เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 134 เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่เคยคิดทำร้ายใคร
บทที่ 134 เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง ไม่เคยคิดทำร้ายใคร
สีหน้าของซูฮุ่ยหรูเปลี่ยนไปทันทีที่โจวจินหนานพูดจบ น้ำเสียงของหล่อนเปลี่ยนสั่นเครือโดยที่ไม่รู้ตัว “แกพูดบ้าอะไร? น้องมันไม่ใช่น้องชายแกหรือไง?”
เห็นได้ชัดว่าเฉินหยิงไม่มีความสุขอย่างมาก “จินหนาน ไม่ว่าจินซวนจะทำผิดอะไร แต่นั่นก็ยังเป็นน้อง ถ้าหลานจะให้อภัยน้องไม่ได้ หลานก็ควรพูดแบบนี้”
สวี่ชิงรู้สึกประหลาดใจ เพราะว่าเธอรู้เรื่องสกปรกโสมมระหว่างซูฮุ่ยหรูกับลุงคนโต และการที่โจวจินหนานพูดแบบนี้ เป็นไปได้ไหมว่าโจวจินซวนจะเป็นลูกชายของซูฮุ่ยหรูกับโจวเฉิงเฉียน?
โจวจินหนานพูดเบา ๆ ว่า “พวกคุณจะคิดยังไงก็เรื่องของพวกคุณ ดึกแล้ว พวกเราจะพักผ่อน”
เฉินหยิงรู้สึกเสียใจอย่างมาก และรู้สึกว่าหลานชายได้กลายมาเป็นคนแปลกหน้า ดูเหมือนว่าความเกลียดชังจะไม่ได้มีต่อซูฮุ่ยหรูเพียงคนเดียว แต่เป็นพวกเขาทั้งหมด
ก่อนจะถอนหายใจอย่างทำอะไรไม่ถูก “ก็ได้ งั้นพวกเรากลับก่อนนะ ซุปปลายังร้อนอยู่ พวกเธอทั้งหลายก็กินกันซะล่ะ”
เมื่อพูดจบ นางกับซูฮุ่ยหรูก็เตรียมจะเดินออกไป
ทว่าสวี่ชิงกลับรีบหยิบถุงตาข่ายที่บรรจุกล่องอาหารขึ้นมา เดินเอาไปยื่นให้ซูฮุ่ยหรู “พวกเราไม่กินซุปปลาหรอกค่ะ ทุกวันนี้พวกเราก็กินดีอยู่ดีอยู่แล้ว เพราะงั้นเราไม่ต้องการอาหารเสริมที่ยุ่งยากแบบนี้หรอกค่ะ”
ในความเป็นจริงเธอรอให้เฉินหยิงกับซูฮุ่ยหรูออกไปก่อนแล้วจึงค่อยทิ้งซุปปลาได้ แต่เธออยากจะรู้ว่าซูฮุ่ยหรูจงใจทำแบบนี้หรือแค่บังเอิญกันแน่?
ทำไมหล่อนไม่ส่งซุปปลามาตั้งแต่เช้า แต่กลับเอามาให้ตอนนี้?
ซูฮุ่ยหรูชะงักไปครู่หนึ่งและชมวดคิ้ว “จินหนานชอบกินซุปปลามาตั้งแต่เด็ก ฉันเคี่ยวมันตลอดทั้งช่วงบ่าย เพื่อให้ซุปมีรสชาติเข้มข้น”
“ไม่จำเป็นค่ะ และตอนนี้เขาก็ไม่ได้ชอบซุปปลา”
สวี่ชิงจ้องไปที่ดวงตาของซูฮุ่ยหรู เพื่อดูว่าหล่อนมีท่าทางกระสับกระส่ายหรือไม่
แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีท่าทีกระสับกระส่าย หรือว่าเธอจะเดาผิด? เป็นเรื่องบังเอิญเหรอ?
