชวนครุ่นคิด “ก็ใช่ ฉันยังเป็นอาของนายด้วย คงทนดูนายถูกรังแกไม่ได้ว่ะ”
หลังจากที่ทั้งสองโต้เถียงกันเสร็จ เหยียนจี้ชวนก็ไปส่งเหยียนป๋อชวนก่อน และตามด้วยโจวจินหนานกับสวีหย่วนตง
ระหว่างทาง เหยียนป๋อชวนพบว่าโจวจินหนานกำลังจะพาสวี่ชิงกับเฟิงซูฮวาไปที่สถานพยาบาลผู้สูงอายุ สายตาที่จับจ้องเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ทั้งที่เขาอยู่ในตัวเมืองตั้งสองสามวัน แต่กลับไม่มีโอกาสได้เจอลูกสาว
ทว่าเมื่อคิดอีกทีก็นึกได้ว่าหยวนฮวายังอยู่ที่นี่ เพื่อไม่ให้สวี่ชิงรู้สึกอึดอัดใจ เขาไม่ไปเจอเธอน่าจะดีกว่า
เขาสามารถหาทางโยกย้ายตำแหน่งมาที่ตัวเมืองได้ และหลังจากนั้นเขาก็จะได้เจอลูกสาวทุกวัน
หากวิธีการไม่ได้ผล เขาจะหาทางเกษียณก่อนกำหนด เพื่อจะได้มีสมาธิจดจ่อกับการตามหาเย่หนาน อีกทั้งยังสามารถช่วยสวี่ชิงดูแลลูกน้อยในอนาคตได้
นี่คือสิ่งที่อยู่ในห้วงความคิดของชายชรา
หลังจากที่โจวจินหนานกับสวีหย่วนตงกลับไปถึง เฟิงซูฮวากับสวี่ชิงที่เตรียมข้าวของเสร็จแล้วก็กำลังนั่งปอกข้าวโพดอยู่ที่ลานบ้าน
ข้าวโพดสดใหม่เพิ่งออกฝักมาในปีนี้ สวี่ชิงกับเฟิงซูฮวาที่ไม่มีอะไรทำจึงช่วยกันปอกข้าวโพดบางส่วน และนำไปบดเป็นแป้งเก็บไว้สำหรับฤดูหนาว
สวี่ชิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นโจวจินหนานกับสวีหย่วนตงกลับมาด้วยกัน “ฉันคิดว่าพวกคุณจะคุยงานกันตลอดทั้งบ่ายซะอีก เย็นนี้หย่วนตงอยากกินอะไรไหม?”
สวีหย่วนตงยิ้มและโบกมือ “ไม่เป็นไรครับพี่สะใภ้ เย็นนี้ผมกินอะไรก็ได้ครับ”
เขาพูดและเขยิบเก้าอี้ไปช่วยสวี่ชิงปอกเปลือกข้าวโพด
เธอมองดูเขาถือแกนข้าวโพดไว้ในมือ ส่วนอีกมือหนึ่งถือซังข้าวโพด ถูทั้งสองอย่างเข้าด้วยกันจนเมล็ดข้าวโพดหล่นลงมา
การกระทำดังกล่าวรวดเร็วกว่าวิธีการของสวี่ชิงมาก และเหมือนว่าเขาจะคุ้นเคยกับงานในสวนดีทีเดียว
สวี่ชิงมองไปทางเขาครู่หนึ่ง และเอ่ยถามด้วยความสงสัย “หย่วนตง คุณกับโจวจินหนานใครแก่กว่ากัน?”
สวีหย่วนตงคิดว่าสวี่ชิงเพียงพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องทั่วไป “เขาแก่กว่าผมสองปี ปีนี้ผมจะอายุยี่สิบห้าแล้วครับ”
“แล้วคุณมีแฟนหรือยัง?”
สวีหย่วนตงส่ายศีรษะ “ผมเรียนมาน้อยและเป็นแค่สัตวแพทย์ ไม่มีใครชอบผมหรอกครับ”
สวี่ชิงหัวเราะ “คุณนี่ถ่อมตัวจัง คุณเป็นคนเก่งมากนะ เสี่ยวฉินที่มากินข้าวกลางวันที่บ้านฉันล่ะ เป็นยังไงคะ?”
