เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 205 โจวจินหนาน ฉันปวดท้อง
บทที่ 205 โจวจินหนาน ฉันปวดท้อง
ดวงตาของโจวจินหนานเก็บความภาคภูมิใจเอาไว้ไม่มิด พยักหน้า “อืม ที่จริงต้องบอกว่าสิบเก้าปีครึ่ง ก็ถือว่ายี่สิบแล้วล่ะ”
เหยียนจี้ชวนปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “นายคิดดูดี ๆ นะ มาอยู่หน่วยฉันดีไหม ต่อให้นายจะเก่งกล้าสามารถทุกอย่าง ฉันก็คิดว่านายเหมาะที่จะทำงานถอดรหัสอยู่ดี และงานนี้ยังอยู่ในเมืองได้บ่อย ๆ ด้วย”
โจวจินหนานไม่กล่าวอะไร สายตาอบอุ่นจ้องมองที่ร่างของสวี่ชิง
แดดในเดือนกันยายนไม่ได้ร้อนแรงนัก เมื่อมันตกกระทบบนร่างของสวี่ชิง ก็ดูราวกับชั้นแสงชั้นหนึ่งกำลังเต้นรำอยู่ ทำให้ทั่วทั้งร่างดูมีชีวิตชีวา
ท่าทางของเธอตอนคุยกับหลี่กั๋วหัวยังแฝงไปด้วยความฉลาดและเจ้าเล่ห์ ดึงดูดให้เขาตกลงไปในบ่วงทีละเล็กทีละน้อย
ดูเหมือนว่าเธอจะมีพรสวรรค์ในการทำธุรกิจมาก
สวี่ชิงยิ้มให้หลี่กั๋วหัวแล้วจากไปอย่างพึงพอใจ แม้สองแม่ลูกฟางหลานซินจะสร้างเรื่องยุ่งยากให้กับเธอ แต่เธอก็สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้
ดูเหมือนว่าเธอจะต้อง “ขอบคุณ” สองแม่ลูกคู่นั้นดี ๆ เสียหน่อยแล้วล่ะ
เธอหัวเราะหึๆ พอหมุนตัวก็มองเห็นเหยียนจี้ชวนกับโจวจินหนานยืนอยู่ไม่ไกล หัวใจก็เต้นเร็วโดยไม่รู้ตัว เดินตรงไปหาพวกเขาสองคนพร้อมกับความปิติที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวทันที
เหยียนจี้ชวนยิ้มทักทายสวี่ชิง “ฉันยืมตัวโจวจินหนานไปสองสามวัน น้องสาวคงไม่ถือสาใช่ไหม?”
สวี่ชิงรีบโบกไม้โบกมือ “ไม่ถือสาค่ะ ๆ พวกคุณเพิ่งลงจากรถไฟหรือคะ”
ครั้นมองกระเป๋าของเหยียนจี้ชวนที่มีตัวอักษรสี่ตัวปั๊มว่า “อนุสรณ์สถานเมืองปักกิ่ง” เธอก็ถามอย่างไม่แน่ใจนิดหน่อย
เหยียนจี้ชวนพยักหน้า “ใช่ พวกเราแวะไปทำธุระนิดหน่อย เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับที่ร้านเธอหรือเปล่า ให้ฉันช่วยอะไรไหม”
สวี่ชิงรีบส่ายหน้าทันที “ไม่ต้องหรอกค่ะ เรื่องเล็กน้อยฉันจัดการเองได้”
ตอนส่งยิ้มให้เหยียนจี้ชวน เธอก็พลันรู้สึกว่าเขากับหัวหน้าที่ช่วยแก้ต่างให้เธอคนนั้นมีหน้าตาคล้ายกันมาก
คิ้วยกโค้งสูงเล็กน้อย ทำให้ดวงตาดูล้ำลึก
เธอคิดจะเอ่ยปากถาม แต่โจวจินหนานที่ยืนอยู่ด้านข้างก็พลันเอ่ยปากเสียงเย็น “ไปเถอะ กลับบ้านก่อนค่อยว่ากัน”
สวี่ชิงคิดแล้วก็เห็นด้วย ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะจะพูดคุยกันนัก เธอจึงไปบอกพวกผางเจิ้งหัวให้พวกเขากลับบ้านไปพักผ่อนสักสองวัน แล้วรอข่าวจากเธอ
โจวจินหนานรอให้สวี่ชิงหมุนกายกลับมา ก็โพล่งด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งกับเหยียนจี้ชวน “ฉันช่วยนายจัดการธุระเสร็จแล้ว นายกลับไปก่อนได้เลย ไม่ต้องรอกินข้าวด้วยกัน”
เหยียนจี้ชวนรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย “ไม่ใช่ว่าพวกเราไปทางเดียวกันเหรอ?”
