เกิดใหม่เป็นภรรยาสุดโหดยุค 80 - บทที่ 130 สวี่ชิง ฉันหาคนที่ทำร้ายเธอเจอแล้ว
บทที่ 130 สวี่ชิง ฉันหาคนที่ทำร้ายเธอเจอแล้ว
เฉินหยิงคิดไม่ตก มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่โจวจินหนานจะทุบตีโจวจินซวนโดยไร้เหตุผล
เพราะตั้งแต่เด็กจนโต โจวจินหนานเป็นเด็กที่มีความพอดี ถึงแม้ว่าช่วงวัยรุ่นจะซนและเกเรไปหน่อย แต่โจวจินหนานก็ไม่เคยทำอะไรที่ล้ำเส้น
นางขมวดคิ้วและมองไปที่โจวจินซวน “หลานไม่ได้ไปยั่วโมโหอะไรพี่ใหญ่ใช่ไหม?”
โจวจินซวนรู้สึกน้อยใจ “คุณย่าไม่เชื่อผมเหรอ ผมจะกล้ายั่วโมโหพี่ใหญ่ได้ยังไงครับ”
เฉินหยิงคิดแบบเดียวกัน โจวจินซวนกับโจวจินหนานอายุห่างกันห้าถึงหกปี เขาเคารพพี่ใหญ่มากตั้งแต่เด็ก จะกล้ายั่วโมโหอีกฝ่ายได้อย่างไร?
ซูฮุ่ยหรูนั่งลุกลี้ลุกลน “แม่จะไปหาโจวจินหนาน แล้วถามดูว่าพี่เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่”
หล่อนกังวลว่าโจวจินหนานจะป่าวประกาศเรื่องของหล่อนกับโจวเฉิงเฉียน
หากเป็นเช่นนั้น เกรงว่าบ้านสกุลโจวจะต้องแตกคอกัน!
หล่อนไม่อาจไปหาโจวจินหนานก่อนได้ หรือบางทีหล่อนควรจะไปคุยกับสวี่ชิงก่อนดี?
เฉินหยิงโบกมืออย่างเหลืออด “แม่ลูกควรหันหน้าคุยกัน จะปล่อยให้มันกลายเป็นความเกลียดชังจนหยั่งรากลึกลงไปได้ยังไง?”
ซูฮุ่ยหรูตั้งใจหันไปมองโจวเฉิงเฉียน ทว่าโจวเฉิงเฉียนกลับมองข้าม ดวงตาของเขาเปล่งแสงเย็นวาบราวกับดวงตาอสรพิษ
ซูฮุ่ยหรูตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว และรีบละสายตากลับมา
หลังอาหาร ผู้คนในครอบครัวต่างออกไปทำหน้าที่ของตนเอง บางส่วนออกไปเดินย่อย ขณะที่โจวจินซวนกลับไปพักผ่อนที่ห้องเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ส่วนคุณป้าพี่เลี้ยงยุ่งอยู่กับการไปซื้อผักสดที่ตลาดเช้า
เหลือเพียงซู่ฮุ่ยหรูกับโจวเฉิงเฉียนเท่านั้นที่อยู่ในห้องอาหาร
เหยียนเฉียวอวี้กลัวว่าหล่อนจะต้องช่วยล้างจานหากยังนั่งอยู่ต่อแบบนี้ จึงหาข้ออ้างในการไปห้องน้ำและจากไป
จึงเหลือเพียงซู่ฮุ่ยหรูกับโจวเฉิงเฉียนเท่านั้น
ซูฮุ่ยหรูไม่ต้องการอยู่ในห้องเพียงลำพังกับโจวเฉิงเฉียน หล่อนจึงรีบเก็บจานและเตรียมจะจากไป
โจวเฉิงเฉียนจึงเอ่ยเยาะเย้ย “กลัวผมอะไรขนาดนั้น ทีตอนนั้นคุณยังรั้งผมไว้อยู่เลย”
ซูฮุ่ยหรูตกตะลึงและมองดูเขา “ไหนเราตกลงกันแล้วไงคะว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก”
โจวเฉิงเฉียนหงุดหงิด “ผมจะไม่พูดถึงมันได้ยังไง? ในเมื่อไอ้บอดโจวจินหนานมันกำลังพาลใส่ผมอยู่? รังแกลูกชายผม! ถ้าผมปล่อยมันไป ผมก็ไม่ใช่คนแล้ว”
ซูฮุ่ยหรูกลัวว่าจะมีคนได้ยิน หล่อนจึงรีบวิ่งไปที่ประตู มองลอดออกไป และหันกลับมามองโจวเฉิงเฉียน “คุณจะตะโกนทำไม อยากให้คนอื่นรู้นักหรือไง?”
โจวเฉินเฉียงมองดูหล่อนอย่างเวทนา “คุณกลัวหรือไง? ถ้าคุณยังอยากมีชีวิตที่ดีอยู่ ก็จัดการโจวจินหนานซะ”
เปลือกตาของซูฮุ่ยหรูกระตุกอย่างแรง “คุณจะทำอะไร? โจวจินหนานเป็นลูกของฉัน คุณห้ามแตะต้องเขาเด็ดขาด!”
