เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 148 ผู้หญิงที่ละม้ายคล้ายเย่หนาน
บทที่ 148 ผู้หญิงที่ละม้ายคล้ายเย่หนาน
โจวจินหนานส่งสายตาเย็นชามองไปยังทางเดินข้างๆ
สวี่ชิงที่เดินตามมาด้านหลังชะโงกมองข้ามไหล่เขาด้วยความสงสัย ก่อนเห็นฟ่านเจี๋ยยืนอยู่ไม่ห่างออกไป ดงดอกชบาที่บดบังทำให้ไม่เห็นตัวอีกฝ่ายหากมองผ่าน ๆ
ฟ่านเจี๋ยมองโจวจินหนานและสวี่ชิงพร้อมแววเศร้าสร้อยในดวงตา เมื่อเห็นเขามองมาก็อยากเอ่ยทักทาย แต่ก็เกรงกลัวสายตาเฉยชาของเขา
ศักดิ์ศรีเฮือกสุดท้ายทำให้หล่อนกัดฟันหันหลังเดินหนีไป
ฟ่านเจี๋ยได้แต่ปลอบใจตนเองว่าหล่อนเป็นดาราอันเจิดจรัสบนเวทีที่ทุกคนต่างไขว่คว้า ไม่จำเป็นต้องลดตัวลงมาเพื่อชายคนเดียว แม้อีกฝ่ายจะเป็นคนที่หล่อนรักมาเป็นสิบปีก็ตาม
หล่อนอดไม่ได้ที่จะอยากจะร้องไห้ออกมาอีกครั้ง มือกระชับกำขวดเล็กที่บรรจุของเหลวสีฟ้าอ่อนไว้แน่น
ใครบางคนบอกไว้ว่ามันเป็นน้ำหอมวิเศษ หากใช้จะทำให้เป็นที่ชมชอบของผู้อื่นอย่างได้ผลชะงัด
หล่อนเคยใช้มันครั้งหนึ่ง ตอนนั้นหล่อนต้องการไปหาโจวจินหนาน ไม่ได้คิดอยากพบสวี่ชิงที่ซื้อข้าวของเครื่องใช้เจ้าสาวในศูนย์การค้า ก่อนกระติกน้ำร้อนที่มีสัญลักษณ์ซังฮี้* ในมืออีกฝ่ายจะทิ่มแทงใจหล่อน
*ซังฮี้ = อักษรสัญลักษณ์ที่ใช้กับงานแต่งงานของคู่บ่าวสาว เพราะเหมือนรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
ศักดิ์ศรีที่เหลือของตนทำให้หล่อนหันหลังกลับไปโดยไม่ได้ไปหาโจวจินหนาน
วันนี้ได้เห็นสายตาของเขาแล้วก็พลันนึกขบขันขึ้นมา น้ำหอมประหลาดมหัศจรรย์แบบนี้จะทำให้คนมาหลงรักได้อย่างไร
สวี่ชิงจ้องมองฟ่านเจี๋ยเดินออกไป แม้หญิงสาวคนนี้จะเย่อหยิ่งราวนกยูงและใจร้อนวู่วามเป็นบางครั้ง แต่ก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายดูดีไม่น้อย
เธอเอ่ยประชดขึ้นด้วยความหึงหวงอย่างไม่อาจอธิบายได้ “ฉันว่าฟ่านเจี๋ยสวยมากเลยนะคะ พวกคุณรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก คุณไม่คิดแบบนั้นบ้างเหรอคะ”
โจวจินหนานนิ่วหน้า “หล่อนหน้าตาเป็นยังไงแล้วเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ เร็วเข้าครับ เราต้องไปช่วยงานที่ร้านนี่”
ไฟหึงของสวี่ชิงพลันมอดลงทันที ก่อนเธอจะยิ้มกว้างเดินตามเขาไปสถานีรถไฟ
ระหว่างทางก็ตั้งใจจะให้ผางเจิ้งหัวกลับไปบอกคุณย่าว่าดวงตาของโจวจินหนานอาการดีขึ้นแล้ว
หากคุณย่าต้องการค่อยให้เขาพาแวะมาหาพรุ่งนี้เช้า
อย่างไรเสียตอนนี้เธอก็ไม่มีจักรยาน เกาจ้านเองก็แขนเจ็บ ทั้งรถจี๊ปยังมาเสียอีกต่างหาก
เมื่อพวกเขามาถึงร้าน ผางเจิ้งหัวกับคนอื่น ๆ พากันแปลกใจและยินดีเมื่อเห็นว่าดวงตาโจวจินหนานหายดีแล้ว