“ไม่ใช่ทางเดียวกัน” โจวจินหนานตอบอย่างเด็ดขาดยิ่ง “เดี๋ยวฉันจะพาสวี่ชิงไปทำธุระนิดหน่อย นายไปก่อนเลย”
เหยียนจี้ชวนถึงค่อยได้สติกลับมา โจวจินหนานต้องการไปง้อภรรยานี่เอง
เขาเองก็เข้าใจเรื่องระหว่างทั้งสองดี จึงแค่นหัวเราะเสียงหนึ่ง “นายช่างมีความสามารถจริง ๆ แต่นายอย่าอาศัยว่าบ้านแม่ของสวี่ชิงไม่มีใครล่ะ นี่ถ้าเป็นน้องสาวของฉันล่ะก็ ฉันต่อยนายฟันร่วงแน่”
โจวจินหนานปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “งั้นนายต้องสู้ฉันให้ได้ก่อนค่อยว่ากันอีกที”
เหยียนจี้ชวนสบถด่าเขาสองคำก่อนรีบเดินจ้ำออกไป เพื่อหนีให้พ้นจากสายตามาดร้ายของโจวจินหนาน
สวี่ชิงส่งคำปลอบใจให้กับพวกผางเจิ้งหัวสองสามคน พอหันกลับมาก็ไม่เห็นเหยียนจี้ชวนแล้ว ได้เห็นโจวจินหนานก็ยังรู้สึกดีใจอยู่ แต่ในใจก็มีความคิดบางอย่างเช่นกัน จนไม่รู้ว่าควรพูดกับเขาอย่างไรดี
เธอจึงก้มมองเท้าแล้วพูด “งั้นพวกเรากลับบ้านกันก่อนเถอะ หลายวันมานี่คุณย่าเป็นห่วงมาก”
โจวจินหนานไม่ขยับ สายตาอยู่บนตัวสวี่ชิง “แล้วคุณล่ะ?”
สวี่ชิงไม่ทันได้ตอบสนอง “อะไรนะคะ?”
