เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 139 สวี่ชิงพบว่าโจวจินหนานที่มองเห็น
ตอนที่ 139 สวี่ชิงพบว่าโจวจินหนานที่มองเห็น
สวี่ชิงตกตะลึงไปชั่วขณะ นี่มันเรื่องอะไรกัน!
ฉินเสวี่ยเหมยถอนหายใจหลังจากพูดจบ “แต่ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าดวงตาของโจวจินหนานจะดูดีและเท่แบบนี้ ดูดีกว่าไอ้ละอ่อนโจวจินซวนอีก”
สวี่ชิงมองหล่อนด้วยสายตาว่างเปล่า “ไหนตอนแรกเธอบอกว่าโจวจินซวนดูดี”
ฉินเสวี่ยเหมยหัวเราะคิกคัก “มันก็แค่ผิวเผินไม่ใช่เหรอ? แต่โจวจินหนานดูเป็นคนจริงจังมาก ฉันไม่อยากคุยกับเขาเลย”
สวี่ชิงดีอกดีใจ “ที่จริงเขาเป็นคนดีมากเลยล่ะ”
ฉินเสวี่ยเหมยถอนหายใจและพึมพำ “ดูความดีใจจนออกนอกหน้าของเธอสิ ฉันอิจฉาแล้วนะ”
สวี่ชิงรอจนกว่ากระดูกหางวัวจะเคี่ยวเสร็จแล้วจึงตักใส่กล่องอาหาร ก่อนจะพาโจวจินหนานกับไป๋หลางไปร้านอาหารด้วยกัน และฉินเสวี่ยเหมยก็ไปร่วมสนุกในครั้งนี้ด้วย
ตอนเที่ยงเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งมาก รถไฟบางขบวนจะออกเดินทางในวันรุ่งขึ้น จึงทำให้มีผู้โดยสารติดค้างอยู่ที่สถานีเป็นจำนวนมาก
ผู้โดยสารบางคนเปิดมัดผ้าปูที่นอนและนอนลงบนลานกว้างจัตุรัส
ผู้คนทั้งหลายล้วนเป็นคนต่างถิ่น ไม่คุ้นเคยกับเมืองหลวง กลัวตกรถไฟและไม่กล้าเดินไปไหน หากคิดอยากจะกินอาหารอร่อย ๆ สักมื้อ ร้านอาหารของสวี่ชิงจึงเป็นที่ตอบโจทย์ที่สุด
วัตถุดิบที่ถูกเตรียมไว้ขายหมดเกลี้ยงตั้งแต่ตอนกลางคืน และไม่มีเหลือให้ขายในตอนบ่าย
หม้อนึ่งไม่เคยว่างงานและยังถูกใช้งานอย่างต่อเนื่อง ผางเจิ้งหัวยุ่งอยู่กับงานในครัวจนไม่มีเวลาได้พัก
กว่าจะถึงเวลาห้าโมงเย็น อาหารก็ถูกขายจนหมด
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไป๋หลางกับโจวจินหนานที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าประตูหรือไม่ จึงไม่มีใครวิ่งราวหรือแสดงท่าทางเป็นหัวขโมย
สวี่ชิงมองดูอ่างที่ใสสะอาด เธอรู้สึกเหนื่อยมากจนไม่สามารถยกแขนขึ้นได้ ก่อนจะนั่งลงข้างโจวจินหนานและพูดว่า “ถ้าขายดีแบบนี้ทุกวัน ต่อจากนี้พี่ก็อยู่บ้านเลี้ยงลูกไปนะ ฉันจะหาเงินมาเลี้ยงครอบครัวเอง”
เมื่อพูดจบ จู่ ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนนี้เธอลืมบอกอะไรโจวจินหนาน เธอลืมบอกเรื่องการตั้งครรภ์
แต่พอมาคิดดูก็ยังไม่แน่ใจว่าตนตั้งครรภ์จริงหรือไม่ รอให้คุณย่าตรวจชีพจรก่อนจะดีกว่า จากนั้นค่อยบอกโจวจินหนานตอนที่มั่นใจแล้ว ไม่อย่างนั้นจะอาจจะมีความสุขเก้อได้
โจวจินหนานเงียบไปครู่หนึ่ง “ถ้ามันยากเกินไป คุณไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ ยังไงเราก็เท่าเทียมกัน”
การเสิร์ฟอาหารเป็นงานหนัก
สวี่ชิงรีบโพล่งออกไป “ก็ใช่ งั้นพี่เสนอความคิดมาได้เลย อีกอย่างฉันบอกให้ผางเจิ้งหัวรับเด็กฝึกงานอีกสองคน เรารับเด็กฝึกงานมาแล้ว จะต้องมีอาหารและจ่ายค่าจ้างด้วย ถึงจะมีคนมาทำ”
ตอนนี้หลายแห่งรับเด็กฝึกงาน ไม่เพียงแต่จะไม่จ่ายค่าจ้างเท่านั้น แต่ยังเรียกเก็บเงินค่าเรียนรู้อีกด้วย
