เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 19 ไม่ใช่ว่าเธอเลือดเย็น แต่เธอไม่ใช่มนุษย์
บทที่ 19 ไม่ใช่ว่าเธอเลือดเย็น แต่เธอไม่ใช่มนุษย์
สวี่หรูเยว่จ้องไปที่สวี่ชิงอย่างเดือดแค้น ปลายมีดปอกผลไม้กดเข้าที่ลำคอมากขึ้น “เธอเกลียดฉันมากนักนี่! ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะตาย!”
สวี่ชิงมองดูหล่อนอย่างเฉยเมย และเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบ ๆ หนึ่งก้าว
สวี่หรูเยว่รู้สึกตื่นเต้นฉับพลัน “อย่าเข้ามานะ! ถ้าเธอกล้าเข้ามา ฉันจะตายให้ดู”
สวี่ชิงกระตุกริมฝีปากอย่างเยาะเย้ย เธอเดินตรงไปดึงเก้าอี้พับแล้วนั่งลง กอดอกและมองขึ้นไปที่สวี่หรูเยว่ “เอาล่ะ งั้นก็ตายซะสิ”
สวี่หรูเยว่ตกตะลึงครู่หนึ่ง มือที่จับด้ามมีดสั่นเทา และไม่รู้ว่าจะเล่นบทนี้ต่ออย่างไร
ตามแผนของฟางหลานซินและหล่อน หล่อนจะฆ่าตัวตายเพื่อทำให้สวี่ชิงหวาดกลัวและทำให้เธออ่อนข้อลง
ถือโอกาสขอให้เธอเลิกแต่งงานกับโจวจินหนาน!
ท้ายที่สุด ไม่ว่าคนเราจะเลือดเย็นแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถเห็นคนที่มีชีวิตอยู่จะตายต่อหน้าเขาได้ และความตายของบุคคลนี้ก็ยังเกี่ยวข้องกับเขา?
แต่สวี่ชิงไม่ได้เล่นตามบทที่หล่อนคิดไว้ ไม่ใช่ว่าเลือดเย็น แต่เป็นเพราะเธอไม่ใช่มนุษย์ต่างหาก!
สวี่หรูเยว่มองไปที่ฟางหลานซินด้วยความตื่นตระหนก
ฟางหลานซินไม่ได้คาดหวังว่าสวี่ชิงจะเฉยเมยขนาดนี้ ดวงตางดงามคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เหมือนกับแสงสะท้อนจากดวงตาของสัตว์ป่ากระหายเลือดเมื่อยามที่พวกมันเห็นเหยื่อ
หล่อนตกใจมากจนมีเหงื่อเย็นไหลออกมาบนหลัง และรีบเข้าไปคว้ามีดปอกผลไม้ในมือของสวี่หรูเยว่ทันที “หรูเยว่ ลูกทำอะไรน่ะ? แม่จะทำอย่างไรถ้าลูกเป็นอะไรขึ้นมา ลูกคิดจะฉีกหัวใจคนเป็นแม่เป็นชิ้นๆ เหรอ…”
สวี่หรูเยว่ใช้โอกาสนี้ปล่อยมีดปอกผลไม้ในมือของเธอ โผเข้ากอดฟางหลานซินและร้องไห้ “แม่คะ ฉันจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร จะทำอย่างไร…”
สวี่จื้อกั๋วรู้สึกปวดหัวจากการร้องไห้ของแม่กับลูกสาว และรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา เขาหอบหายใจพลางมองไปที่สวี่ชิงอีกครั้ง ซึ่งนั่งเฉยอยู่บนเก้าอี้ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ
ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว และยิ่งแย่
เขาถอนหายใจอย่างหนักและมองไปที่สวี่ชิง “แกไม่พอใจอะไรกันแน่ บอกฉันที ช่วยอย่าสร้างปัญหาได้ไหม? แกวางแผนที่จะทำลายครอบครัวนี้ก่อนจริง ๆ ถึงจะพอใจสินะ!”
สวี่ชิงมองไปที่สวี่จื้อกั๋วอย่างเย็นชา “ฉันกำลังสร้างปัญหาอยู่? นี่พ่อตาบอดจริง ๆ แล้วมองไม่เห็นอะไรเลยรึไง?”
สวี่จื้อกั๋วยืนขึ้นด้วยความโกรธและชี้ไปที่สวี่ชิง “นี่แก!”
สวี่ชิงยืนขึ้นช้า ๆ “ในเมื่อพ่อคิดว่าทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉัน เช่นนั้นฉันก็จะไป!”
หลังจากกลับเข้าไปในห้อง สวี่ชิงหยิบกระเป๋าที่เตรียมไว้จากใต้เตียงออกมาแบกมันแล้วเดินออกไป
สวี่จื้อกั๋วมองสวี่ชิงถือกระเป๋าแล้วเดินออกไป ดวงตาของเขามืดลงด้วยความโกรธ “สวี่ชิง! ถ้าวันนี้แกกล้าก้าวออกจากประตูนี้ แกก็ไม่ต้องกลับมาอีก!”