โจวจินหนานไม่เอ่ยปาก นำห่อกระดาษห่อหนึ่งออกมาจากกระเป๋ายื่นส่งให้สวี่ชิงด้วยท่าทางร้อนรนกระวนกระวายเพราะกลัวจะถูกปฏิเสธ “ให้คุณ”
สวี่ชิงเห็นกระดาษไขสีเหลืองห่อหนึ่งก็รับมาด้วยความแปลกใจนิดหน่อย ภายในเป็นครีมบำรุงผิวยี่ห้อว่านจือเชียนหง(1)ตลับหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีลิปกลอสยี่ห้อเซี่ยเฟยในขวดสีแดง น้ำหอมขวดเล็ก และหวีไม้มะฮอกกานี
แล้วก็ยังมีตังเมห่อใหญ่อีกหนึ่งห่อ
เห็นชัดว่าของเหล่านี้เป็นการซื้อรวมกันอย่างลวกๆ ทว่ากลับดูกลมกลืนกันอย่างน่าประหลาด ทำให้สวี่ชิงนึกถึงท่าทางโง่งมของโจวจินหนานขณะซื้อของเหล่านี้ด้วยความตื่นเต้นในการพยายามเอาใจเธอ
สวี่ชิงหลุบตาลงพลางลอบยิ้ม “ไปค่ะ กลับบ้านกัน ฉันมีเรื่องจะพูดกับคุณ”
โจวจินหนานพลันตื่นตระหนกขึ้นมา หลายวันมานี้การที่เขาไปช่วยเหยียนจี้ชวนก็เพราะต้องการหนีหน้าสวี่ชิง เพื่อจะได้ไม่ต้องกลัวเธอพูดถึงการหย่าร้าง
สถานการณ์ที่แย่ที่สุดที่เขาคาดเดาไว้ก็คือสวี่ชิงจะต้องคุยกับเขา เพื่อที่พวกเขาสองคนจะได้ไม่ต้องหย่ากันเป็นการชั่วคราว และหลังจากเรื่องราวผ่านไป รอให้เรื่องนั้นสงบลงแล้วจึงค่อยหย่า
เขาคิดว่าด้วยนิสัยของสวี่ชิงแล้ว เธอสามารถทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างเด็ดเดี่ยวได้แน่
สวี่ชิงเดินไปสองก้าวก็เห็นไป๋หลางเดินตามขึ้นมา ทว่าโจวจินหนานกลับยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหน จึงแปลกใจเล็กน้อย “ไปสิคะ กลับบ้านกัน”
โจวจินหนานเม้มปากแน่น “ตอนนั่งรถไฟพวกเรายังไม่ได้กินข้าวเลย ไม่งั้นเราไปหาอะไรกินกันก่อนไหม?”
สวี่ชิงนึกได้ว่าหากกลับบ้านไปตอนนี้ก็คงไม่มีอะไรให้กินเช่นกัน ถึงจะมีเนื้อ แต่โจวจินหนานก็ไม่กินเนื้อหมู จึงพยักหน้า “ได้ค่ะ งั้นพวกเราไปกินบะหมี่เนื้อฝั่งตรงข้ามกันนะคะ”
โจวจินหนานเดินตามสวี่ชิงเงียบๆ เขาไม่เคยรู้สึกกระวนกระวายแบบนี้มาก่อน
นับตั้งแต่สวี่ชิงรู้เรื่อง ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นจนเขายุ่งไม่มีเวลา พวกเขาสองคนก็ไม่เคยนั่งคุยกันดี ๆ เลย
และท่าทางของสวี่ชิงที่มีต่อเขาก็ไม่ได้สนิทสนมเท่าเมื่อก่อน นัยน์ตาตอนมองเขาก็ไม่ได้เป็นประกายเช่นกัน กลับกลายเป็นสงบนิ่ง ยิ่งสงบนิ่งเท่าไรเขาก็ยิ่งคาดเดาความคิดของสวี่ชิงไม่ออก
ในใจสวี่ชิงกำลังคิดว่าจะเขียนแผนการอย่างให้หลี่กั๋วหัวเชื่อถือที่สุดฉบับหนึ่งออกมาอย่างไรดี ให้ร้านเล็กๆ ของพวกเขาดูมีความน่าเชื่อถือขึ้นมาได้
เธอจึงไม่ได้สนใจผู้ชายข้าง ๆ เลยว่าตอนนี้กำลังสับสนวุ่นวายใจขนาดไหนแล้ว!
