เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 239 โจวจินหนานมองดูพ่อตาด้วยสายตาดูถูก
บทที่ 239 โจวจินหนานมองดูพ่อตาด้วยสายตาดูถูก
เหยียนจี้ชวนมองดูเหยียนป๋อชวนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว “พี่ไม่ได้รับของที่เจียงเสวี่ยอิงส่งมาให้เลยเหรอ? ฉันเห็นทั้งสองกล่องเลย ส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้ากับรองเท้าทำมือ”
เหยียนป๋อชวนขมวดคิ้ว “ไม่ ไม่เคยเห็น”
เหยียนจี้ชวนเดาะลิ้น “ความพยายามของหล่อนช่างเสียเปล่าจริง ๆ ส่วนพี่เองก็เป็นเหมือนกับก้อนหิน ไม่รู้จักตอบรับความอบอุ่น”
เรื่องราวที่ลูกสาวบุญธรรมของบ้านสกุลเหยียนแอบหลงรักเหยียนป๋อชวนไม่ใช่ความลับใด ๆ
หนำซ้ำยังขยันหมั่นเพียรเรียนแพทย์เพื่อเหยียนป๋อชวน และเป็นเพราะเหยียนป๋อชวน หล่อนถึงไม่เคยแต่งงานสักที
เพื่อนบ้านละแวกนั้นเริ่มพูดเกลี้ยกล่อมเหยียนป๋อชวนว่าอย่าทำให้เจียงเสวี่ยอิงต้องผิดหวัง หญิงสาวคนหนึ่งรอคอยเขามานานหลายปี ครองโสดมาจนถึงวัยกลางคน อีกทั้งยังกตัญญูทำงานบ้านทุกวัน แม้แต่ก้อนหินยังหวั่นไหว
เหยียนป๋อชวนกลับบ้านน้อยลง หนำซ้ำยังทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดดังกล่าว ไม่ว่าผู้คนจะพูดอย่างไร แต่ทัศนคติของเขาที่มีต่อเจียงเสวี่ยอิงกลับเฉยชาขึ้นเรื่อย ๆ
ในตอนนั้นเขามักจะคิดว่าต่อให้เย่หนานโหดร้าย แต่หลังจากเย่หนานแล้ว เขาก็ไม่เคยเปิดรับใครเข้ามาในหัวใจอีกเลย เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับงาน และต่อให้มีชีวิตโสดก็ไม่เป็นไร
โจวจินหนานมองไปที่เหยียนป๋อชวนด้วยสายตาดูถูกดูแคลน “สรุปว่าคุณคือพ่อตาที่คอยดูถูกดูแคลน คอยพลิกแพลงปั่นหัวคนเขาอยู่ตลอด ทั้งที่ปากยังกินอยู่ในชามแต่ตาคอยจ้องไปที่หม้อ”
เหยียนป๋อชวนรู้สึกเคืองขณะมองไปทางโจวจินหนาน “จ้องอะไร มันไม่ใช่อย่างที่นายคิด”
โจวจินหนานพึมพำด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ผมยังไม่ได้คิดอะไรเลย”
เหยียนป๋อชวนฟึดฟัด ไม่ต้องการคุยกับโจวจินหนานต่อ และเกรงว่าจะแสลงตาหากเอาแต่จ้องมองอีกฝ่าย
โชคดีที่พวกเขาเดินมาถึงในไม่ช้า ทำให้หัวข้อดังกล่าวหยุดชะงักลง
พวกเขามาถึงเตาเผาอิฐร้างที่ตั้งอยู่บริเวณชานเมือง เนื่องจากมีการใช้สอยพื้นที่อย่างจริงจัง พื้นที่เกษตรกรรมโดยรอบจึงได้รับความเสียหาย ส่งผลให้โรงอิฐถูกย้ายไปอยู่ข้างภูเขา และที่แห่งนี้ได้กลายเป็นพื้นที่รกร้าง
วัชพืชเติบโตขึ้นมาจำนวนมาก ก่อนจะเหี่ยวเฉาและกลายเป็นสีเหลืองเล็กน้อย ในขณะที่หลุมศพเต็มไปด้วยเศษขยะ
เกาจ้านมัดสวี่จื้อกั๋วไว้ที่นี่
เขานั่งอยู่ด้านข้าง เฝ้ามองสวี่จื้อกั๋วนอนขดเป็นลูกบอลอยู่บนพื้น รู้สึกเบื่อหน่ายที่ต้องมาไล่ตามจับสามัญชนธรรมดา ราวกับขอให้คนที่มีความสามารถมาไล่ฆ่าไก่
