เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 160 มีความลับบางอย่างที่ไม่ว่ายังไงก็ปิดไม่มิด
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80
- บทที่ 160 มีความลับบางอย่างที่ไม่ว่ายังไงก็ปิดไม่มิด
บทที่ 160 มีความลับบางอย่างที่ไม่ว่ายังไงก็ปิดไม่มิด
สวี่ชิงมองสวี่จื้อกั๋วอย่างตกใจเล็กน้อย
เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะไม่ใช่ลูกสาวของสวี่จื้อกั๋ว!
สวี่จื้อเห็นสีหน้าตกตะลึงของสวี่ชิงก็ยิ้มเย้ยหยัน “คิดไหมล่ะว่าฉันน่าสงสารแค่ไหน ฉันเลี้ยงลูกสาวสองคน ผลสุดท้ายต่างก็เป็นสวะ!”
เขาพูดพลางชี้หน้าอกตัวเอง “สวี่ชิง ไม่ว่าจะพูดยังไง ฉันก็ขอโทษแกทั้งหมด! ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าแกไม่ใช่ลูกสาวของฉัน ฉันก็ยังเลี้ยงแกมาจนโต! ต่อให้ฉันไม่มีลูกชาย ถูกคนด่าว่าไร้ผู้สืบสกุล ฉันก็ไม่เคยคิดที่จะมีลูกอีกคนเลย”
“ลองเปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่นสิ มีใครทำได้แบบฉันบ้าง!”
แม้ว่าในใจของสวี่ชิงจะตกใจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกสั่นสะท้านอะไรนัก เธอรู้ว่าการที่สวี่จื้อกั๋วเลี้ยงเธอมาจนโตนั้นจะต้องเป็นเพราะสาเหตุอื่นแน่
โจวจินหนานมองสวี่จิ้อกั๋วที่พูดมาสักพักแล้วก็ยังมีทีท่าว่ายังพูดไม่จบ เขาก็ขมวดคิ้ว “ดังนั้นแล้วจุดประสงค์ที่คุณมาหาสวี่ชิงในวันนี้คืออะไรครับ?”
จะต้องไม่ใช่มาเพื่อพูดชาติกำเนิดของสวี่ชิงโดยเฉพาะแน่!
สวี่จื้อกั๋วหอบหายใจด้วยความโกรธอยู่สักพัก “ในเมื่อชิงชิงคิดจะตัดความสัมพันธ์กับฉัน ฉันก็จะตัดให้สะอาดหมดจด! ถ้าแกอยากรู้ว่าพ่อแท้ ๆ ของแกเป็นใคร แหวนที่แม่ของแกทิ้งไว้ให้วงนั้น แกสามารถตามหาได้จากแหวนนั้น”
พูดเสร็จก็มองสวี่ชิงด้วยสายตามืดครึ้ม “คิดเสียว่าฉันตาบอด เลี้ยงหมาป่าตาขาวตัวหนึ่งมาหลายปีแล้วกัน”
สวี่ชิงมุ่นคิ้วมองแผ่นหลังของสวี่จื้อกั๋วที่เดินจากไป ในใจก็รู้สึกยากจะอธิบาย “สรุปว่าเขามาหาฉันทำไมกันน่ะ”
เธอไม่เชื่อว่าสวี่จื้อกั๋วจะจิตใจดีขนาดนั้น ถึงขนาดมาบอกเธอเรื่องชาติกำเนิด
โจวจินหนานครุ่นคิดสักพัก “ของที่แม่แท้ ๆ ของคุณทิ้งเอาไว้ มีแหวนหรือเปล่า?”
ถ้าเดาไม่ผิด จุดประสงค์สำคัญของสวี่จื้อกั๋วก็น่าจะเป็นแหวนวงนั้น
สวี่ชิงคิดสักพัก “ไม่มีนะคะ ฉันไม่เห็นว่ามีแหวน มีกำไลหยกแต่ว่าไม่มีแหวน”
เมื่อลองคิดทบทวนอย่างละเอียดก็พยักหน้าอย่างมั่นใจมาก “ไม่มีแหวนจริง ๆค่ะ”
แล้วก็อดคิดอย่างแปลกใจไม่ได้ “หรือว่าแหวนนั่นจะเป็นตัวเปิดกรุสมบัติบางอย่าง? หรือภายในเก็บซ่อนแผนที่สมบัติเอาไว้?”
พูดจบหล่อนก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ถ้าเป็นแบบนี้จริง น่ากลัวว่าพวกเราจะยุ่งยากยิ่งกว่าเดิมแล้ว”
โจวจินหนานอดขำให้กับความคิดของสวี่ชิงไม่ได้ “ถ้าซ่อนสบบัติไว้จริง ใครก็เอาไปไม่ได้ ในเมื่อไม่เคยเห็นเราก็ไม่ต้องสนใจ”
สวี่ชิงเริ่มสงสัย “งั้นสรุปว่าฉันเป็นลูกสาวของใคร?”