โจวจินหนานรีบพูดขึ้นทันทีว่า “ผมไม่ชอบกินซุปปลา เพราะคุณบอกเองว่าให้เอาเนื้อปลาให้น้องกิน เพราะงั้นผมกินได้แค่น้ำซุป”
ซูฮุ่ยหรูไม่อาจพูดอะไรออกไปได้อีก หล่อนกำถุงตาข่ายแน่น และทิ้งให้เฉินหยิงรู้สึกลำบากใจเพียงลำพัง
สวี่ชิงปิดประตูและลงกลอนจากด้านใน ก่อนจะหันไปมองโจวจินหนานที่อยู่ใต้ต้นฉัตรจีน แสงสว่างที่ตกกระทบลอดช่องผ่านใบไม้ทำให้เขาดูน่าสงสารยิ่งนัก
เมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาพูดว่าจะต้องแบ่งเนื้อปลาให้น้องชาย ส่วนตัวเขาได้ดื่มเพียงน้ำซุปเท่านั้น
เธอก็เอื้อมมือไปโอบรอบเอวโจวจินหนาน “หลังจากนี้ เมื่อเรามีลูกด้วยกันแล้ว เราทั้งสามคนจะกินอาหารอร่อย ๆ ด้วยกัน และฉันจะแบ่งเนื้อปลาให้คุณกินด้วยกันนะคะ”
โจวจินหนานไม่รู้ว่าตนจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ทำได้เพียงยื่นมือออกไปลูบศีรษะอีกฝ่าย “ไม่เป็นไร คนตัวใหญ่ก็ต้องแบ่งให้คนตัวเล็กเป็นธรรมดา ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอก”
แค่คำพูดของซูฮุ่ยหรูทำให้คนฟังไม่สบายใจ
สวี่ชิงพยักหน้า “คุณย่าบอกว่าช่วงนี้คุณห้ามกินปลาและดื่มเหล้า เพราะงั้นฉันก็เลยสงสัยว่าแม่ของคุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่า และทำไมถึงเลือกมาส่งซุปปลาในวันนี้?”
โจวจินหนานขมวดคิ้ว “ไม่ต้องกังวลเรื่องหล่อนหรอก ไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
เช้าวันถัดมา สวี่ชิงรอให้ผางเจิ้งหัวกับซุนเชียวเฟิ่งมารับผักกับเนื้อไปก่อน และหลังจากนั้นจึงรอให้เกาจ้านมารับพวกเขาไปซอยฮวยซู่ด้วยกัน
เฟิงซูฮวานั่งอยู่ใต้ซุ้มต้นองุ่น เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน
สวี่ชิงเห็นว่าสีหน้าของเฟิงซูฮวาดูดีมาก เธอจึงเดินเข้าไปหา นั่งยอง ๆ และพูดถามด้วยความร้อนใจ “คุณย่า เป็นยังไงบ้างคะ? ได้ผลไหม?”
เฟิงซูฮวายิ้มขณะมองดูหลานสาวที่นั่งยอง ๆ อยู่ข้างหน้า ก่อนจะเอื้อมมือออกไปแตะหน้าผากของอีกฝ่าย “หลายเอ๋ย คงเอาแต่นึกถึงโจวจินหนานสินะ ไม่คิดจะถามย่าสักคำว่ากินข้าวเช้าหรือยัง”
สวี่ชิงหน้าแดงก่ำเมื่อได้ยินคำพูดแกมหลอกล้อของเฟิงซูฮวา และพูดออดอ้อนว่า “คุณย่าขา ฉันเอาอาหารอร่อย ๆ มาให้เยอะแยะเลยค่ะ”
เฟิงซูฮวายิ้มขณะมองไปที่โจวจินหนานกับเกาจ้านอีกครั้ง มองดูท่าทางที่วิตกกังวลของเกาจ้าน ท่าทางที่ไม่แยแสของโจวจินหนาน ราวกับว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
นางกวักมือเรียกทั้งสองคนให้นั่งลง “ของที่ย่าค้นพบมีแต่สิ่งดีงาม ตัวหนอนกู่โตเต็มวัยแล้ว แต่กระบวนการรักษาค่อนข้างเจ็บปวดหน่อย จินหนาน เธอจะทนไหวไหม?”
โจวจินหนานพยักหน้า “ไหวครับ”
กลายเป็นสวี่ชิงที่กังวลแทน “คุณย่าคะ มันจะเป็นอันตรายถึงชีวิตไหมคะ จะต้องเจ็บปวดแค่ไหนคะ?”
เฟิงซูฮวาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เพราะว่าพิษส่วนใหญ่อยู่ที่ดวงตา จะต้องให้กู่ทำกระบวนการดูดสารพิษออกก่อน มันจะเหมือนเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงเข้าไปในลูกตา ยังไงซะพิษของกู่ก็อยู่ในร่างกายของเขามานานเกิน จะเอาออกมาง่าย ๆ ได้ยังไง”
สวี่ชิงรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัวเมื่อได้ยินเช่นนั้น
มันเป็นความเจ็บปวดที่เธอคาดไม่ถึงเลยทีเดียว
ก่อนจะลังเลอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าเจ็บมากก็ไม่ต้องรักษาก็ได้”
โจวจินหนานยิ้ม “ไม่เป็นไร ผมทนได้”
เฟิงซูฮวาเรียกโจวจินหนานเข้ามาในบ้าน และสั่งให้สวี่ชิงกับเกาจ้านรออยู่ที่ลานหน้าบ้าน เฝ้าดูอย่าให้ใครเข้าไปในบ้านเด็ดขาด
สวี่ชิงเฝ้ามองประตูที่ปิดอยู่ด้วยหัวใจสั่นสะท้าน เธอไม่รู้วิธีการกำจัดพิษ แต่รู้ว่ามันจะต้องน่ากลัวมากแน่
เกาจ้านเห็นมือของสวี่ชิงลูบเข่าด้วยความประหม่าอยู่ตลอดเวลา ดวงตาจับจ้องไปที่ประตูที่ปิดอยู่ เขาจึงยิ้มปลอบเธอ “ไม่เป็นไรหรอก โจวจินหนานน่ะอดทนเก่งจะตายไป พวกเราเคยเข้ารับการทดสอบด้วยกัน ผ่านการท้าทายสุดโต่งที่ทุกคนต้องเผชิญหน้า ใครที่ทนไม่ไหวก็จะร้องขอความเมตตา”
“ต้องเอาชีวิตรอดภายใต้สภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเป็นเวลาสิบสี่วัน พื้นที่ตรงกลางมีสัตว์ป่าดุร้ายรายล้อม จะต้องพบเจอกับสถานการณ์ต่าง ๆ กะทันหัน ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายแต่ไม่ถึงขั้นเสียชีวิต และโจวจินหนานเป็นคนเดียวที่รอดชีวิตหลังจากครบสิบสี่วัน”
ทว่าความเป็นจริงมันโหดร้ายกว่าที่เขาเล่ามาก ไม่มีการแจกจ่ายอาหาร พวกเขาจะต้องหาอาหารด้วยตนเอง
ต้องกินหนูกินงูทั้งเป็น ดื่มน้ำเน่าที่มีแมลงบินว่อนประทังชีวิต
ผู้ที่สามารถเอาชีวิตรอดได้ล้วนเป็นคนที่น่าทึ่ง
สวี่ชิงรับฟังด้วยหัวใจที่บีบคั้น “ทำไมต้องฝึกฝนด้วยวิธีการที่โหดร้ายแบบนี้ด้วยคะ?”
เกาจ้านยิ้ม “เพราะว่าสงครามโหดร้ายกว่าความเป็นจริงเยอะ ถ้าไม่ใช่เพราะการฝึกฝนในครั้งนั้น โจวจินหนานคงจะพาทั้งทีมผ่านทุ่นระเบิดและกลับมาอย่างปลอดภัยไม่ได้”
สวี่ชิงรู้เรื่องสงครามที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วและปีก่อนหน้านี้ผ่านวิทยุที่เปิดฟังทุกวัน
มีวีรบุรุษผู้กล้านับไม่ถ้วนที่ต้องจบชีวิตลง
จู่ ๆ ดวงตาของเธอก็ร้อนผ่าวและแดงก่ำ
เกาจ้านมองไปที่สวี่ชิงและพูดประโยคที่เต็มไปด้วยความหมาย “เพราะงั้นเขาถือว่าเป็นคนดีคนหนึ่ง ถ้าไม่มีอะไรมาบีบบังคับ เขาจะไม่ทำร้ายใครก่อน หลังจากนี้ดูแลเขาให้ดีล่ะ”
สวี่ชิงกระพริบตาเพื่อกั้นน้ำตาไม่ให้หยดลงมา ขณะฝืนยิ้ม “ฉันรู้ว่าเขาเก่งมาก ต่อจากนี้ไปฉันจะดูแลเขาให้ดี”
ภายในห้อง เฟิงซูฮวาสั่งให้โจวจินหนานนอนลงบนเตียง และปล่อยกู่ออกมาจากกล่องดำ
หลังจากทำต่อสู้กับกู่อย่างดุเดือดเป็นเวลาสิบวัน หนอนกู่ก็มีขนาดใหญ่ขึ้น ลำตัวหนาและมีหน้าตาที่น่าน่าเกลียดน่ากลัวมากขึ้น
มันคืบคลานเข้าไปหาโจวจินหนานทันทีที่ถูกปล่อยตัว ไต่ไปที่ลำคอ ก่อนเปิดปากและกัดเส้นเลือดบริเวณลำคอของเขา
โจวจินหนานรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกเข็มทิ่มแทง หลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้สึกเจ็บแปลบกับเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกาย รับรู้ได้ว่าเส้นเลือดของตนกำลังบวมเป่ง
ต่อมาก็มีอาการปวดแสบปวดร้อนรอบดวงตาและความเจ็บปวดก็ทวีคูนความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
ความหงุดหงิดที่ไม่สามารถควบคุมได้ปะทุขึ้นมาในใจ!!
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ซุปปลานี่คล้าย ๆ กับยาสั่งเลย คนที่ปล่อยพิษกู่ใส่พี่หนานจะต้องสั่งให้แม่พี่หนานต้มซุปปลามาให้แน่ๆ ถ้าพี่หนานกินเข้าไปก็เรียบร้อย
สงสารพี่หนานนะคะ คงจะเจ็บปวดทรมานน่าดูเลยกับการถอนพิษกู่
ไหหม่า(海馬)