สวี่ชิงมองย้อนกลับมา แววตาเย็นชาของเธอมองสวี่จื้อกั๋วอย่างดูถูก เธอสะพายกระเป๋าแล้วจากไปโดยไม่เหลียวหลัง
สวี่จื้อกั๋วหยิบขวดเคลือบบนโต๊ะกาแฟขึ้นมาแล้วปากระแทกลงกับพื้น!
ฟางหลานซินไม่คิดว่าสวี่ชิงจะจากไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ หล่อนมีความสุขไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าสวี่ชิงเตรียมตัวไว้แล้ว หล่อนมองไปที่สวี่จื้อกั๋วทั้งน้ำตาและกล่าวว่า “เกิดอะไรขึ้นกับชิงชิงกันคะ? มีใครไปพูดอะไรกับหล่อนหรือเปล่า?”
สวี่จื้อกั๋วสงบลงและนึกถึงสิ่งที่สวี่ชิงทำในช่วงสองวันที่ผ่านมา มันเป็นเจตนาของการแก้แค้นอย่างแท้จริง
แต่ในตอนนั้นไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วสวี่ชิงรู้ได้อย่างไร?
…
สวี่ชิงเดินออกจากบ้านพร้อมกับกระเป๋า เมื่อเธอได้พบกับใครบางคนที่รู้จัก เธอก็ทำเป็นไม่เห็นอีกฝ่าย และเดินออกไปด้วยใบหน้าขมขื่น
ในสายตาของคนนอก เห็นได้ชัดว่าเธอถูกไล่ออกจากบ้าน
เธอเชื่อว่าข่าวลือว่าเธอถูกไล่ออกจากบ้านจะลามไปทั่วละแวกบ้านและทั้งโรงงานในวันพรุ่งนี้แน่นอน
สวี่ชิงเดินออกจากชุมชน และข้ามถนนสองสายก่อนจะหายใจเข้าลึก ๆ เธอรู้สึกว่าอากาศที่ขุ่นมัวในอกได้สลายไปหมดแล้ว
เมื่อมองดูฝูงชนใต้แสงไฟถนน เธอก็เดินไปที่ชานเมืองอย่างอารมณ์ดี
เธอกำลังจะไปที่ชานเมืองเพื่อพบเฟิงซูฮวา คุณย่าของเธอซึึ่งใจดีกับเธอมากในชาติก่อน แต่โชคร้ายที่ในปีที่เธอกับโจวจินหนานหย่าร้างกัน คุณย่าก็เสียชีวิตลงด้วยอาการป่วยกะทันหัน
เธอจำได้ถึงตอนที่เธอกับโจวจินหนานหย่ากัน เฟิงซูฮวายังคงจับมือเธอไว้และส่ายศีรษะ “เด็กน้อย ขอโทษด้วยนะ”
เพราะได้รู้ความลับที่เธอไม่เคยรู้ในชีวิตก่อนหน้านี้มากเกินไป หลังจากการเกิดใหม่ สวี่ชิงจึงมองปัญหาจากมุมที่ต่างออกไป และสงสัยว่าเฟิงซูฮวารู้อะไรบางอย่างหรือเปล่า?
หรือการตายของเฟิงซูฮวามีเงื่อนงำบางอย่าง?
ยิ่งคิดก็ยิ่งเดินเร็วขึ้น และเมื่อไปถึงซอยฮวยซู่ในเขตชานเมืองฮวยซู่ ท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
ที่ตรงปากซอยฮวยซู่ มีผู้คนกำลังคุยโวโอ้อวดกันอยู่
เด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งอย่างบ้าคลั่ง
สวี่ชิงเดินผ่านกลุ่มเด็กอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเข้าไปในซอย และมองหาลานบ้านที่ทรุดโทรมจากในความทรงจำของเธอ
ภูมิหลังของเฟิงซูฮวาไม่ดีนัก และเป็นลูกสาวของครอบครัวเจ้าของที่ดิน ในช่วงทศวรรษที่ปั่นป่วนที่สุด สวี่จื้อกั๋วไม่เพียงแต่ตัดสัมพันธ์กับแม่ของเขาเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้นำในการก่อกบฏและบุกโจมตีบ้านของตัวเองด้วย โดยจับกุมเฟิงซูฮวาเพื่อเดินตามท้องถนน
เขาเป็นชายที่ดีที่มีความคิดก้าวหน้า แต่เฟิงซูฮวาถูกทรมานจนเจียนตาย
หลังจากที่ทุกอย่างสงบลง สวี่จื้อกั๋วก็ไม่มีหน้าไปเจอเฟิงซูฮวาอีก และเฟิงซูฮวาเองก็ไม่ต้องการจดจำลูกชายของนางเช่นกัน
เพื่อสร้างภาพลักษณ์ลูกกตัญญู สวี่จื้อกั๋วจึงขอให้สวี่ชิงไปเยี่ยมเฟิงซูฮวาบ่อย ๆ
