เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 145 โจวจินหนานแหงนมองท้องฟ้าสีครามที่หายไปนาน
บทที่ 145 โจวจินหนานแหงนมองท้องฟ้าสีครามที่หายไปนาน
ภายในห้องพัก โจวจินหนานกำลังต่อสู้กับชายร่างผอมบาง
สิ่งที่ทำให้สวี่ชิงตกใจยิ่งกว่าเดิมคือการที่ชายคนนั้นถือเข็มฉีดยาเอาไว้ในมือ ไม่จำเป็นต้องคิดก็รู้ว่านั่นคือสิ่งไม่ดีแน่!
ถึงแม้ว่าโจวจินหนานจะยังมองเห็นไม่ได้ชัด ทว่าอีกฝ่ายก็ไม่ได้เปรียบจากข้อนี้เลย
เมื่อได้ยินว่าสวี่ชิงกำลังเข้ามา โจวจินหนานจึงตะโกนสั่งสวี่ชิงขณะต่อสู้อยู่กับชายตรงหน้า “หนีไป!”
สวี่ชิงรีบหยุดเท้าในทันที ถ้าเธอวิ่งเข้าไป เธอไม่เพียงจะช่วยเหลือโจวจินหนานไม่ได้ แต่ยังจะสร้างปัญหาให้แก่เขาด้วย เธอจึงก้าวถอยหลังและร้องตะโกนว่า “ระวังค่ะ ในมือเขามีเข็มฉีดยา!”
ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องตะโกนของสวี่ชิง เกาจ้านก็รีบวิ่งออกมาก่อนที่เหล็กดามแขนจะติดตั้งเสร็จ
เขาดึงสวี่ชิงมาไว้ด้านข้าง ก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องพัก
โดยปกติแล้ว โจวจินหนานสามารถจัดการคนร้ายได้อย่างง่ายได้ และตอนนี้ก็มีเกาจ้านอยู่ด้วย ทำให้คนร้ายต้านทานไม่ไหวและกำลังจะหนีเอาตัวรอด!
โจวจินหนานรีบเตะคนร้ายอัดเข้ากับหน้าต่าง ขณะที่เกาจ้านกระชากเข็มฉีดยาออกมา และฉีดเข้าที่เส้นเลือดใหญ่บริเวณคอของฝ่ายตรงข้าม!
อีกฝ่ายกรีดร้องและกระโดดออกไปนอกหน้าต่างด้วยความตื่นตระหนก
จากนั้นจึงตามมาด้วยเสียงร้องครวญคราง!
ที่นี่คือชั้นห้า การกระโดดลงไปอย่างไม่ระมัดระวังตัว ก็เกรงว่าคนคนนั้นจะดวงกุดแล้ว!
หมอที่ตามมารีบร้องตะโกนว่า “รีบไปแจ้งแผนกรักษาความปลอดภัย ให้คนโทรแจ้งตำรวจ”
เขาเพียงมองดูตัวตนของโจวจินหนานกับเกาจ้านก็รู้แล้วว่าพวกเขาไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นคนที่ทำร้ายพวกเขาจะต้องไม่ใช่คนดีอย่างแน่นอน
สวี่ชิงที่เฝ้าดูอยู่ยังคงระทึกกับฉากการต่อสู้ที่เล่นวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว เมื่อใดที่โจวจินหนานกับเกาจ้านร่วมมือกัน พวกเขาก็ช่างดูโหดเหี้ยมยิ่งนัก
และเข็มฉีดยานั้นต้องเต็มไปด้วยบางสิ่งบางอย่างที่อาจอันตรายถึงชีวิตของโจวจินหนาน
ถ้าโจวจินหนานอ่อนแอกว่านี้ เขาอาจจะต้องสูญเสียชีวิตตนเองไป!
เธอรู้สึกหายใจลำบากเล็กน้อยเมื่อยืนอยู่ที่นี่ นึกไม่ออกว่าโจวจินหนานกับเกาจ้านเคยเจออะไรกันมาบ้าง
โจวจินหนานกระซิบบอกเกาจ้านให้เข้าไปรักษาอาการบาดเจ็บกับหมอ
จากนั้นเขาจึงโบกมือให้สวี่ชิงที่ยืนอยู่หน้าประตู
สวี่ชิงสูดลมหายใจและเดินเข้าไป เอื้อมมือออกไปจับมือของโจวจินหนาน “เขาคือใครคะ?”
