เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 203 ครั้งแรกที่เจอเหยียนป๋อชวน
บทที่ 203 ครั้งแรกที่เจอเหยียนป๋อชวน
ตอนนี้เอง หัวใจของสวี่หรูเยว่ก็สั่นไหว มองฟางหลานซินอย่างลังเล “แบบนี้จะใช้ได้เหรอคะ”
อย่าให้เหมือนเด็กในท้องของหล่อนนะที่ทำอย่างไรก็ไม่แท้งน่ะ
ฟางหลานซินยิ้มเย็น “หล่อนตั้งท้องได้ก็มหัศจรรย์แล้ว ร่างกายหล่อนจะคลอดเด็กได้หรือเปล่าก็ยังไม่แน่ แต่เพื่อแก้แค้น เราต้องทำให้หล่อนแท้งเสียแต่ตอนนี้!”
สวี่หรูเยว่อารมณ์ผ่อนคลายแล้ว “แต่ฉันไม่อยากไปหาหลี่ต้าหย่ง”
ฟางหลานซินขมวดคิ้ว “ไม่ได้ ลูกต้องไปหาหลี่ต้าหย่ง แต่ต้องไปแบบฉลาดหน่อย ให้เขาไปทำเรื่องนี้ด้วยตัวเอง หากเกิดอะไรขึ้นเราถึงจะโยนความผิดให้เขาได้ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเราสักนิดเดียว”
สวี่จื้อกั๋วยืนอยู่ด้านนอกประตูเนินนาน ฟังสองแม่ลูกวางแผนกำเริบเสิบสานในบ้านอยู่เงียบๆ
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าคนที่เขาคิดว่าเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจบริสุทธิ์และฉลาดหลักแหลม ดูแลครอบครัวอย่างอ่อนโยนคนนั้น จะชั่วร้ายและน่ากลัวแบบนี้
และตอนนี้เขาก็ต้องใช้ชีวิตเป็นไอ้โง่อยู่อย่างนี้ นี่น่าจะเป็นการแก้แค้นของเย่หนานใช่หรือไม่?
หากเย่หนานไม่ได้ตายแล้วหล่อนไปอยู่ที่ไหน
สวี่จื้อกั๋วหมุนกายลงมาชั้นล่าง ใบหน้าซีดบวม ส่วนร่างกายก็เหมือนจะอ้วนขึ้นจนพุงยื่นออกมาแล้ว
เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรไปบอกสวี่ชิงหรือไม่ เพื่อเป็นการไถ่โทษกับเย่หนาน
สุดท้ายเมื่อเขาคิดถึงท่าทางไร้ความรู้สึกของสวี่ชิงก็ได้แต่หัวเราะเย็นชา ปล่อยให้พวกหล่อนไปตบตีกันเองเถอะ!
………..
สวี่ชิงคิดไม่ถึงว่าจะมีคนรายงานว่าร้านอาหารของเธอขายเนื้อหมูติดโรค ดังนั้นจึงได้ตั้งราคาอาหารไว้ถูก
แต่ตอนนี้คนขายเนื้อหมูให้เป็นการส่วนตัวไม่ได้พูดเรื่องโรคติดต่อแบบนี้เลย ที่จริงเป็นไปได้ที่มันจะมีหมูติดโรคหรือการนำเนื้อหมูแม่พันธุ์มาขายในท้องตลาด
แต่พวกเขาใช้เนื้อหมูอย่างดีมาโดยตลอด จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร
เธอไม่เพียงดูเป็นว่าเนื้อหมูแบบไหนดีไม่ดี ผางเจิ้งหัวก็ดูเป็นเช่นกัน นี่จะต้องเป็นเพราะถูกคนใส่ร้ายแน่นอน
ชัดเจนว่าต้องมีคนคิดจะทำอะไรบางอย่าง
คนจากทางกรมเลือกอาหารที่มีเวลาปิดผนึกอยู่มากล่องหนึ่ง แล้วให้กระดาษสำหรับการตรวจสอบหนึ่งแผ่น แล้วนำเนื้อปรุงสุกของทางร้านไปตรวจโรค
ผางเจิ้งหัวโกรธจนกำมือแน่นอยากจะเข้าไปอธิบายให้ฟัง แต่ถูกสวี่ชิงจับมือขวางเอาไว้ก่อน ส่งสายตาให้เขาใจเย็นลง ถ้ามีคนคิดจะหาเรื่องจริง พวกเขาทะเลาะด้วยก็ไม่มีประโยชน์
ถ้าเกิดทะเลาะกันขึ้นมา กลับจะยิ่งทำให้เรื่องใหญ่ยิ่งกว่าเดิม
ผางเจิ้งหัวโกรธจนตาแดง มองคนในชุดเครื่องแบบยกกล่องอาหารเดินไปไกลแล้วถึงเอ่ยปากด่าคน “รังแกกันเกินไปแล้ว พวกเราจะไปทำเรื่องร้ายกาจแบบนั้นลงได้ยังไง?”