จากความทรงจำที่สวี่ชิงจำได้ เธอก็เดินไปที่ประตูลานบ้านที่คุ้นเคย
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา เธอมักจะมามอบของขวัญในช่วงปีใหม่และเทศกาล ซึ่งตอนแรกเฟิงซูฮวาไม่ยอมให้เธอเข้าไป แต่แล้วคุณย่าก็ให้เธอได้เข้าไปนั่งสักพักแล้วจึงมาพูดคุยกับเธอ
คุณย่าในความทรงจำของเธอ แม้ว่าใบหน้าจะเริ่มมีริ้วรอยตามอายุ แต่นางก็สามารถแสดงออกถึงความสง่างามได้ในทุกอิริยาบถ เป็นความสง่างามและนุ่มนวลที่ซึมซับอยู่ในตัวบุคคล ซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถเรียนรู้ได้แม้ต้องการ
สวี่ชิงถอนหายใจ เธอเคาะประตูลานบ้าน และตะโกนเสียงดังว่า “คุณย่าคะ ฉันมาหาแล้วค่ะ”
หลังจากนั้นไม่นานไฟในลานบ้านก็สว่างขึ้น ตามด้วยเสียงฝีเท้าเล็ก ๆ
เฟิงซูฮวาพิงไม้ค้ำ ค่อย ๆ เดินมาเปิดประตู… ตอนเด็ก ๆ นางต้องใช้ผ้าพันนิ้วเท้าสามนิ้วไว้ตลอดเวลา และต้องทนทุกข์ทรมานมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้นการเดินไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถึงอย่างนั้นร่างกายยังแข็งแรงมาก
เมื่อเห็นสวี่ชิงยืนอยู่ที่ประตูพร้อมกับกระเป๋าของเธอ เฟิงซูฮวาก็ไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นและไม่นึกแปลกใจ แววตาของนางยังคงนุ่มนวลเช่นเคย “ชิงชิงมาแล้วเหรอ เข้ามาก่อนสิลูก”
สวี่ชิงเดินตามเฟิงซูฮวาเข้าไปในบ้าน
เป็นลานเล็ก ๆ ที่ไม่ใหญ่โต มีเรือนสามหลัง เรือนองุ่นหน้าบ้าน และสวนผักสองสามแปลงที่ปลูกไว้อย่างเรียบร้อยในลานบ้าน
เรือนทั้งสามหลัง ประกอบด้วยครัวหนึ่งหลัง เรือนหลักที่เต็มไปด้วยของมากมาย และห้องนอนอีกหนึ่งห้อง
ในห้องนอนมีเตียงเตาที่กินพื้นที่ไปครึ่งหนึ่งของห้อง มีตู้ไม้การบูรสองตู้บนเตียง และโต๊ะสีน้ำตาลแดงเล็ก ๆ ข้างเตียง บนโต๊ะมีจานของดองและข้าวต้มหนึ่งชาม
หลังจากเข้าไปในห้อง เฟิงซูฮวานั่งลงบนเตียงเตา แล้วมองไปที่สวี่ชิง “หลานกินข้าวหรือยัง? เดี๋ยวย่าไปซื้อหมั่นโถวร้อน ๆ ให้นะ”
สวี่ซิงรู้สึกปลาบปลื้มใจ หญิงสาววางกระเป๋าลงที่เตียงเตาและนั่งลงข้างคุณย่า “คุณย่าคะ ขอฉันมาอยู่กับคุณย่าสักสองสามวันได้ไหมคะ?”
เฟิงซูฮวายิ้มอย่างใจดี “ได้สิ ๆ วันพรุ่งนี้ที่นี่จะมีตลาดใหญ่ น่าจะครึกครื้นไม่น้อยเลย”
สวี่ชิงสงสัย “คุณย่าไม่สงสัยเลยเหรอคะว่าทำไมฉันมามืดขนาดนี้?”
เฟิงซูฮวายังคงยิ้มอย่างอ่อนโยน “มันคงเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับหนูที่มาถึงช้า ถ้าอยากจะพูด เดี๋ยวหนูก็บอกย่าเอง ถ้าไม่ต้องการบอกแล้วย่าถามขึ้นมา ย่าก็กลายเป็นหญิงแก่น่ารำคาญแย่สิ”
สวี่ชิงโอบกอดแขนของเฟิงซูฮวา “คุณย่าคะ ฉันกำลังจะแต่งงาน”
”แล้วหลานอยากแต่งงานกับเขาไหม?”
สวี่ชิงแปลกใจเล็กน้อย “คุณย่าคะ ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนคุณย่ารู้ว่าฉันจะแต่งงานกับใครเลย?”
…………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
นั่นไง สุดท้ายแล้วก็ไม่กล้าตายจริงหรอก
ออกจากบ้านนรกนี่เถอะชิงชิง
ไหหม่า(海馬)