ผางเจิ้งหัวออกมามองดูผู้คนในลานจัตุรัสด้วยท่าทางที่ไม่อยากรีบปิดร้านนัก “ปิดร้านเร็วไปไหม? น่าเสียดายจัง”
สวี่ชิงยิ้ม “ไม่น่าเสียดายหรอก ฉันกับโจวจินหนานเพิ่งคิดอะไรออก นายไปจ้างเด็กฝึกงานมาเพิ่มอีกสองคน ขอเป็นเด็กผู้ชายที่อายุสิบเจ็ดถึงสิบแปดปี สามารถล้างหั่นผักและหุงข้าวได้ แล้วชวนคุณอาเชียวเฟิ่งกับคุณน้าซิ่วเจินมากินข้าวเย็นด้วยกัน”
ผางเจิ้งหัวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ก็ได้ เอาไว้กลับไปแล้วฉันจะไปหาคนมาให้”
สวี่ชิงพยักหน้า “อืม นี่สายแล้ว นายรีบไปซื้อผักก่อนเถอะ ส่วนเนื้อน่าจะมาส่งที่บ้านแล้ว พวกเราจะรีบกลับไปดู”
เมื่อไม่นานมานี้เธอร่วมมือกับคนขายเนื้อในตลาด โดยบอกพวกเขาให้มาส่งเนื้อจำนวนห้าสิบกิโลกรัมมาที่บ้านของเธอทุกสี่หรือห้าโมงเย็น เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ต้องออกไปซื้อเอง
สวี่ชิงกับโจวจินหนานกำลังอยู่ระหว่างทาง และทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ว่าเธอกับโจวจินหนานยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน “คุณหิวไหมคะ? ฉันลืมเอาซุปหางวัวที่เตรียมมาให้คุณ”
โจวจินหนานส่ายหัว “ไม่หิว ค่อยกลับไปกินที่บ้านกัน”
สวี่ชิงรู้สึกเศร้าใจ “ฉันลืมไปสนิทเลย เอาไว้คืนนี้ฉันจะทำมันเทศบดให้กินนะคะ”
โจวจินหนานยิ้มมุมปาก “ไม่เป็นไร ผมแค่นั่งเฉย ๆ ไม่เหนื่อยหรอก ถ้าคุณเหนื่อยก็ไม่ต้องทำหรอก”
สวี่ชิงเอียงศีรษะมองโจวจินหนาน รอยย่นบริเวณดวงตาปรากฏขึ้นเล็กน้อยทันทีที่เขายิ้ม ใบหน้าเย็นชาดูอ่อนยวบลง และรู้สึกได้ถึงแสงสว่างในดวงตาของเขา
หัวใจของเธอเต้นระรัว รีบก้มหน้าลงด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ถึงพวกเขาจะเป็นสามีภรรยากัน แต่กลับหน้าแดงทุกครั้งที่เป็นเช่นนี้
เมื่อทั้งสองกลับมาถึงบ้าน พวกเขาเห็นหญิงสาวทั้งสองคนที่มีหน้าที่ช่วยคัดเลือกผักยิ่งนิ่งไม่ไหวติ่งอยู่ที่หน้าประตู ใบหน้าของพวกเธอไม่น่ามองนัก อีกทั้งชาวบ้านยังชี้นิ้วมาที่พวกเธอ
สวี่ชิงตระหนักได้ในทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอปล่อยมือโจวจินหนานและรีบวิ่งเข้าไป
หญิงสาวสกุลจินที่เห็นสวี่ชิง รีบดึงเธอเข้ามา “ไม่รู้ว่าใครใจร้ายไส้ระกำเอาขี้มาสาดใส่หน้าประตูบ้านเธอ แถมยังใช้ถ่านหินเขียนว่าคนใจดำชอบปอกลอกคนรวย!”
สวี่ชิงเหลือบมองคำอวยพรสีแดงสองคำบนแผงประตู ซึ่งเต็มไปด้วยคราบอุจจาระสีเหลืองขนาดใหญ่ และยังมีประโยคที่ว่าคนใจดำชอบปอกลอกคนรวย!
ใบหน้าของเธอเรียบนิ่งเย็นชา
พี่สะใภ้จินหันไปมองสวี่ชิง “เธอไปทำให้ใครขุ่นเคืองหรือเปล่า?”
หล่อนทำงานกับสวี่ชิงมาสองสามวันแล้ว และรู้สึกว่าคู่สามีภรรยาสวี่ชิงนิสัยดีมาก โอบอ้อมอารีและไม่พูดโอ้อวด ทุกครั้งที่ทำอาหาร พวกเขามักจะแบ่งอาหารอร่อย ๆ ให้หล่อนเสมอ
นอกจากนี้สวี่ชิงมักจะยิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อพูดคุยกัน เธอจะไปทำให้ใครขุ่นเคืองได้อย่างไร!