ซุนเถียนวิ่งไปเรียกหลี่กั๋วหัว
หลี่ซิ่วเจินกับซุนเชียวเฟิ่งตั้งวงล้อมสวี่ชิงไว้ ทั้งเสียใจทั้งร้อนใจ ไม่เพียงต้องหยุดกิจการไปก่อน เนื้อผักมากมายก็ยังเสียหายด้วย
สวี่ชิงยิ้มแล้วปลอบทุกคน “ไม่ต้องกังวล พวกเราไม่ได้ทำความผิดต่อให้พวกเขาตรวจก็ไม่ต้องกลัว สองวันนี้ก็ถือเสียว่าเป็นวันหยุดแล้วกัน ช่วงนี้ลำบากพวกนายแล้ว”
ซุนเชียวเฟิ่งตาแดงก่ำ “ปัญหาคือพวกเราไม่ผิด แต่ถ้าลูกค้าเข้าใจผิดไม่มาซื้อแล้วจะทำยังไง”
สวี่ชิงไม่กังวลจุดเรื่องสักนิด เดิมทีเธอทำธุรกิจลูกค้าต่างก็เป็นพวกนักท่องเที่ยว มีลูกค้าใหม่เข้ามาไม่ซ้ำหน้า จึงไม่ต้องกลัวว่าจะเสียชื่อเสียงอะไร
เรื่องนี้ก็แค่ทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรก็เท่านั้น
เธอมุ่นคิ้วครุ่นคิดสักครู่หนึ่งก็สามารถเดาออกว่าฟางหลานซินกับสวี่หรูเยว่คือตัวการที่อยู่เบื้องหลัง
เดาว่าเป็นเพราะสวี่หรูเยว่ถูกทางมหาวิทยาลัยปฏิเสธ ในใจจึงรู้สึกไม่ยินยอม และยังไม่ออกมาเผชิญหน้ากับเธอโดยตรง ดังนั้นจึงสร้างความเคลื่อนไหวเล็กๆ เหล่านี้อยู่ลับหลัง
ดูเหมือนช่วงนี้เธอจะทำให้พวกหล่อนอยู่กันสบายเกินไปหน่อยแล้วจริงๆ
ระหว่างที่แบ่งความสนใจไปทำสิ่งอื่น ก็มีคนกลุ่มเข้ามาล้อมร้านไม่รู้ว่าใครตะโกนขึ้นมาก่อน “ร้านนี้ใช้เนื้อหมูติดโรค เนื้อหมูเน่า จิตใจอำมหิต!”
“ใช่ ร้านนี้แหละ พอฉันกินเข้าไปก็ท้องเสียสองวันเต็มๆ”
“ใจดำอำมหิต ร่ำรวยบนความทุกข์คนอื่น เจ้าของร้านไม่สมควรตายดี”
คำด่าต่าง ๆ มากมายถาโถมเข้ามากะทันหัน ยังมีคนขว้างผักใส่สวี่ชิง กับของเน่าจำนวนหนึ่ง ชัดเจนว่าพวกเขาเตรียมการมาแล้วอย่างดี
ผางเจิ้งหัวกับหู่จือเข้ามาขวางสวี่ชิงกับชุนเชียวเฟิ่งทันที จ้องคนสิบคนตรงหน้าด้วยความโกรธ “พวกแกพูดซี้ซั้วอะไร!”
“ไม่ยอมรับผิดใช่ไหม นี่ก็คือของจากร้านพวกนายนั่นแหละ!”
คนจากทั้งสองด้านโวยวายขึ้นมา เห็นชัดว่าอารมณ์อีกฝ่ายนั้นเดือดพล่านมาก ก้าวเท้าจ่ำ ๆ เดินเข้ามาใกล้สวี่ชิงและพวกเขา
สวี่ชิงใบหน้าเย็นยะเยือกเรียกไป๋หลางคำหนึ่ง ไป๋หลางไม่รู้ว่ามาจากมุมไหนพุ่งกายวิ่งเข้ามาอยู่ข้างขาของสวี่ชิง
สวี่ชิงตบไหล่ผางเจิ้งหัว ความหมายให้เขาหลบไป เดินมาข้างหน้าพร้อมกับไป๋หลาง
ไป๋หลางลู่ตัวต่ำแยกเขี้ยวคำรามข่มขู่อย่างดุดัน สายตาแผ่ไอสังหาร เขี้ยวขาวๆนั่นดุร้ายอย่างน่าหวาดกลัว
กลุ่มคนที่คิดจะเดินไปข้างหน้าพลันเดินถอยหลังสองสามก้าวทันที ด้วยความกลัวว่าหมาตัวนี้จะบ้าคลั่งกัดคนขึ้นมา
สวี่ชิงมองชายวัยรุ่นที่บอกว่าตัวเองกินข้าวร้านเธอจนท้องเสียคนนั้นด้วยสายตาเย็นยะเยือก “นายบอกว่าสองวันก่อนนายกินข้าวร้านพวกเราแล้วท้องเสียใช่ไหม”
ชายวัยรุ่นพยักหน้าทันที “ใช่ ก็คือร้านของเธอเนี่ยแหละที่ฉันกินเข้าไป ตอนนี้ท้องฉันยังปวดอยู่เลย”
สวี่ชิงคิดพักหนึ่ง “นายกินกระดูกหมูน้ำแดงหรือว่าเต้าหู้หมูสับทรงเครื่อง?”