โจวจินหนานพลันคิดถึงผู้หญิงชุดแดงคนนั้นขึ้นมาได้ การที่สวี่จื้อกั๋วมาหาสวี่ชิง ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับหล่อนเช่นกัน
ต้องรีบรู้ฐานะที่แท้จริงของหล่อนให้ได้ ไม่อย่างนั้นความลับที่ถูกปกปิดมาหลายปีขนาดนี้จะจมหายไปในสายน้ำ
สวี่ชิงครุ่นคิดสักพักหนึ่งก่อนจะพับเรื่องนี้เก็บ แล้วเริ่มทำงานต่อ
ส่วนโจวจินหนานจากไปจัดการเรื่องของหวงเวินหลงและหวงเฉียนเต๋อ
……….
ห่างออกไปหลายพันลี้ที่เมืองหลวง หลังจากหลูเว่ยตงกลับมาก็ล้มป่วยหนัก สองสามวันมานี้เอาแต่นอนอยู่ในบ้านด้วยสีหน้าย่ำแย่เป็นอย่างมาก
ผู้เฒ่าหลูมองด้วยความร้อนใจ มองหลานชายที่นอนอยู่บนเตียงไม่ยอมกินยอมดื่มจนริมฝีปากแห้งผาก ใจก็เจ็บปวดอย่างมาก “แค่แกไปมณฑลกานซูกลับมา เหตุใดถึงมีสภาพเป็นแบบนี้ สรุปว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แกบอกฉันมาเดียวนี้นะ!”
หลูเว่ยตงไม่ส่งเสียง ในหัวเอาแต่ตำหนิคำพูดของเขา
มาคิด ๆ ตอนนี้ เขานี่มันเลวเกินไปจริง ๆ ถึงได้ทำเรื่องโหดร้ายอย่างการสะกิดรอยแผลในใจของสวี่ชิง แล้วยังทำต่อหน้าผู้ชายคนนั้นอีก
ไม่รู้ว่าหลังจากเขาจากไป ผู้ชายคนนั้นจะถือสาหาความหรือไม่
ถ้าเขาถือสาขึ้นมา แบบนี้พวกเขาจะยังใช้ชีวิตด้วยดีหรือไม่
หลูเว่ยตงยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจภายหลัง ทำไมเขาถึงกลายเป็นคนเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้ได้!
ผู้เฒ่าหลูเห็นหลูเว่ยตงไม่พูดไม่จาก็ขยี้เท้าอย่างร้อนใจ “ฉันเห็นซูโม่พี่สาวของแกกลับมาแล้ว ฉันจะให้หล่อนมาสั่งสอนแก ไม่ใช่ว่าแกเชื่อฟังคำพูดของหล่อนมากที่สุดหรือ”
รอจนหลูเว่ยตงตอบโต้กลับมา ผู้เฒ่าหลูก็รีบไปเรียกซูโม่ลูกสาวตระกูลซูมา
ซูโม่เพิ่งกับมาจากมณฑลกานซูไม่กี่วันเช่นกัน พอได้ยินว่าหลูเว่ยตงล้มป่วยก็ตกใจมาก
น้องชายข้างบ้านที่อ่อนกว่าหล่อนไม่กี่ปี หล่อนประทับใจเขาอย่างไม่เลวทีเดียว
หล่อนเดินตามผู้เฒ่าหลูมา ระหว่างทางก็ถามอย่างแปลกใจ “เว่ยตงไปทำอะไรที่มณฑลกานซูคะ แล้วตรอมใจจนป่วยได้ยังไง”
ผู้เฒ่าหลูถอนหายใจ “ปีนั้นฉันได้ไปประจำการที่นั่น เขารู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วก็คนึงหามาตลอดหลายปี รอบนี้พอกลับไปดูรอบหนึ่ง กลับมาก็กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
ซูโม่นับอายุของหลูเว่ยตง “ถ้าอายุหล่อนไม่มากไปกว่าเว่ยตง หรือว่าหล่อนจะแต่งงานแล้วกันคะ ดังนั้นเขาถึงได้เสียใจ?”
ผู้เฒ่าหลูเองก็ไม่แน่ใจ “ก็คงเป็นไปได้ เธอช่วยไปเตือนเขาหน่อย เขาฟังคำพูดของเธอที่สุด เจ้าเด็กคนนี้บางครั้งมันก็เป็นเหมือนลูกธนูดอกหนึ่ง”
ซูโม่พอเห็นหลูเว่ยตงก็ตกใจ ชายหนุ่มหน้าขาวสะอาดสะอ้านคนหนึ่ง ตอนนี้กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ริมฝีปากแตกระแหง ใบหน้าก็ขาวซีด
“เกินอะไรขึ้นกับนาย นายกำลังทำให้ปู่ของนายกังวลนะรู้ไหม”
หลูเว่ยตงไม่อยากรับหน้าซูโม่ทั้ง ๆ ที่นอนอยู่ จึงค่อย ๆ ลุกขึ้นนั่ง ก้มศีรษะอย่างหมดอาลัยตายอยาก
ซูโม่ไม่เข้าใจ “ได้ยินว่านายตรอมใจเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง นายลองดูสภาพนายสิ? แค่นายไม่มีวาสนากับหล่อนแล้วถึงกับมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้เชียวหรือ?”