หลี่ซิ่วเจินพูดกับสวี่ชิงไม่หยุด “ดีจัง เสี่ยวโจวเป็นคนดีแถมยังมีความสามารถ ตอนนี้กลับมามองเห็นอีกครั้งแล้ว พวกเธอทั้งสองคนเหมาะสมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยกเลยละ”
สวี่ชิงหัวเราะ “คุณน้าซิ่วเจินหมายความว่ายังไงคะ เมื่อก่อนคิดว่าเราไม่เหมาะสมกันเหรอ”
หลี่ซิ่วเจินยิ้มเจื่อน “เจ้าเด็กนี่ หัวไวจริง ๆ! เมื่อก่อนเราเคยคิดว่าเสี่ยวโจวไม่ดีพอสำหรับเธอ เธอทั้งหน้าตาสะสวยและมีความสามารถ แม้เขาจะเป็นวีรบุรุษแต่ก็มองไม่เห็น ถ้าต่อไปมีลูกด้วยกันเธอก็ต้องดูแลทั้งลูกทั้งเขา แล้วยังต้องทำงานหาเลี้ยงครอบครัวอีก ลำบากแย่เลย”
“ฉันพูดแบบนี้ไม่โกรธฉันเหรอ”
สวี่ชิงยิ้มพลางส่ายหน้า “ไม่โกรธหรอกค่ะ แต่ฉันไม่คิดว่าตัวเองคู่ควรกับเขา ยังไงฉันก็เจอเรื่องเลวร้ายบางอย่างมาเหมือนกัน”
หลี่ซิ่วเจินขมวดคิ้ว “จะโทษเธอได้ยังไงกัน ไอ้พวกชั่วช้าหน้าไม่อายมันเลวจะตาย ถ้าจับได้ควรจับตอนซะให้เข็ด พวกมันไม่คู่ควรกับผู้หญิงดี ๆ เลยสักนิด”
สวี่ชิงยิ้มทั้งที่ในใจไม่ต้องการพูดถึงมัน
โจวจินหนานนั่งอยู่ห่าง ๆ และทนไม่ได้กับสิ่งที่ได้ฟัง เขาได้ยินทุกคำที่ลี่ซิ่วเจินกับสวี่ชิงพูดคุยกัน
ก่อนรู้สึกเย็นเยียบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
บางทีอาจถึงเวลาต้องหาโอกาสสารภาพกับสวี่ชิงแล้ว
แต่เป็นเพราะมีผู้คนมากมายเกี่ยวข้องกับเบื้องหลังเรื่องนี้ หากสวี่ชิงโมโหขึ้นมาอาจเกิดผลร้ายตามมา!
เขานิ่วหน้าและนึกลังเลอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ผางเจิ้งหัวเรียกโจวจินหนานสองครั้งติด แต่เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ตอบเสียทีจึงตบบ่า “พี่โจว คิดอะไรอยู่ ตอนนี้ตาหายดีถือเป็นเรื่องน่ายินดีแล้ว คืนนี้อยากไปดื่มด้วยกันไหมครับ”
ระหว่างถามก็ส่งบุหรี่ให้อีกฝ่าย
โจวจินหนานคืนสติ แม้รับบุหรี่มาแต่ไม่คิดจะจุดสูบ “ไม่จำเป็นหรอก นายทำงานหนักแล้ว กลับไปพักแต่หัวค่ำเถอะ”
เผิงเจิ้งหัวขำ “ผมเคยชินแล้วครับ รู้สึกเหมือนมีพลังล้นเหลือทุกวันเลย ที่บอกว่านี่เป็นงานหนัก ตอนผมไปทำงานก่อสร้างไม่หนักกว่าเหรอครับ ถึงขนาดต้องไปแบกหินบนภูเขา เหนื่อยกว่านี้มากครับ”
นอกเหนือจากช่วงแรกที่รู้สึกเหมือนจะเอาไม่อยู่ แขนแข็งแรงเริ่มปวดล้าไปหมด
ตอนนี้ทำงานทุกวัน แต่ไม่รู้สึกแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว
สวี่ชิงได้ยินคำทักท้วงของเขาก็หันมายิ้มให้ “ก็ได้ เรื่องน่ายินดีแบบนี้ควรเฉลิมฉลอง ปิดร้านตอนสองทุ่มครึ่งแล้วนั่งดื่มกันที่ร้านกันดีไหม”
ผางเจิ้งหัวพยักหน้า “ไม่มีปัญหาครับ ผมจะกันวัตถุดิบไว้ส่วนหนึ่ง พอร้านปิดแล้วจะทำอาหารให้ทุกคนกินเอง”