สวี่จื้อกั๋วผู้ตื่นตระหนกนอนอยู่บนพื้นและไม่กล้าขยับตัว เขาเสพติดการพนันและเล่นชนะจนได้เงินอยู่สองสามครั้ง การที่เขาได้รับเงินจำนวนมากทำให้เขาเริ่มมีแรงฮึดสู้ขึ้น ใช้เงินกว้านซื้อเหล้าและเนื้อ หยอกเย้าหญิงม่ายตามท้องถนน
ทว่าครั้งถัดมากลับน่าเวทนายิ่งนัก เขาไม่เพียงแต่จะสูญเสียเงินเท่านั้น แต่ยังสูญเสียนาฬิกา รองเท้าหนัง และอย่างสุดท้ายคือรถจักรยานที่ใช้เป็นพาหนะ
เท่านั้นยังไม่พอ เขายังไปกู้เงินมาอีกห้าร้อยหยวน
ก่อนหน้าเคยได้ลิ้มรสความสุข แต่ตอนนี้กลับสูญเสียทั้งหมด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอีกฝ่ายจะเล่นตลก ถึงจะโชคไม่ดี แต่ตราบใดที่เขายืนกราน เขาจะหาเงินมาได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงวนเวียนอยู่ในเป่ยต้าเหยา ไม่ยอมกลับออกมา แต่กับคาดไม่ถึงว่าตนเองจะถูกลากมาที่นี่
ท่าทางสงบนิ่งของอีกฝ่ายทำให้สวี่จื้อกั๋วหวาดกลัวยิ่งขึ้น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการเงินหรือต้องการชีวิต
เขาเคยได้ยินมาว่าถ้าใครไม่ยอมจ่ายเงิน คนคนนั้นจะถูกเจ้าหนี้ตัดนิ้วและข้อมือทิ้ง อีกทั้งจะไปข่มขู่คนในครอบครัว ทุบตี และปล้นสะดม
จะกระทั่งมีเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามา
สวี่จื้อกั๋วนอนตะแคงอยู่บนพื้น เฝ้าดูรองเท้าหนังหุ้มสามข้อทั้งสองสามคู่เดินเข้า เขาพยายามเงยหน้าขึ้น มองดูใบหน้าพร่ามัวเมื่อย้อนแสง กระนั้นรังสีของพวกเขากลับเย็นยะเยือกพอที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัด
หัวใจของเขาพองโตทันที ดูเหมือนว่าจะไม่เกี่ยวกับเรื่องหนี้สิน
เหยียนป๋อชวนเดินเข้ามานั่งยอง ๆ ข้างหน้าสวี่จื้อกั๋ว มองดูเขาด้วยสายตี่ล้ำลึก ก่อนจะค่อย ๆ ปริปากพูด “สวี่จื้อกั๋ว? แกเป็นหนี้นอกระบบทั้งหมดห้าร้อยหยวน ดอกเบี้ยอีกแปดร้อยหยวน รวมทั้งหมดหนึ่งพันสามร้อยหยวน มีคนมากมายกำลังตามหาแกอยู่ไม่ใช่หรือไง?”
ดวงตาของสวี่จื้อกั๋วเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าของเหยียนป๋อชวนชัดเจน ใบหน้ากลายเป็นสีขาวซีดราวกับกระดาษ ร่างกายสั่นเทาจนยากที่จะควบคุม
เขาเคยเห็นรูปถ่ายของเหยียนป๋อชวนจากเย่หนานมานับครั้งไม่ถ้วน รูปลักษณ์ของเหยียนป๋อชวนตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขาเสมอ แม้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะอายุมากขึ้นจนมีริ้วรอยรอบดวงตา แต่รูปลักษณ์หน้าตาก็ไม่เปลี่ยนไปนัก
เหยียนป๋อชวนหรี่ตาลงจนดูเฉียบคม “แกรู้จักฉันงั้นเหรอ?”
สวี่จื้อกั๋วรีบหลับตาและส่ายหน้า“ไม่รู้จักครับ พวกคุณจะทำอะไร แบบนี้มันผิดกฎหมายนะ”
เหยียนจี้ชวนโน้มตัวลงและนั่งยอง ๆ หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาโบกสะบัดต่อหน้าสวี่จื้อกั๋ว “พวกเราปฏิบัติตามกฎหมายและทำเพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม แกมีส่วนรู้เห็นในเรื่องทะเลาะวิวาทอยู่หลายครั้ง และหนึ่งในนั้นเสียชีวิตลง…”
ดวงตาของสวี่จื้อกั๋วเบิกกว้าง “คุณพูดบ้าอะไร!”