โจวจินหนานลูบผมเธอ “กลัวเหรอ? ไม่ต้องกลัว เขาก็แค่หมดทางสู้ เลยใช้วิธีโง่ ๆ แบบนี้น่ะ”
สวี่ชิงพยักหน้า หัวใจของเธอยังคงเต้นแรง “ฉันกลัวว่าคุณจะบาดเจ็บน่ะ คุณเป็นอะไรไหมคะ”
โจวจินหนานส่ายหน้า “ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องกังวล ไม่เป็นไรแล้วนะ”
ทั้งสองนั่งเงียบ ๆ อยู่ในห้องพักครู่หนึ่ง สวี่ชิงไม่รู้ว่าเกาจ้านกำลังลงไปจัดการ หรือว่าทางโรงพยาบาลเป็นฝ่ายประสานงานกับตำรวจ ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครมาตามพวกเขา
หลังจากนั้นไม่นาน เกาจ้านก็กลับมาพร้อมกับผ้ากอซที่พันรอบคอและมีแขนขวาห้อยอยู่
เห็นได้ชัดว่าใบหน้าของเขาซีดเผือด แต่ยังคงพูดด้วยท่าทางเฉยเมย “คนพวกนั้นกลัวจนตื่นตระหนก กลัวเรื่องดวงตาของนายที่กำลังหายดีนั่นแหละ”
เมื่อใดที่ดวงตาของโจวจินหนานหายดีและกลับไปที่ทีม เขาจะเป็นเหมือนเสือร้ายที่กลับมายังภูเขา เหล่าศัตรูจะไม่กลัวได้อย่างไร!
ดวงตาของโจวจินหนานยังคงรู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อย เขาหรี่ตาและมองไปที่เกาจ้าน “งั้นเหรอ? ถ้างั้นเรากลับกันเถอะ”
สวี่ชิงพาผู้บาดเจ็บทั้งสองกลับไปที่บ้าน เหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาเที่ยงตรงแล้ว เธอจึงไม่เข้าไปที่ร้าน
ในตอนเช้าเธอบอกผางเจิ้งหัวว่าจะไปบ้านคุณย่า และอาจจะไม่ได้เข้าไปในตอนเที่ยง
เธอปล่อยให้โจวจินหนานกับเกาจ้านนั่งบนเก้าอี้หวายที่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ และชงชาซานเป่าไท่*(1)ที่มีชื่อเสียงโด่งดังประจำจังหวัดกานเสิ่งให้พวกเขาทั้งสอง จากนั้นจึงไปทำอาหารต่อ
โจวจินหนานไม่ต้องการให้สวี่ชิงเหนื่อยมากนัก นอกจากนี้เธอยังตั้งท้องอยู่ “คุณก็พักสักแปบเถอะค่ะ เดี๋ยวพวกผมจะออกไปหาอะไรกินตอนบ่าย”
เกาจ้านพยักหน้า “ใช่ๆๆ อย่าทำตัวยุ่งนักเลย ตอนนี้เธอไม่เหมือนเดิมแล้ว ต้องดูแลตัวเองให้ดี”
สวี่ชิงหัวเราะ “ไม่เหมือนเดิมยังไงคะ ฉันตั้งท้องก็หมายความว่าฉันจะต้องกระฉับกระเฉงขึ้น แค่ทำอาหารไม่เหนื่อยหรอก นอกจากนี้อาหารข้างนอกยังไม่อร่อยเท่าของฉัน พวกพี่แค่รอก็พอ”
เกาจ้านรีบหยุดพูดชักชวนทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เพราะว่าอาหารข้างนอกไม่อร่อยเท่าอาหารของสวี่ชิง
ก่อนจะยิ้มกว้าง “งั้นก็รบกวนหน่อยนะ”
สวี่ชิงเข้าไปทำอาหารในห้องครัว ขณะที่เกาจ้านกำลังดื่มชาสบาย ๆ และมองไปที่โจวจินหนาน “ฉันคิดว่านายต้องดูเรื่องนี้ด้วยตาตัวเอง เก็บเป็นความลับเอาไว้ ต่อให้นายมองเห็นแล้วจริง ๆ ก็อย่าเพิ่งรีบกลับไปนักเลย มาคุยถึงคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก่อนเถอะ”
ศัตรูที่อยู่เบื้องหลังน่ากลัวกว่าศัตรูที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
โจวจินหนานไม่ออกความคิดเห็น “ได้เอากระบอกเข็มฉีดยาไปตรวจสอบหรือเปล่า?”
เกาจ้านพยักหน้า “แน่นอน มั่นใจได้เลยว่าอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็จะไม่พลาดเด็ดขาด ว่าแต่ขอถามหน่อยสิ รู้สึกยังไงบ้างที่จะได้เป็นพ่อคน?”
รอบยิ้มปรากฏบนใบหน้าของโจวจินหนานในทันที “นายไม่เข้าใจหรอก ต่อให้ฉันบอกนาย นายก็จะไม่มีวันเข้าใจ”
เกาจ้านจิ๊ปาก “นายดูถูกคนอย่างฉันเหรอ! ฉันจะไม่เข้าใจได้ยังไง? ดูนายก่อนเถอะ พอพูดคำว่าพ่อทีไร ปากยิ้มกว้างจนจะฉีกไปถึงรูหูทุกที”
โจวจินหนานยังคงยิ้มกว้างโดยไม่สนใจเกาจ้าน ในฐานะหนุ่มโสด เขาคงไม่มีวันเข้าใจเรื่องนี้
สวี่ชิงที่ออกมาล้างผักบังเอิญได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง
เธออดหัวเราะไม่ได้เมื่อมองดูรอยยิ้มที่ไม่อาจปิดซ่อนไว้ของโจวจินหนาน อีกทั้งยังพูดตอบโต้ด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ
หัวใจของทั้งสองแข็งแกร่งมากจริง ๆ พวกเขาพบเจอกับประสบการณ์ที่ชวนระทึกขวัญมากมาย แต่ตอนนั้นกลับไม่มีอะไรอื่น นอกจากพูดคุยเรื่องครอบครัว
เธอไม่มีเวลาออกไปซื้อเนื้อในตอนเที่ยง จึงขอให้ผางเจิ้งฮวาเอาเนื้อทั้งหมดกลับมาที่บ้าน
สวี่ชิงทำบะหมี่โหยวพัวเมี่ยน*(2) ผัดจนเป็นสีทองอมน้ำตาลทั้งสองข้าง จากนั้นจึงโปะหน้าด้วยไข่ดาว
อาหารของเธอทำให้เกาจ้านประหลาดใจครั้งแล้วครั้งเล่า “บะหมี่นี้น่าทึ่งชะมัด!”