สวีหย่วนตงตระหนักได้ว่าสวี่ชิงกำลังแนะนำใครบางคนให้เขารู้จัก เขาจึงรู้สึกเขินเล็กน้อย “ก็ดีครับ”
สวี่ชิงยังเล่าอีกว่าฉินเสวี่ยเหมยนั้นดีเลิศอย่างไร “ฉินเสวี่ยเหมยอายุยี่สิบปีแล้ว ถึงหล่อนจะเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว แต่ก็จริงจังกับงานมาก และหลังจากนี้จะมีโอกาสได้กลายเป็นพนักงานประจำ ไม่ว่ายังไงฉันก็วางแผนจะลากหล่อนมาร่วมธุรกิจด้วย”
สวีหย่วนตงรีบส่ายศีรษะ “พี่สะใภ้ อย่าเข้าใจผิดเลยครับ ผมไม่เกี่ยงเรื่องงานหรอก เงินเดือนของผมสามารถเลี้ยงทั้งครอบครัวได้ แต่คนส่วนใหญ่มีทะเบียนบ้านอยู่ในเมือง เพราะงั้นพวกหล่อนคงไม่ชอบผมหรอก บ้านผมอยู่บนภูเขากานเป่ย มีพี่น้องทั้งหมดหกคน สภาพความเป็นอยู่แย่มาก”
แต่สวี่ชิงคิดว่านั่นไม่ใช่ปัญหา “มันขึ้นอยู่กับทัศนคติของคุณเป็นหลัก ถ้าคุณใช้เงินทั้งหมดจุนเจือครอบครัว บ้านหลังเล็กจะลำบากเอา และมันจะไม่เกิดผลอะไร”
แม้ว่านี่จะเป็นการแสดงความกตัญญู แต่สวี่ชิงไม่เห็นด้วยกับตำแหน่งที่ยืนของฉินเสวี่ยเหมย
พี่น้องสามารถช่วยเหลือกันซึ่งกันและกัน แต่ไม่ควรผลักภาระทั้งหมดให้คนคนเดียว
สวีหย่วนตงไม่พูดอะไร เงินเดือนปัจจุบันทั้งหมดของเขาถูกนำไปใช้จุนเจือครอบครัว น้องสาวทั้งสองคนของเขายังต้องไปโรงเรียน พี่ชายใหญ่ยังไม่ได้แต่งงาน ส่วนภรรยาของพี่ชายรองสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง
เมื่อสวี่ชิงเห็นว่าสวีหย่วนตงไม่พูดอะไร เธอก็รู้สึกว่ามันยากมาก และเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกให้เขาเลิกดูแลครอบครัว
หากฉินเสวี่ยเหมยแต่งงานเข้าไป ทุกสิ่งอย่างจะยากลำบากยิ่งขึ้น
หลังจากเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาและคุยต่อเพียงไม่คำ เธอก็ปัดมือและลุกขึ้นออกไปม้วนเส้นบะหมี่ เพื่อทำบะหมี่น้ำเป็นอาหารเย็น
โจวจินหนานหันหลังกลับและไปช่วยสวี่ชิงจุดไฟในห้องครัว อีกทั้งยังคอยพูดเตือนเธอระหว่างทาง “คุณไม่ควรทำตัวเป็นแม่สื่อนะ”
สวี่ชิงมองเขาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ก็ฉันเห็นว่าสวีหย่วนตงดูเป็นคนดี” ก่อนจะลดน้ำเสียงลง “และฉินเสวี่ยเหมยก็ชอบสวีหย่วนตง”
เดิมทีโจวจินหนานไม่ชอบพูดนินทาผู้อื่น แต่สวี่ชิงกลับทำให้เขาเริ่มพูดนินทา “มีคนมาแอบชอบสวีหย่วนตงด้วยเหรอ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คลาดกันนิดเดียวแต่กลายเป็นเรื่องใหญ่โตไม่จบสิ้น น่าสงสารชะตาชีวิตพ่อแม่ชิงชิงจริงๆ ค่ะ
ชิงชิงจะจับคู่สำเร็จหรือเปล่าน้า
ไหหม่า(海馬)