หลูเว่ยตงยังคงไม่พูด
ซูโม่ถอนหายใจ “นายนี่มัน…ไม่คิดถึงตัวเองก็คิดถึงปู่ของนายบ้าง การที่นายทำแบบนี้คนแก่ในบ้านเขาเป็นห่วงนายแค่ไหน อีกอย่างสรุปว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น หรือว่าอีกฝ่ายแต่งงานไปแล้ว?”
หลูเว่ยตงพลันเศร้าเสียใจขึ้นมาจนขอบตาแดงก่ำ
ซูโม่มุ่นคิ้ว “หลูเว่ยตง! ในเมื่อคนเขาแต่งงานไปแล้ว นายเสียใจจนตายตรงนี้แล้วมีประโยชน์อะไร? ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่ผ่านมันไปไม่ได้หรอกนะ! แล้วก็อีกอย่าง นายชอบเขาตั้งนานแล้วนายมัวแต่ทำอะไรอยู่! ตอนนี้หล่อนแต่งงานไปแล้ว นายไม่อาจทำให้คนเขามาแต่งงานกับนายได้อีกแล้ว”
หลูเว่ยตงหวั่นไหวขึ้นมาทันที “สวี่ชิงไม่ได้เต็มใจเสียหน่อย หล่อนถูกบังคับให้แต่งงานต่างหาก!”
ซูโม่ตกตะลึงไปสักหนึ่ง “นายพูดว่าใครนะ? ชื่ออะไรนะ?”
ภรรยาของโจวจินหนานชื่อสวี่ชิง! คงไม่ใช่ว่าเป็นคนคนเดียวกันหรอกนะ?
หลูเว่ยตงตาแดงก่ำ “ที่จริงสวี่ชิงไม่ได้เต็มใจแต่งงานกับเขา! คนที่มีความคิดแบบหล่อนคนนั้น ทำไมต้องไปแต่งงานกับคนตาบอดคนหนึ่งด้วย!”
ตอนนี้ซูโม่ได้รับการยืนยันแล้ว ว่าคนที่หลูเว่ยตงพูดถึงก็คือภรรยาของโจวจินหนาน
หล่อนสะกดความตื่นเต้นเอาไว้ในใจ “นายจะไปรู้อะไร? สวี่ชิงบอกนายเหรอว่าหล่อนไม่เต็มใจแต่งงานด้วยตัวเอง นายก็รู้ว่าพวกเขาจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว!”
หลูเว่ยตงลำคอแข็งเกร็ง “แล้วยังไง? เขาใช้ศีลธรรมและกฎหมายลักพาตัวผู้หญิงคนหนึ่ง ไปดูแลคนตาบอดที่ดูแลตัวเองไม่ได้ทั้งชีวิตน่ะเหรอ!”
ซูโม่ขมวดคิ้ว “หลูเว่ยตง! นายพูดเพ้อเจ้ออะไร? นายรู้ฐานะของโจวจินหนานไหม แล้วฉันก็ขอถามนายหน่อยว่าสวี่ชิงพูดด้วยปากตัวเองหรือเปล่า ว่าหล่อนไม่ได้ยินยอมน่ะ”
หลูเว่ยตงยิ้มเยาะ “ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้นกับหล่อน หล่อนจะแต่งงานกับคนตาบอดคนหนึ่งได้ยังไง!”
ซูโม่ใจเต้นตึกตัก “นายรู้เรื่องนี้หรือ?”
พูดจบก็ถึงได้รู้สึกตัวว่าได้พูดผิดไปแล้ว จึงรีบหุบปากเงียบ
หลูเว่ยตงถึงค่อยมีปฏิกิริยา เงยหน้าอย่างสงสัย จ้องมองซูโม่ “พี่รู้? พี่รู้จักพวกเขา?”
ซูโม่พยักหน้าอย่างจำยอม “ใช่ ฉันรู้จัก แต่ที่พวกเขาแต่งงานกันมันไม่ใช่อย่างที่นายคิดแบบนั้น และก็ไม่ใช่การบังคับด้วย”
หลูเว่ยตงยังคงจ้องมองซูโม่ จู่ ๆ ก็คิดถึงเรื่องหนึ่งได้ สามเดือนก่อนเขาได้ยินว่าซูโม่กับเหอเหลียงผิงโต้เถียงกันสองคน
แล้วเหมือนเขาจะยินชื่อของโจวจินหนานด้วย!
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ซูโม่โป๊ะแล้วไหมน่ะ
พี่หนานจะถึงกาลอวสานไหมเนี่ย ชิงชิงจะรู้เรื่องที่พยายามปกปิดไหม
ไหหม่า(海馬)