ชายวัยรุ่นตกลึงไปพักหนึ่ง “กระดูกหมูน้ำแดง ฉันกินกระดูกหมูน้ำแดงร้านเธอจนท้องเสีย จะต้องเป็นเนื้อหมูติดโรคแน่ๆ”
สวี่ชิงยิ้มเย็น นัยน์ตาแผ่กระกายดุดันขณะที่มองชายวัยรุ่น “ระยะนี้พวกเราไม่มีเมนูกระดูกหมูน้ำแดง อีกทั้งทุกวันพวกเราจะทำเมนูอะไรก็จะเขียนบอกกับทางสถานีรถไฟทุกครั้ง พวกเขาเองก็สามารถตรวจสอบได้ ดังนั้นนายอย่าจะกล่าวหาไม่ได้ว่าพวกเรากับสถานีร่วมมือกัน เพราะพวกเราทำก็เพื่อปกป้องตัวเองจากคนแบบนาย”
ชายวัยรุ่นคนนั้นพลักตะลึงงัน อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าสวี่ชิงจะสามารถตอบโต้เขาได้
คิดว่าเธอจะพูดว่าอาหารไม่มีปัญหา กลับคิดไม่ถึงว่าผู้หญิงที่อายุแค่นี้จะเจ้าเล่ห์แบบนี้!
เขาทั้งโกรธทั้งอับอาย “แก! ถึงยังไงฉันก็ไม่สน ก็ฉันกินอาหารร้านพวกแกจนท้องเสีย พวกแกต้องชดใช้ให้ฉัน”
ตอนพูดอยู่ก็มีคนพลักเขาจากด้านหลังทำให้ตัวเขาพุ่งเข้าไปหาสวี่ชิง
ไป๋หลางที่ตั้งท่าเตรียมพร้อมอยู่แล้ว พอเห็นคนพุ่งเข้ามาก็กระโดดกัดคนทันที
กัดที่แขนเพียงครั้งเดียว เลือดก็ไหลนอง!
ชายวัยรุ่นส่งเสียงร้องโอดโอย กลิ้งไปมาบนพื้น
ไป๋หลางปล่อยปากแล้วถอยหลังหนึ่งก้าว ข่มขู่มองกลุ่มคนที่เหลือว่าใครกล้าเดินเข้ามาอีก มันก็จะกัดคนคนนั้นให้ตาย
สวี่ชิงไม่สนใจ ไล่คนเหล่านี้ต่อทันที “ถ้าพวกนายกล้าก่อเรื่องก็ต้องไม่กลัวผลที่จะตามมา!”
ไม่ไกลมีชายสองสามคนที่ถือกระเป๋าทำงานมองมาทางนี้เงียบๆ
ชายวันกลางคนที่ยืนอยู่หน้าสุดใบหน้าหล่อเหลาคมคาย สายตาหยุดนิ่งอยู่ที่หน้าของสวี่ชิง เพราะกำลังโมโห จึงทำให้ดวงตาคู่สวยเป็นประกายแวววับ
ช่างเหมือนกับคนในความทรงจำของเขามาก
ลูกกระเดือกสะท้อนขึ้นลง ชื่อหนึ่งคาอยู่แค่ที่ปลายลิ้น “อาหนาน”
ข้างกายมีคนเรียกเขา “หัวหน้าเหยียน พวกเราจะไปไม่ทันแล้วนะครับ”
เหยียนป๋อชวนได้สติกลับมา แล้วเดินไปทางสวี่ชิง
ลูกน้องของเขาจำต้องรีบเดินตามไป ในใจกลับสงสัยเหยียนป๋อชวนไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน ทำไมจู่ ๆ กลับเดินเข้าไปหาด้วยตัวเองแบบนี้
สวี่ชิงยังคงตั้งท่าป้องกันตัวคนเหล่านี้จะพุ่งมาทำร้ายเธอหรือเด็กในท้อง มือกุมท้องโดยไม่รู้ตัว มองคนตรงหน้าด้วยสายตาระแวดระวัง
จู่ ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา คนที่เดินมาหน้าสุดบุคลิกดูสง่างามสูงส่ง เห็นแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นหัวหน้าคนกลุ่มนั้น
สวี่ชิงยิ่งเพิ่มความระวัง คิดไม่ถึงว่าจะยังมีคนใหญ่คนโตเข้ามาร่วมด้วย!
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ไป๋หลางปกป้องนายหญิงให้ดีๆ ด้วยนะคะ ฝากด้วยค่ะ
เหยียนป๋อชวนนี่คนรักแม่ชิงชิงหรือเปล่านะ
ไหหม่า(海馬)