เธอยกยิ้ม “เอาแบบนั้นก็ได้ ฉันขอยืนจักรยานนายหน่อย ว่าจะขับไปรับคุณย่ามาร่วมงานด้วยน่ะ”
ผางเจิ้งหัวโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้อง ฉันไปรับเอง ฉันปั่นเร็วกว่า”
เธอไม่คิดเกรงใจ ตอนนี้เธอตั้งท้องแล้วจึงไม่กล้าออกแรงมากนัก
หลังพูดคุยกันอย่างออกรสครู่หนึ่งก็ลุกขึ้น
สวี่ชิงต้องการช่วยทำอาหารแต่ถูกโจวจินหนานห้ามไว้ เขาเองก็เคยเรียนทำอาหารมาก่อน
เดิมทีเธอไม่อาจวางใจได้ สวี่ชิงจึงอยู่ดูจากด้านข้าง หลังผ่านไปหลายจานและเห็นว่าโจวจินหนานทำอาหารเป็น ทั้งยังทำได้ว่องไวเมื่อคล่องมือแล้ว
แต่สวี่ชิงยังพบปัญหาหนึ่ง ลูกค้าส่วนใหญ่มักไปสั่งอาหารกับน้าเชียวเฟิง น้อยคนจะมาทางโจวจินหนาน เหมือนกับตั้งใจหลีกเลี่ยงเขา
เธอมองคุณน้าเชียวเฟิงที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ก่อนหันไปหาโจวจินหนานที่ปั้นหน้านิ่ง ชวนให้รู้สึกเหมือนว่าจะทำร้ายคนที่มาสั่งอาหารกับเขา
เธอกลั้นยิ้มและถอนหายใจออกมา “นี่ คุณทำหน้าจริงจังไปแล้วนะ เราทำงานบริการอยู่นะคะ ต้องยิ้มเข้าไว้สิ มีคำบอกไว้ว่าเปิดรับความมั่งคั่งทั่วสารทิศต้อนรับลูกค้าจากทั่วโลกไม่ใช่เหรอคะ ฉะนั้นคุณต้องยิ้มนะคะ”
เขาเหลือบมองเธอที่อยากทำให้ยิ้มแต่เขาก็ยิ้มออกมาไม่ได้
สวี่ชิงยิ้มพลางเอ่ยกระซิบ “คิดเสียว่าอาหารแต่ละจานเป็นค่านมผงของลูกเราสิคะ พอจะอารมณ์ดีขึ้นมาได้ไหม”
โจวจินหนานตงิดใจเล็กน้อย “เด็กกินนมแม่กันไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องกินนมผงด้วยล่ะ”
เธอไม่เข้าใจตรรกะความคิดของชายคนนี้แม้แต่น้อย พวกเขาเถียงกันเรื่องวิธีเลี้ยงลูกกันอยู่หรืออย่างไร เธอกลอกตา “ถ้าไม่มีนมแม่ลูกก็ต้องกินนมผงไม่ใช่เหรอคะ ถ้าคิดได้แล้วจะยิ้มได้หรือยังคะ”
เขายังยิ้มไม่ออกและตักอาหารด้วยสีหน้านิ่ง
สวี่ชิงไม่ทำให้เขาเสียหน้าเช่นกัน ทำเพียงยืนอยู่ข้างๆ และส่งยิ้มเรียกลูกค้าให้มาซื้อมื้อเย็น
เมื่อมีเธออยู่ข้างกายเขา ผลลัพธ์ก็ดีขึ้นมาก จำนวนลูกค้าทางนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
ท่ามกลางลูกค้าที่ต่อแถวซื้อ มีหญิงสาวในชุดกระโปรงแดงสะดุดตา หล่อนผิวพรรณดีและมีแววตาอ่อนโยน ท่าทางราวกับนางฟ้า
เมื่อสวี่ชิงเห็นก็อดเอื้อมแขนออกไปหยิกแขนโจวจินหนานไม่ได้ หญิงสาวในชุดแดงแต่งดิ้นเงินที่แขนและคอเสื้อเหมือนแม่เธอในชุดแต่งงานไม่มีผิด!
อีกทั้งยังมีโครงหน้าละม้ายคล้ายเย่หนานในรูปอีกต่างหาก!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ต่อให้ใช้น้ำมันพรายฤทธิ์แรงขนาดไหน ถ้าเขาไม่รักก็คือไม่รักค่ะ
เอ๊ะ แม่ชิงชิงปรากฏตัวแล้วเหรอ
ไหหม่า(海馬)