เหยียนจี้ชวนยักไหล่ “แกรู้จักพี่สามเฉิงใช่ไหม? แกยืมเงินมาจากเขา และทุกเรื่องที่ฉันพูดไปก่อนหน้าเกี่ยวข้องกับเขา และแน่นอนว่ามันเกี่ยวข้องกับแกด้วย”
สวี่จื้อกั๋วกลัวตาย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้จักตัวตนของเหยียนป๋อชวนกับเหยียนจี้ชวน แต่รังสีที่ทั้งสองคนแผ่ออกมาย่อมแสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา
หากอีกฝ่ายจะใส่ร้ายตัวเขา ไม่ว่าด้วยสาเหตุอะไรก็เป็นไปได้ เขากัดฟันและมองไปทางเหยียนป๋อชวน “ถามสิ่งที่คุณต้องการมาเลยเถอะ”
เหยียนป๋อชวนเอื้อมมือออกไปปลดเชือกที่พันธนาการมือกับขาของอีกฝ่ายอยู่ และตบไหล่เขาเบา ๆ “แกรู้จักกับเย่หนานได้ยังไง แล้วตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
สวี่จื้อกั๋วไม่รู้สึกแปลกใจสักนิด เขานั่งตัวตรงและเหยียดแขนออก ทว่าไม่อาจวิ่งหนีไปได้ อีกทั้งยังเป็นคนไร้ประโยชน์สำหรับเย่หนาน ทำได้เพียงคอยเลี้ยงดูลูกสาวของหล่อนเท่านั้น
เขาจึงไม่ได้รู้สึกผิดกับชายตรงหน้า นับประสาอะไรกับเย่หนาน
หลังจากครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็พูดเจรจากับเหยียนป๋อชวน “ผมจะบอกคุณทั้งหมด ถ้าคุณเอาเงินสองพันหยวนให้ผม”
เหยียนป๋อชวนพยักหน้าตอบตกลง “ก็ได้ พูดมาสิ แต่แกต้องพูดความจริงทั้งหมด”
สวี่จื้อกั๋วไม่คาดคิดว่าเหยียนป๋อชวนจะใจเด็ดตอบตกลงแบบนี้ ทว่าเขากลัวจะเสียใจภายหลัง และสงสัยว่าอีกฝ่ายจะหลอกลวงหรือไม่ “พอผมพูดจบแล้ว คุณจะให้เงินผมหรือเปล่า?”
ดวงตาของเหยียนป๋อชวนดูเย็นชาขึ้น “ถ้าฉันไม่ให้เงินแก ฉันก็คงไม่ตอบตกลงและปล่อยให้แกอ้าปากพูดหรอก มีแต่เจ็บปวดขึ้นเท่านั้น”
สวี่จื้อกั๋วตัวสั่นขึ้นในทันใด ก่อนจะพยายามกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “ครับ ผมจะลองเชื่อคุณดูสักครั้ง ผมเจอกับเย่หนานที่หลังเขาไม่ไกลจากอาณาเขตบ้านสกุลเย่ ตอนนั้นผมกำลังเดินทางไปที่ชนบท”
แต่เพราะทนความยากลำบากไม่ไหว สวี่จื้อกั๋วที่รับงานเลี้ยงวัวในตอนนั้นจึงคิดกลอุบายขึ้นเพื่อผลักภาระหน้าที่ของตนเอง เขาต้อนฝูงวัวขึ้นไปบนภูเขา มัดพวกมันไว้กับต้นไม้ และล้มตัวนอนพักใต้ต้นไม้แทน
ในวันนั้นเขาต้องคอยไปไล่ต้อนฝูงวัวเหมือนเช่นเคย แต่หลังจากที่เขาเอนกายนอนพักใต้ต้นไม้ หญิงสาวคนหนึ่งก็ตกลงมาจากต้นไม้ ขาของหล่อนมีเลือดออก ใบหน้าซีดเซียว ถึงกระนั้นความสดใสของหล่อนยังคงทำให้เขารู้สึกประทับใจ
หัวใจของสวี่จื้อกั๋วสั่นไหว และตกหลุมรักเย่หนานตั้งแต่แรกเห็น
เขาพยายามพันแผลให้เย่หนานอย่างขยันขันแข็ง แต่เย่หนานกลับถีบเขากระเด็น หยิบมีดออกมาข่มขู่ไม่ให้เขาส่งเสียงดัง
หล่อนหยิบเงินจำนวนหนึ่งให้เขา และสั่งให้เขาไปซื้ออาหารกับสมุนไพรแปลก ๆ มาให้
เย่หนานมีอารมณ์ค่อนข้างรุนแรง และสวี่จื้อกั๋วเองก็เชื่อฟังอย่างดี
เขาไม่รู้ว่าเย่หนานบาดเจ็บสาหัสอย่างไร ถึงได้ไม่หายดีสักที หล่อนเดินกะเผลกและเตรียมผละจากไป
สวี่จื้อกั๋วได้ยินมาว่าเย่หนานกำลังจะไปที่จังหวัดกานซู ตัวเขาเองเป็นคนจังหวัดกานซู เขาจึงบอกว่าตนสามารถตามไปดูแลหล่อนระหว่างทางได้
แต่ก่อนจะออกเดินทาง เย่หนานค้นพบว่าตนเองตั้งท้อง สวี่จื้อกั๋วจึงเสนอการแต่งงานปลอม ๆ ขึ้น เพื่อที่เขาจะได้อธิบายถึงที่มาที่ไปของเด็กเมื่อไปถึงจังหวัดกานซู
สวี่จื้อกั๋วมีความคิดที่เรียบง่าย เพียงคิดว่าตราบใดที่เย่หนานหาคนที่หล่อนกำลังมองหาไม่เจอ อีกทั้งยังมีลูกน้อย หล่อนจะไม่อยู่อาศัยกับเขาอย่างสงบสุขหรือ?
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โดนลูกเขยถอนหงอกแล้วมั้งคุณพ่อ แพ้ใครไม่แพ้มาแพ้แม่ตัวเอง
ตอนนี้เราจะได้รู้ความเป็นมาของคุณแม่เย่หนานกันแล้วสินะ
ไหหม่า(海馬)