สวี่ชิงยิ้ม “อร่อยนะคะ พี่กินเยอะ ๆ เลย”
หลังจากกินเสร็จ เกาจ้านก็วางตะเกียบลง ขณะที่โจวจินหนานพูดเร่ง “กินเสร็จก็กลับไปได้แล้ว!”
เกาจ้านจ้องเขม็ง “ไอ้เชี่ย? โจวจินหนานนายไม่มีความเป็นมนุษย์เลยสินะ พอเรียกใช้ฉันฉันก็มาทันที พอไม่ต้องการฉันก็ขับหัวไล่ส่ง แขนฉันยังเจ็บอยู่นะเว้ย”
สวี่ชิงรู้สึกไม่ดี “นั่นสิคะ ให้พี่ใหญ่เกาพักในห้องคุณย่าสักแปบเถอะค่ะ”
โจวจินหนานไม่พูดอะไร เพียงแต่ใช้ดวงตาที่มองเห็นไม่ชัดจ้องเขม็งไปที่เกาจ้าน
เกาจ้านเดาะลิ้น ส่งเสียงฮึๆ “ช่างเถอะ ฉันกลับก็ได้ ไม่อยากอยู่ให้บาดตาบาดใจหรอก”
เขาลุกขึ้นยืนและส่ายหน้าไปมา “ฉันเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว ทีหลังจะไม่กลับมาที่นี่อีก”
สวี่ชิงกังวลเล็กน้อยว่าเกาจ้านจะโกรธ “พี่ใหญ่เกา อย่าโกรธกันเลยนะคะ พี่เขาก็เป็นแบบนี้แหละ”
เกาจ้านมีความสุขขึ้นมาทันที “เธอคงไม่ได้คิดว่าฉันโกรธจริง ๆ หรอกใช่ไหม? เราทั้งสองเคยชินกับเรื่องแบบนี้แล้ว อีกอย่างฉันก็กลับไปพักผ่อนด้วย”
สวี่ชิง “…”
มิตรภาพระหว่างผู้ชายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเข้าใจได้ยาก
เกาจ้านเดินไปที่ประตู ก้าวเท้าออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม
โจวจินหนานนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ ฟังเสียงฝีเท้าของเกาจ้านกับสวี่ชิงที่เดินจากไป ตอนนี้ความเจ็บปวดในดวงตาของเขารุนแรงกว่าตอนที่อยู่โรงพยาบาลมาก
เขาหลับตาและลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง แต่กับต้องตกตะลึงเมื่อมองเห็นแสงสว่างที่ส่องผ่านใบไม้เขียวชอุ่ม ท้องฟ้าสีครามที่เขาไม่ได้เห็นมานาน!
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เขาลุกขึ้นและมองดูสวี่ชิงที่กำลังเดินเข้ามาหาเขา ราวกับว่าเธอกำลังค่อย ๆ เดินผ่านสายฝนและชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
สวี่ชิงมองดูดวงตาที่จดจ่อของโจวจินหนาน และร้องถามด้วยความประหลาดใจ “พี่โจวจินหนาน พี่มองเห็นฉันแล้ว!”
……………………………………………………………………………………………………………………….
*(1) ชาซานเป่าไท่ คือชาที่มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ในสมัยราชวงศ์ถัง นิยมดื่มกันในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีน ซึ่งจะมีส่วนประกอบหลักเป็นพุทธาแห้ง เก๋ากี้ ดอกเก็กฮวย และลำไยแห้ง
*(2) บะหมี่โหยวพัวเมี่ยน บะหมี่ที่มีเส้นหนาทำมาจากแป้งสาลี ผัดใส่พริก ขาหมูและเครื่องต่าง ๆ รสชาติเข้มข้นแต่ไม่เผ็ดตามรูปแบบการกินของชาวซีอาน
สารจากผู้แปล
สองคนนี้ร่วมมือกันแล้วโหดจริงค่ะ แค่พี่หนานคนเดียวว่าโหดแล้ว มีสมุนอย่างเกาจ้านมาร่วมด้วยยิ่งโหดคูณสอง
เย้ พี่หนานมองเห็นแล้วววว
ไหหม่า(海馬)