สวี่ชิงนึกถึงป้าหม่าที่มาหาเธอในตอนเช้า แต่เธอจะกล้าทำแบบนี้จริง ๆ เหรอ? เพียงแค่ไม่ได้กินอาหาร จำเป็นต้องขว้างอุจาระใส่ประตูบ้านของเธอเลยหรือไง?
เธอหันกลับไปและรีบเดินไปบ้านป้าหม่าอย่างรวดเร็ว โดยไม่แม้แต่จะคิด
แม้ว่าโจวจินหนานจะมองเห็นไม่ชัด แต่เขาก็ได้กลิ่นเหม็นหึ่งอยู่ในอากาศ อีกอย่างเขาได้ยินคำพูดของพี่สะใภ้จินชัดแจ๋ว เมื่อเห็นร่างคลุมเครือของสวี่ชิงเดินออกไป เขาจึงลูบหัวไป๋หลางโดยออกคำสั่งให้มันตามสวี่ชิงไป
สวี่ชิงที่รีบเดินเข้าไปในบ้านของป้าหม่าเห็นว่าหญิงชรากำลังนั่งเย็บผ้าอยู่ที่ลานบ้าน เธอจึงเดินเข้าไปอีกสองสามก้าว คว้าส้นรองเท้าขึ้นมาขว้างลงกับพื้น พุ่งตรงเข้าไปหาคว้าปกคอเสื้อของป้าหม่า
ขาทั้งสองข้างของป้าหม่าอ่อนแรงด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นท่าทางชั่วร้ายของสวี่ชิง จึงร้องตะโกนเสียงดัง “แกจะทำอะไร? ปล่อยฉัน! ปล่อย!”
สวี่ชิงกระชากปกคอเสื้อของป้าหม่าและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทำอะไรงั้นเหรอ? ฉันก็จะให้แกไปเลียประตูบ้านฉันให้สะอาดยังไงล่ะ!”
ป้าหม่ารีบร้องโหยหวน “ฉันไม่ได้ทำ ปล่อยฉันเถอะ!”
สวี่ชิงใช้มืออีกข้างหนึ่งฟาดเข้าที่ใบหน้าของป้าหม่า
สวี่ชิงยกมือขึ้นมาอีกครั้ง และจิ้มเข้าไปในดวงตาของป้าหม่าโดยไม่แม้แต่จะคิด ส่งผลให้อีกฝ่ายหลับตาแน่นและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้
“ฉันมันคนใจดำที่ชอบปอกลอกคนรวยไม่ใช่เหรอ? งั้นฉันก็จะให้แกดูให้เต็มตาว่าเกิดอะไรขึ้น! จะเลียประตูให้สะอาด หรือจะบอกมาว่าใครสั่งให้แกทำ!”
ป้าหม่าร้องไห้ “ไม่มีใครทั้งนั้น ใครสั่งให้แกไม่เอาอาหารให้ฉันก่อนล่ะ บ้านแกก็เคี่ยวเนื้อทุกวัน หาเงินได้ขนาดนั้น ให้เรากินหน่อยไม่ได้หรือไง?”
สวี่ชิงหัวเราะเยาะ “ดี ในเมื่อแกไม่พูด! ได้ งั้นมากับฉัน!”
ป้าหม่าขดตัวและนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้น ทำให้สวี่ชิงไม่สามารถลากนางไปไหนได้
ไป๋หลางที่รีบวิ่งเข้ามาอ้าปากเห่าใส่ป้าหม่า และเตรียมจะเปิดปากงับก้นของอีกฝ่าย
ป้าหม่ากรีดร้องด้วยความตกใจ สะดุ้งโหยงและปล่อยให้สวี่ชิงลากนางออกไป อีกทั้งยังร้องตะโกนอย่างต่อเนื่อง “เธอจะฆ่าฉันหรือไง ปล่อยฉัน! ช่วยด้วย…”
สวี่ชิงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงกรีดร้อง และลากนางออกนอกประตู เธอไม่เชื่อว่าจะไม่มีใครอยู่เบื้องหลังคำสั่งการนี้!
คิดว่าเธอเป็นคนอ่อนแอที่จะรังแกอย่างไรก็ได้หรือ?
ขณะที่เธอกำลังลากป้าหม่าออกจากประตู เธอก็เหลือบเห็นโจวจินหนานกำลังเดินเข้ามา…
สวี่ชิงตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง เขามองไม่เห็นแต่ทำไมถึงเดินได้มั่นคงนัก?
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ให้ชิงชิงอยู่ดีๆ ไม่ได้ งั้นก็เจอชิงชิงบทโหดแล้วกันนะป้า
ไหหม่า(海馬)