หลังข้ามถนนมาแล้วสวี่ชิงก็รู้สึกร้อนเล็กน้อย จึงเดินไปหลบใต้เงาไม้เร็ว ๆ สองก้าว ไม่รู้ว่าเดินเร็วเกินไปจนกระทบกระเทือนหรือไม่ เธอก็รู้สึกปวดหน่วงที่ท้องน้อย
ในตอนแรกรู้สึกเจ็บหน้าอกเมื่อตอนหายใจ เมื่อหายใจช้าๆ ความเจ็บก็ค่อยๆ บรรเทาลง
แต่เมื่อเดินอีกสองก้าว ก็รู้สึกว่าในท้องเหมือนมีมือข้างหนึ่งยื่นเข้าไป ในท้องพลันรู้สึกบีบรัดอย่างรุนแรง เจ็บจนรู้สึกหายใจไม่ออก
ในชาติที่แล้วเธอเคยลิ้มรสความเจ็บปวดเช่นนี้มาก่อน เป็นความเจ็บแบบเดียวกับตอนที่เธอต้องสูญเสียลูกไป!
สวี่ชิงพลันทำอะไรไม่ถูก หยุดฝีเท้าและกุมท้องเอาไว้ อีกมือบีบแขนโจวจินหนาน “โจวจินหนาน ฉันเจ็บท้อง รีบไปโรงพยาบาล รีบไปหาคุณย่าเร็วเข้า”
โจวจินหนานไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ใบหน้าขาวนวลของสวี่ชิงเปลี่ยนเป็นซีดเหลืองราวกับกระดาษ เหงื่อกาฬผุดเต็มกรอบหน้า
หัวใจพลันเต้นแรง ไม่สนใจจะถามอะไรอีก รีบอุ้มสวี่ชิงวิ่งไปโรงพยาบาลทันที
สวี่ชิงรู้สึกเจ็บปวดจนไม่อาจเอ่ยอะไรออกมาได้ และรู้สึกว่าการเจ็บท้องครั้งนี้กะทันหันเกินไป จึงพยายามกลั้นหายใจพูด “ไม่ ไม่ไปโรงพยาบาล ไปหาคุณย่า! เร็ว!”
พอพูดจบโจวจินหนานก็รู้สึกว่าตัวของสวี่ชิงอ่อนยวบไปในทันที ร่างของเขาแข็งเกร็งไปทั้งร่าง ความตื่นตระหนกพลันผุดขึ้นมายามรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงบนอ้อมแขน
ขาทั้งคู่เปลี่ยนทิศทางวิ่งไปทางบ้านทันที
ยิ่งรู้สึกว่าน้ำหนักในอ้อมแขนหนักอึ้งมากขึ้น โจวจินหนานก็ยิ่งหวาดกลัว ขอบตาแดงก่ำ กัดฟันวิ่งไปที่บ้านด้วยความเร็วเท่าที่จะเร็วได้
เขากลัวว่าหากช้าเพียงก้าวเดียว สวี่ชิงจะสูญสิ้นชีวิต
ปกติใช้เวลายี่สิบนาทีกว่าในการเดิน แต่โจวจินหนานใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีวิ่งกลับไป ถึงจะเป็นเช่นนี้เขาก็ยังไม่กล้าลดความเร็วลงเลย
ขาถีบประตูเข้ามาในตัวบ้าน คำรามด้วยดวงตาแดงก่ำ “คุณย่า! คุณย่า!”
คำพูดด้านหลังกลับสำลักเปล่งคำใดไม่ออก
เฟิงซูฮวาได้ยินเสียงคำรามด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนของโจวจินหนาน นางก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกมาโดยไม่สนใจใช้ไม้เท้า ครั้นมองเห็นสวี่ชิงในอ้อมแขนของเขา สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปทันที “เร็ว! รีบวางบนพื้นเร็ว!”
…………………………………………………………………………………………………………………………
(1)ครีมทาหน้ายี่ห้อว่านจือเชียนหง (ภาพจาก https://world.taobao.com/item/566151428412.htm)
สารจากผู้แปล
ชิงชิงไปกินอะไรเข้า ถูกยาสั่งทำให้แท้งของเย่เหม่ยเข้าแล้วหรือเปล่าน่ะ
ไหหม่า(海馬)