โจวเฉิงเฉียนแสยะยิ้ม “ลูกชายคุณ? ในสายตาของมันมีคุณเป็นแม่อยู่บ้างไหมล่ะ? ดูแต่ละสิ่งแต่ละอย่างที่มันทำ มันคิดว่าคุณเป็นแม่มันงั้นเหรอ? ก็เลือกเอาแล้วกันว่าจะให้เราจบเห่ หรือว่าจะปิดปากโจวจินหนาน”
ซูฮุ่ยหรูรู้สึกว่าโจวเฉิงเฉียนเป็นบ้าไปแล้ว เขาถึงกับต้องการฆ่าปิดปากโจวจินหนาน
หล่อนหันหลังและวิ่งออกจากบ้านไปโดยไม่สนใจถ้วยชามตะเกียบ ไม่ว่าตนจะเป็นอย่างไรก็ไม่สามารถทำร้ายลูกชายตนเองได้!
……
ตลอดสองสามวันที่ผ่านมาสวี่ชิงยุ่งมากจนต้องจ้างคนมาเพิ่มอีกสองคนเพื่อทำหน้าที่ในการล้างและเลือกผักโดยเฉพาะ พวกเขาทำงานตั้งสี่โมงเย็นจนถึงสองทุ่ม และค่าจ้างอยู่ที่แปดสิบเหมา นอกจากนี้กิจการของเธอยังเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ
ฉินเสวี่ยเหมยพบกับพวกเขาในซอย ทั้งสองอายุยังน้อย มักจะทำอะไรว่องไว และไม่พูดเจื้อยแจ้วนัก ฝีมือการทำงานใช้ได้จริง
เฟิงซูฮวาที่มาพักมาด้วยสองสามวันตัดสินใจเดินทางกลับ นางรู้สึกว่ามีคนรายล้อมอยู่รอบกายสวี่ชิงมากเกินไป และไม่ดีต่อการเจริญเติบโตของกู่สุดที่รัก นอกจากนี้ยังมีข่าวจากเกาจ้านว่าสิ่งที่นางต้องการจะมาจัดส่งในวันพรุ่งนี้
สวี่ชิงลังเลเล็กน้อยที่จะต้องแยกจากกับเฟิงซูฮวา กังวลว่าเธอจะดูแลตัวเองไม่ดี
เฟิงซูฮวายิ้มและจูงมือสวี่ชิงเข้าไปในบ้าน “หลานมองดูหน้าหงิกงอของหลานสิ ย่ากลับไปทั้งที่จะตายเอาหรือไง? ถึงเวลารดน้ำผักในทุ่งแล้ว ย่าต้องกลับไปดูมันสักหน่อย”
สวี่ชิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เดี๋ยวฉันให้เจิ้งหัวเอาอาหารอร่อย ๆ ไปให้ทุกวันนะคะ”
เฟิงซูฮวาโบกมือ “ไม่ได้ ๆ วันนี้ย่าจะไม่เจอใครทั้งนั้น”
หลังจากพูดจบ นางก็ลดน้ำเสียงลงและกระซิบกับสวี่ชิง “หลังจากเกาจ้านเอาของมาส่ง ย่าจะต้องจดจ่อกับการเลี้ยงกู่ ไม่รู้ว่าพิษค้างคาวที่พวกเขากำลังตามหาจะใช่สิ่งที่ย่าต้องการหรือเปล่า”
สวี่ชิงรู้สึกขนลุกเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว “คุณย่า ต้องระวังตัวนะคะ”
คุณย่าอาศัยอยู่กับสัตว์ที่มีพิษมากมาย ถ้าเกิดถูกมันกัดเข้าล่ะ?
เฟิงซูฮวาหัวเราะ “เด็กโง่ คนเลี้ยงกู่จะกลัวพิษได้ยังไง แค่พวกมันได้กลิ่นจากร่างกายพวกเรา สัตว์มีพิษพวกนั้นก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้พวกเราแล้ว”
ถึงอย่างนั้นสวี่ชิงก็รู้สึกว่ายังต้องระวังตัวอยู่ดี “แต่ยังไงคุณย่าก็ต้องระวังตัวนะคะ แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้เจอคุณย่าอีกคะ?”
เฟิงซูฮวาคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อีกสิบวัน ประมาณเกือบสิบวันได้”
สวี่ชิงจดบันทึกเวลา และถามขึ้นด้วยความสงสัย “หลังจากสิบวันแล้ว โจวจินหนานจะสามารถมองเห็นได้ไหมคะ”
เฟิงซูฮวาส่ายหัว “จะเร็วแบบนั้นได้ยังไง หลังจากบ่มเพาะแล้ว ยังต้องใช้เวลาในกำจัดกู่อีกนาน แต่ลิ่มเลือดในตาจะบรรเทาลง ไม่ต้องพันผ้าต่อ และจะค่อย ๆ มองเห็นแสงสว่าง”
สวี่ชิงรู้สึกมีความหวังข้นมาในทันที “ดีจังค่ะ เขาจะได้เห็นพวกเราแล้ว”
เฟิงซูฮวายิ้ม “เมื่อตาของเขาดีขึ้น เขาจะต้องจากไป ถึงตอนนั้นหลายอย่าร้องไห้ขี้มูกโป่งล่ะ”
สวี่ชิงหน้าแดงขณะโอบกอดเฟิงซูฮวา “คุณย่า ล้อฉันอีกแล้วนะคะ”
แต่จู่ ๆ เธอก็ไม่ต้องการให้วันนั้นมาถึง เธอรู้สึกลังเลที่จะต้องแยกจากกับโจวจินหนาน
เฟิงซูฮวากำชับสวี่ชิงอีกครั้ง “อย่าให้โจวจินหนานกินเนื้อปลากับสัมผัสเหล้าเหลืองล่ะ ไม่งั้นจะเป็นปัญหาได้”
แม้ว่านางจะไม่ได้อธิบายว่ามันจะเป็นปัญหาอย่างไร แต่สวี่ชิงก็รู้ดีว่าไม่ควรปล่อยปละละเลยเรื่องนี้ จากนั้นจึงพยักหน้า “ค่ะ ฉันจะคอยจับตาดู”
พวกเธอเก็บกวาดห้องอีกครั้ง ก่อนจะส่งเฟิงซูวากลับไปพร้อมกับเกาจ้าน จากกันด้วยความอาลัยอาวรณ์
กลางดึก สวี่ชิงรอให้ทุกคนคัดผักเสร็จก่อน จึงจะแยกย้ายกันกลับ เธอรู้สึกว่างเปล่าทันทีเมื่อไม่เห็นเฟิงซูฮวาอยู่ในลานบ้าน
เธอถอนหายใจขณะนั่งถัดจากโจวจินหนาน “พอคุณย่าไม่อยู่ ฉันก็รู้สึกว่าบ้านว่างเปล่าขึ้นมาทันที เดี๋ยวพอตาของคุณหายดี คุณก็จะจากไปอีกคน ถึงตอนนั้นฉันจะต้องรู้สึกเศร้ามากแน่ ๆ”
โจวจินหนานจับมือสวี่ชิงมาลูบ “ไว้มีโอกาสผมจะกลับมาหา”
ทันใดนั้น สวี่ชิงก็นึกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ตอนที่โจวจินหนานไม่ได้อยู่ที่นี่เมื่อครั้งเธอกำลังคลอดลูก เขาจะกลับมาอีกทีตอนที่ลูกหัดวิ่งไปรอบ ๆ
จากนั้นลูกก็จะมองไปที่โจวจินหนานและเรียกเขาว่าคุณลุง
น่ากลัวเสียจนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น
ช่วงเที่ยง สวี่ชิงเข้าไปช่วยในร้านอาหาร และกลับมาดูสองคนคัดผักในตอนบ่าย เธอเริ่มลงมือหมักเนื้อไว้สำหรับวันพรุ่งนี้ ดังนั้นคืนนี้เธอจึงไม่ต้องอยู่จนดึกดื่น
หลังจากทำงานตรงนี้เสร็จ เธอก็ปั่นจักรยานไปคิดบัญชีที่ร้าน
เธอยุ่งมากและมั่งคั่งขึ้นเรื่อย ๆ จนลืมการมีอยู่ของหลูเว่ยตง
ลืมคำพูดปฏิญาณตนว่าเขาจะตามหาคนที่ทำร้ายเธอ และแก้แค้นให้เธอ!
เพราะฉะนั้นสวี่ชิงจึงตกใจมากเมื่อหลูเว่ยตงบุกเข้ามาที่ลานบ้าน
เธอทำอะไรไม่ถูกเมื่อมองเห็นผมเผ้ารกรุงรังและเครายาวเฟื้อยของหลูเว่ยตง ก่อนจะพูดทักทาย “นายยังไม่กลับไปเมืองหลวงอีกเหรอ?”
หลูเว่ยตงมองดูหญิงสาวสองคนที่กำลังคัดผักอยู่ในลานบ้าน จากนั้นจึงมองไปที่โจวจินหนานที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หวาย แกะสลักบางอย่างอยู่ใต้ต้นไม้ เขากล้ำกลืนความขมขื่น และมองไปที่สวี่ชิงด้วยความตื่นเต้น “สวี่ชิง ฉันหาคนคนนั้นเจอแล้ว!”
มีดแกะสลักในมือของโจวจินหนานร่วงหล่นมาทันใด ก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างไม่ทันตั้งตัว…
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ลุงชั่วมาก ยุให้น้องสะใภ้ฆ่าลูกที่เกิดกับน้องชายตัวเอง
พี่หนานร้อนตัวแล้วหนึ่ง จะทำไงดีน้า กำลังมีชีวิตดีๆ กับชิงชิงอยู่แล้วเชียว จู่ๆ ก็มีคนจะมาเปิดโปงตัวเองซะงั้น
ไหหม่า(海馬)